Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2097 ตัวตนอันดับหนึ่งบนเส้นทางแห่งความฝัน
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2097 ตัวตนอันดับหนึ่งบนเส้นทางแห่งความฝัน
การแสดงออกของวูจี้กลายเป็นมืดมน“หากกงรี่เทียนไม่มีสายเลือดของกงเฉิงเทียน ข้าจะไม่แพ้ในการต่อสู้ครั้งนั้น!”
วูเจิ้นผิงส่ายศีรษะ “กงรี่เทียนมีวิญญาณอมตะแต่เขาเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณแม้เขาจะสามารถหลบหนีแล้วอย่างไร? เขาจะหนีได้นานเพียงใด? ผู้อมตะฝ่ายธรรมะจํานวนมากกําลังไล่ล่าเขาหากผู้อมตะของตระกูลวูประสบความสําเร็จและนําวิญญาณอมตะกลับมา มรดกนี้จะมีคุณค่ามากขึ้นมันจะเหมาะสมกับเจ้ามากขึ้นเช่นกัน”
แต่วูจี้ยังส่ายศีรษะ “มรดกที่แท้จริงทั้งสามคือมรดกบนเส้นทางแห่งทาสเส้นทางแห่งจิตวิญญาณและเส้นทางแห่งพลังปราณ พวกมันวิเศษแต่น่าเสียดายที่พวกมันไม่เหมาะสมกับข้า ข้าควรบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่งต่อไป”
“หือ?” วูเจิ้นผิงขมวดคิ้ว
วูเจิ้นจูกระตุ้น “วูจี้ ข้ารู้ว่าเจ้ามีมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางความแข็งแกร่ง แต่มรดกของเจ้ามีคุณภาพต่ำเกินไปเจ้าของเดิมเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก มันไม่สามารถเปรียบเทียบกับมรดกที่แท้จริงทั้งสาม”
เมื่อเห็นวูจี้ยังเงียบ วูเจิ้นจูจึงกล่าวต่อ “สิ่งสําคัญที่สุดคือเส้นทางความแข็งแกร่งตกต่ำลงมากมันไม่สามารถเปรียบเทียบกับเส้นทางแห่งทาสหรือเส้นทางแห่งจิตวิญญาณแม้เส้นทางแห่งพลัง
ปราณจะตกต่ำลงเช่นกัน แต่กระแสลมปราณที่เกิดขึ้นในห้าภูมิภาคจะทําให้เส้นทางแห่งพลังปราณกลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง การเลือกบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณย่อมฉลาดกว่าการ เลือกเส้นทางความแข็งแกร่ง”
วูเจิ้นผิงไม่มีความสุข “วูจี้ เจ้าไม่ใช่ผู้อมตะ เจ้าไม่รู้ถึงความยากล่าบากที่เราเผชิญมรดกทั้งสามนี้มีประโยชน์มากเจ้าเพียงยังไม่รู้สึกถึงมัน ฟังข้า จงเลือกหนึ่งในสามมรดกนี้ในอนาคตเจ้าจะดีใจกับการตัดสินใจในวันนี้”
วูจี้โค้งคํานับสองผู้อมตะ “ท่านผู้อมตะที่ยิ่งใหญ่ข้าวจี้จะไม่ลืมความห่วงใยของพวกท่านแต่หากข้าไม่เลือกเส้นทางความแข็งแกร่งข้าจะเสียใจในอนาคตขาตัดสินใจแล้วข้าจะไม่เปลี่ยนใจ อีกแม้ข้าจะล้มเหลวในอนาคตข้าก็ยินดีรับผลที่ตามมา!”
“เจ๊า!”
