Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2102 มรดกที่แท้จริงเทียนหนาน
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2102 มรดกที่แท้จริงเทียนหนาน
คําตอบของตระกูลฟางสําหรับคําถามของฟางหยวนชัดเจนมาก
ฟางกงพยักหน้าก่อนกล่าวอย่างเคร่งขรึม “แน่นอนว่าเรายินดีทําธุรกรรมแต่ท่านฟางหยวนต้องการสิ่งใด หากคําขอของท่านมากเกินไปหรือเกินความสามารถของเรา…”
ฟางหยวนโบกมือขัดจังหวะฟางกง “ประการแรก ข้าต้องการรังโจร ประการที่สองข้าต้องการให้ตระกูลฟางยึดครองทะเลทรายผีเขียวและมอบแก่นแท้อสูรวิญญาณจํานวนมากให้ข้าสิ่งที่ข้า
จะมอบให้พวกเจ้าไม่ได้มีเพียงดวงวิญญาณของฟางตี้เฉิง เราจะค่อยๆพูดคุยรายละเอียดในภายหลัง”
คําขอของฟางหยวนไม่มากเกินไปมันทําให้ผู้อมตะของตระกูลฟางรู้สึกตื่นเต้นแต่พวกเขาก็ยังสงสัย
ฟางหยวนจะไม่เข้าใจความคิดของพวกเขาได้อย่างไรเขากล่าวต่อ “ข้าสามารถทําลายตระกูลฟางได้อย่างง่ายดายเหตุใดข้าต้องใช้วิธีอื่นข้าจะบอกพวกเจ้าข้าทําธุรกรรมกับวูหยงมาแล้วข้าไม่ใช่คนโหดร้ายการฆ่าเป็นเพียงวิธีการเว้นเพียงข้าจะไม่มีทางเลือกมิฉะนั้นข้าจะไม่ใช้กําลังเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง”
หัวใจของผู้อมตะตระกูลฟางสั่นสะท้านคํากล่าวของฟางหยวนมีความนัยซ่อนอยู่หากพวกเขาทําให้ฟางหยวนไม่พอใจฟางหยวนจะต่อสู้กับพวกเขาขณะที่พวกเขาจะถูกกวาดล้างฟางกงรู้สึกขมขื่น ต่อหน้าตัวตนเช่นฟางหยวนเขาไม่มีทางเลือก
ตระกูลฟางต้องร่วมมือกับฟางหยวนพวกเขาต้องทําธุรกรรมหากไม่?
ตาย!
วังสวรรค์ไม่สามารถหยุดฟางหยวนเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกฟางหยวนสังหารแล้วตระกูลฟางจะสามารถหาสิ่งใดกับคนเช่นนี้
แม้แต่กองกําลังใหญ่ก็มีโอกาสถูกทําลายล้างโดยผู้แข็งแกร่งเพียงคนเดียว
หากมองดูอดีตเผ่าไห่ของภาคเหนือก็ถูกทําลายล้างและเข้าแทนที่โดยจักรพรรดิสวรรค์ไปซูนอกจากนี้ยังมีตระกูลชิงพวกเขาแข็งแกร่งมากแต่พวกเขายังถูกลบออกไปโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณวัยเยาว์ทะเลทรายผีเขียวในปัจจุบันก็คือสุสานของตระกูลชิง
บางครั้งคนเพียงผู้เดียวก็สามารถกวาดล้างกองกําลังใหญ่ บนโลกใบนี้ความแข็งแกร่งคือสิ่งสําคัญที่สุดแม้กองกําลังใหญ่จะมีรากฐานที่ลึกล้ำแต่พวกเขายังต้องระวังตัวเมื่อเผชิญหน้ากับผู้บ่มเพาะสันโดษหรือปีศาจอมตะ
เพื่อความอยู่รอดตระกูลฟางต้องทําตามคําขอของฟางหยวนเท่านั้น
ทั้งสองฝ่ายเจรจากันสักพักก่อนจะได้ข้อสรุป
เงื่อนไขของฟางหยวนผ่อนปรนมาก ตระกูลฟางแทบไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง
เพราะความจริงดีกว่าที่พวกเขาคาดคิดไว้มาก นี่ทําให้อารมณ์ของผู้อมตะตระกูลฟางดีขึ้นอย่างมาก
“ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ใช่คนที่ชอบการเข่นฆ่า การร่วมมือกับข้ามีประโยชน์มากมาย”ฟางหยวนเน้นย้ำเปลือกตาของผู้อมตะตระกูลฟางกระตุก
“ท่านฟางหยวนพูดถูก!”