“เห่อ…
วูเจิ้นจูและวูเจิ้นผิงส่ายศีรษะพวกเขารู้สึกสงสารวูจี้ที่สูญเสียโอกาสอันยิ่งใหญ่นี้
มิติช่องว่างของเมิ้งชิวเจิ้น
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงออโรร่าสีชมพูที่เคลื่อนไหวอย่างช้าๆตลอดเวลา งหญ้าสีชมพูเติบโตขึ้นที่จุดศูนย์กลางของมิติช่องว่างแห่งนี้ มันคือหญ้าในฝันที่ฟางหยวนใช้ความพยายามอย่างมากขุดขึ้นมาจากถ้ำใต้พิภพของภาคใต้นอกจากนี้ยังมีทุ่งดอกไม้เก้าความฝัน
ดอกไม้ชนิดนี้มีกลีบดอกเก้าชั้นซ้อนกันเป็นเกลียวทําให้มันดูงดงามและแปลกประหลาด
เมิ้งชิวเจิ้นยังสร้างทะเลสาบไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ มันเป็นทะเลสาบน้ำตื้นที่มีลักษณะเหมือนชามอาหาร
น้ำในทะเลสาบเรียกว่าวารีแห่งความฝัน ในทะเลสาบมีปลาขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนลิ้นสีแดงสดและเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว มันคือปลาลิ้นแห่งความฝัน
ทางทิศหนือสุดของมิติช่องว่างมีทุ่งกระดูก
กระดูกเหล่านี้เป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝัน พวกมันมีต้นกําเนิดมาจากสัตว์อสูรบรรพกาลบนเส้นทางแห่งความฝัน เมิ้งชิวเจิ้นวางพวกมันไว้ที่นี่และจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเอาไว้เพื่อสร้างทรายในฝัน
เมื่อเวลาผ่านไปกระดูกเหล่านั้นจะค่อยๆสลายกลายเป็นทรายในฝัน
หญ้าในฝัน ดอกไม้เก้าความฝันวารีแห่งความฝันปลาลิ้นแห่งความฝัน และทรายในฝันทั้งหมดเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝันที่ฟางหยวนได้รับมาในช่วงเวลานี้
ในยุคปัจจุบันทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝันหายากมากฟางหยวนรื้อค้นใต้ดินของภาคใต้เกือบทั้งหมดแต่เขายังรวบรวมได้เพียงเท่านี้
“อย่างไรก็ตามดูเหมือนพวกมันจะเติบโตได้ดีในมิติช่องว่างของข้า ในไม่ช้าทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝันจะถูกสร้างขึ้นที่นี่”เมิ้งชิวเจิ้นมั่นใจในเรื่องนี้
ก่อนหน้านี้ทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝันเหล่านี้เติบโตอยู่ใต้พื้นดินพวกมันถูกกดดันโดย
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพี แต่ตอนนี้พวกมันถูกย้ายมาอยู่ในมิติช่องว่าง บนเส้นทางแห่งความฝันของเมิ้งชิวเจิ้น พวกมันจึงกลายเป็นมังกรที่กลับสู่มหาสมุทรหรือพยัคฆ์ที่
กลับเข้าป่าพวกมันสามารถเติบโตได้อย่างอิสระโดยไม่ถูกหยุดยั้งอีกต่อไป
ในสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลายและการสนับสนุนโดยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความฝันพวกมันจะกลายเป็นแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ในไม่ช้านอกจากนี้ฟางหยวนยังมีความทรงจําในอนาคตเขามีวิธีเลี้ยงดูพวกมันเวลาในมิติช่องว่างของเมิ้งชิวเจิ้นก็เดินเร็วกว่าโลกภายนอกค่อนข้างมาก
“ด้วยวิธีนี้ การพัฒนาเส้นทางแห่งความฝันของข้าก็จะเป็นไปตามแผน ตราบเท่าที่ข้าทํางานหนักข้าจะได้รับกําไรมหาศาลในอนาคต”ฟางหยวนประเมินการลงทุนเกี่ยวกับเส้นทางแห่งความฝันจะหยุดอยู่ที่จุดนี้
ในแง่ของเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณบนเส้นทางแห่งความฝันและประสบการณ์ในการสํารวจอาณาจักรแห่งความฝันฟางหยวนมีความทรงจําห้าร้อยปีเขามีข้อได้เปรียบอย่างมาก
ในแง่ของวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันฟางหยวนมีสี่ดวงเขาเป็นตัวตนอันดับหนึ่งบนเส้นทางแห่งความฝันของโลกยุคปัจจุบันอย่างไร้คู่แข่ง
ในแง่ของความสําเร็จบนเส้นทางแห่งความฝัน ฟางหยวนอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญอาจมีคนอื่นอยู่ในระดับนี้เช่นกันแต่เขายังอยู่ในกลุ่มแนวหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย
ในแง่ของวัสดุในการหลอมรวมฟางหยวนก็เป็นอันดับหนึ่งเช่นกัน เขาเป็นผู้อมตะเขามีข้อได้เปรียบฟงจินฮวงที่เป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณสําหรับนางแมงป่องพิษแม้นางจะเป็นผู้อมตะแต่นางไม่ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยร่างกายาแห่งความฝันนางไม่สามารถเปรียบเทียบกับฟางหยวน
โดยรวมแล้วฟางหยวนถือเป็นตัวตนอันดับหนึ่งบนเส้นทางแห่งความฝันของโลกยุคปัจจุบันอย่างแท้จริง
ผลลัพธ์ดังกล่าวเกินความคาดหมายของฟางหยวนไปแล้วตามแผนการของเขาเขาต้องรักษาสถานะผู้นําบนเส้นทางแห่งความฝันนี้เอาไว้
แต่ตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาสําหรับการพัฒนาเส้นทางแห่งความฝัน
เมิ้งชิวเจิ้นมีมิติช่องว่างบนเส้นทางแห่งความฝันเขาสามารถผลิตทรัพยากรอมตะแต่พวกมัน
ยังเป็นเพียงทรัพยากรอมตะระดับหกมันยังไม่เพียงพอที่จะใช้ยกระดับวิญญาณอมตะบนเส้นทาง
แห่งความฝันของฟางหยวน
ในความเป็นจริงแม้เขาจะมีวิญญาณอมตะป้ายคําสั่งแห่งความฝันระดับแปดและสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะหมอกแห่งความฝันแต่มันยังไม่มีประโยชน์มากนักในการต่อสู้กับตัวตนเช่นราชันมังกรหรือเทพปีศาจจิตวิญญาณ
ในการต่อสู้ระดับสูงสุด เส้นทางแห่งความฝันทําได้เพียงข่มขู่และทําให้ศัตรูต้องระวังตัวเท่านั้น
ฟางหยวนต้องการสํารวจถ้ำปีศาจคลั่งเขาต้องเผชิญหน้ากับเทพอมตะกลุ่มดาวและเทพปีศาจจิตวิญญาณที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา
การเผชิญหน้ากับตัวตนดังกล่าวไม่สามารถพึ่งพาวิธีการบนเส้นทางแห่งความฝันที่พึ่งเริ่มต้น
“แท้จริงแล้วด้วยการสร้างกายาแห่งความฝันและวิธีแยกวิญญาณ ข้าสามารถสร้างร่างแยกกา
ยาแห่งความฝันจํานวนมาก แต่มิติช่องว่างบนเส้นทางแห่งความฝันไม่มีประโยชน์มากนักกําไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือแรงบันดาลใจที่ได้รับจากการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันจากภัยพิบัติก็ไม่ใช่เรื่องง่าย”
ภัยพิบัติถูกควบคุมโดยเจตจํานงสวรรค์หากภัยพิบัติรุนแรงหลังจากก้าวข้ามมันไปได้ปราณสวรรค์พิภพจะเหลืออยู่และสามารถใช้มันหลอมรวมวิญญาณอมตะ