“สามารถร่วมงานกับท่านฟางหยวนถือเป็นพรอันประเสริฐของตระกูลฟาง!”
“แท้จริงแล้วเราเข้าใจท่านฟางหยวน วังสวรรค์เป็นคนพาลจริงๆ!”
ผู้อมตะของตระกูลฟางกล่าวถ้อยค่าที่เหมือนจะจริงใจ
ฟางหยุนและฟางเล้งยังเด็กเกินไป พวกเขาทําได้เพียงนิ่งเงียบ
“หากท่านฟางหยวนต้องการสร้างกองกําลัง ตระกูลฟางของข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือท่าน!” ฟางกงจบบทสนทนาด้วยค่าสัญญาที่มีความหมายฟางหยวนมองเขาด้วยสายตานําลึกก่อนจะจากไป
ในเวลาต่อมาเขาก็กระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะและหายตัวไปจากสายตาของทุกคนฟางกงพยายามชักชวนฟางหยวนให้สร้างกองกําลังขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ของตระกูลฟาง
หากความลับเรื่องการทําธุรกรรมในครั้งนี้ถูกเปิดเผยออกไป ตระกูลฟางจะไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุข ชื่อเสียงของพวกเขาจะร่วงหล่นลงพวกเขาอาจถูกโจมตีโดยกองกําลังอื่น
แต่หากฟางหยวนสร้างกองกําลังขึ้นมา เขาต้องก้าวออกจากฝ่ายปีศาจและเข้าสู่ฝ่ายธรรมะเมื่อเวลานั้นมาถึงหากธุรกรรมนี้ถูกเปิดเผยตระกูลฟางจะเผชิญหน้ากับการวิพากษ์วิจารณ์เพียงเล็กน้อย
ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะสามารถเปลี่ยนสถานะของพวกเขาเป็นสมาชิกฝ่ายธรรมะนี่เป็นเรื่องปกติจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้
หากผู้บ่มเพาะสันโดษหรือปีศาจอมตะมีพลังการต่อสู้เพียงพอที่จะทําให้กองกําลังฝ่ายธรรมะระวังตัวฝ่ายหลังจะไม่ต่อสู้ เมื่อผู้บ่มเพาะสันโดษหรือปีศาจอมตะสร้างกองกําลังของพวกเขาขึ้นมา หากพวกเขามีทักษะในการจัดการพวกเขาจะสามารถบรรลุข้อตกลงและสร้างสมดุลบางอย่างพวกเขาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายธรรมะ
ความจริงก็คือกองกําลังใหญ่จํานวนมากในประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นกองกําลังของทะเลทรายตะวันตก ทะเลตะวันออกหรือภาคใต้ ทุกแห่งล้วนมีกรณีดังกล่าว
การทําธุรกรรมของฟางหยวนกับตระกูลฟางทําให้ฟางกงตระหนักว่าฟางหยวนเป็นคนที่มีทักษะทางการเมืองและสามารถทําเช่นนั้น
หากปีศาจอมตะหยุดการเข่นฆ่าและทําตัวเหมือนสมาชิกฝ่ายธรรมะพวกเขาจะสามารเปลี่ยนแปลงสถานะ
น่าเสียงดายที่มันไม่ใช่เป้าหมายของข้า’ ฟางหยวนเผยรอยยิ้มกับตัวเอง
ในชีวิตห้าร้อยปี เขาเคยสร้างนิกายปีศาจกระหายเลือด ณ จุดสูงสุดมันมีสมาชิกมากกว่าหนึ่งหมื่นคนเขาได้เรียนรู้แก่นแท้ของความแข็งแกร่งในเวลานั้น
บนโลกใบนี้ ความแข็งแกร่งส่วนบุคคลเหนือกว่าพลังอํานาจขององค์กรองค์กรเป็นเพียงนําตาลบนหน้าเค้ก
แม้แต่กองกําลังอันดับหนึ่งเช่นวังสวรรค์ยังต้องพึ่งพาการจัดเตรียมของเหล่าเทพเพื่อเอาตัวรอดในสถานการณ์วิกฤตมิฉะนั้นมันคงถูกทําลายไปแล้ว
‘รังโจร’ ฟางหยวนเริ่มปิดประตูฝึกตนและค้นคว้าเกี่ยวกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะรังโจรในเวลาเดียวกันร่างแยกบรรพชนทะเลปราณกําลังเจรจาธุรกรรมกับตระกูลซ่งตอนนี้มีเพียงบรรพชนทะเลปราณและซ่งเซี่ยฉีเท่านั้นที่อยู่ในห้องโถง
ซ่งเซี่ยฉีเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดของตระกูลซ่ง เขาได้รับมอบหมายให้ประจําการอยู่ในทะเลปราณและเป็นตัวแทนของพวกเขา
ตอนนี้การแสดงออกของซ่งเซี่ยฉีค่อนข้างน่าเกลียด เขาไม่สามารถรักษาความสงบเพราะก่อนหน้านี้เขาได้รับคําขอบางอย่างจากบรรพชนทะเลปราณนั่นคือมรดกที่แท้จริงเทียนหนาน!