อย่างไรก็ตามหากเจตจํานงสวรรค์ลดความรุนแรงของภัยพิบัติลง หลังจากก้าวข้ามมันไปได้
ปราณสวรรค์พิภพจะไม่เหลืออยู่และไม่สามารถใช้มันหลอมรวมวิญญาณอมตะหากเจตจํานงสวรรค์ท่าเช่นนั้นกําไรของฟางหยวนจะลดลงอย่างมาก ประการแรกต้นทุนในการสร้างร่างแยกกายาแห่งความฝันค่อนข้างสูงเขาต้องใช้อาณาจักรแห่งความฝันจํานวนมาก
หากเจตจํานงสวรรค์ทดลองวิธีการใหม่และเปลี่ยนแปลงภัยพิบัติ ฟางหยวนจะตกอยู่ในอันตรายท้ายที่สุดรากฐานบนเส้นทางแห่งความฝันของฟางหยวนก็ถูกเปิดเผยต่อเจตจํานงสวรรค์แล้ว
ดังนั้นการพัฒนามิติช่องว่างของเมิ้งชิวเจิ้นและลอบหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันขึ้นมาอย่างลับๆจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
การลงทุนบนเส้นทางแห่งความฝันต่อไปไม่มีประโยชน์มากนัก หากฟางหยวนลงทุนต่อเขา
ต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากเจตจํานงสวรรค์ตอนนี้เขาควรรอให้อาณาจักรแห่งความฝัน
ปรากฏขึ้นทุกหนทุกแห่งก่อนจะพัฒนาเส้นทางแห่งความฝันต่อไป
ฟางหยวนไม่ต้องการเก็บอาณาจักรแห่งความฝันเอาไว้หากมันอยู่ในมือของคนอื่นๆไม่ว่าจะเป็นตระกูลถังของทะเลทรายตะวันตก ฟงจินฮวงของภาค
กลาง หรือนางแมงป่องพิษของภาคเหนือ พวกเขาก็จะใช้มันเพื่อทําให้ตนเองกลายเป็นผู้นําบนเส้นทางแห่งความฝันเช่นเดียวกัน
แต่สําหรับฟางหยวนคุณค่าที่แท้จริงของอาณาจักรแห่งความฝันคือการยกระดับความสําเร็จของเขาเพื่อให้เขาสามารถกลืนกินถ้ำสวรรค์ได้มากขึ้น
เมิ้งชิวเจิ้นเป็นร่างแยกกายาแห่งความฝันที่ฟางหยวนพยายามสร้างขึ้นประสิทธิภาพในการ
สํารวจอาณาจักรแห่งความฝันของเมิ้งชิวเจิ้นสูงกว่าร่างหลักหลายเท่า
เมื่อระดับความสําเร็จของฟางหยวนเพิ่มขึ้นเขาจะได้รับกําไรมหาศาล
ในเวลาเดียวกันเขายังสามารถกลืนกินถ้ำสวรรค์ของทั้งสองสวรรค์ต่อไป
ถ้ำสวรรค์แต่ละแห่งมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าประมาณหนึ่งล้านร่องรอย ร่องรอยของ
พลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสวรรค์ประมาณหนึ่งพันร่องรอย ตลอดจนทรัพยากรจํานวนมหาศาล
การกลืนกินถ้ำสวรรค์เหล่านี้ก็เหมือนกับการดูดซับรากฐานที่ผู้อมตะสะสมมาตลอดหลายปี
ความแข็งแกร่งของฟางหยวนจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยการกลืนกินถ้ำสวรรค์
อย่างไรก็ตามไม่ว่าฟางหยวนจะมีความแข็งแกร่งและรากฐานมากเท่าใด เขาก็ยังเป็นเพียงตัวตนกึ่งระดับเก้า
แม้เขาจะเป็นตัวตนกึ่งระดับเก้าอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์แต่นั่นยังไร้ประโยชน์
หากไม่บรรลุระดับเก้ามันก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ
ฟางหยวนลอบฝึกฝนและกลืนกินถ้ำสวรรค์อย่างลับๆ ขณะเดียวกันเขายังตรวจสอบโชคของตนเองเป็นประจํา
เสาแสงสีเงินหนาขึ้นเรื่อยๆแต่เมฆทั้งสามก้อนก็มีขนาดใหญ่ขึ้นเช่นกัน
เมฆของเทพอมตะกลุ่มดาวขยายออกไปหลายเท่า มันเหนือกว่าเมฆของเทพอีกสองคนมากแต่สถานการณ์นี้ยังไม่เลวร้ายที่สุด ฟางหยวนยังมีเวลาฝึกฝนและพัฒนาตัวเองต่อไป