บรรพชนทะเลปราณอ้างว่าบุตรหลานของเขาต้องการพัฒนาเส้นทางแห่งการหลอมรวมดังนั้นเขาจึงต้องการท่าธุรกรรมกับตระกูลซ่ง
ตระกูลซ่งเคยแข่งขันกับตระกูลอื่นๆเพื่อครอบครองผาสวรรค์ ในที่สุดพวกเขาก็ได้รับชัยชนะและสามารถยึดครองมรดกที่แท้จริงของเฒ่าสายฟ้าเทียนหนาน
เฒ่าสายฟ้าเทียนหนานเป็นอัจฉริยะในยุคแรกกําเนิด เขาเป็นปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเทียบเท่ากับบรรพชนผมยาวและผู้อมตะเฒ่ากงจือ
แม้มันจะผ่านมาสามล้านปีแล้วแต่มรดกที่แท้จริงของเฒ่าสายฟ้าเทียนหนานยังมีค่ามหาศาล
ซ่งเซี่ยฉีเงียบไปชั่วครู่ก่อนตอบ “บรรพชน ข้าไม่กล้าโกหกท่าน ตั้งแต่เราได้รับมรดกนี้ตระกูล
ซ่งของเราค้นคว้ามันมาตลอด เรายังคัดเลือกเมล็ดพันธุ์อมตะมาเป็นพิเศษเพื่อทําให้มรดกที่แท้จริงเทียนหนานเป็นหนึ่งในจุดแข็งของเราในอนาคต”
“นี่เป็นเรื่องใหญ่เกินไป ข้าไม่สามารถตัดสินใจ ให้ข้ารายงานตระกูลก่อนแต่ข้าเดาว่าผลลัพธ์อาจทําให้ท่านผิดหวัง”
ซ่งเซี่ยฉีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สุภาพแต่มันเป็นการปฏิเสธอย่างชัดเจน
บรรพชนทะเลปราณยิ้มและโบกมือ“เจ้าไม่จําเป็นต้องกังวลตั้งแต่มรดกที่แท้จริงเทียนหนานมีค่ามากสําหรับตระกูลซ่งเหตุใดข้าต้องแย่งมันมาจากพวกเจ้า?ลืมมันไปซะ”
ซ่งเซี่ยฉีแสดงความขอบคุณและกล่าวว่ากองกําลังอื่นของทะเลตะวันออกมีรากฐานที่ลึกซึ้งบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเช่นกัน
บรรพชนทะเลปราณยิ้ม“ข้าจะจดจําคําแนะนําของเจ้าเอาไว้ อย่าพึ่งรีบไป ข้ามีชาชนิดใหม่จะให้เจ้าลิ้มลอง”
เมิ้งชิวเจิ้นสํารวจอาณาจักรแห่งความฝันจํานวนมากเมื่อเร็วๆนี้ นี่ทําให้ความสําเร็จบนเส้นทางอาหารของฟางหยวนก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์เรียบร้อยแล้ว
บรรพชนทะเลปราณเป็นร่างแยกของฟางหยวน พวกเขาแบ่งปันความสําเร็จแก่กันนี่ทําให้บรรพชนทะเลปราณสามารถสร้างชาชนิดใหม่บนเส้นทางแห่งพลังปราณหลังดื่มชา ซ่งเซี่ยฉีก็จากไป
เขาเร่งติดต่อตระกูลซ่ง หลังจากทั้งหมดค่าขอของบรรพชนทะเลปราณในครั้งนี้สําคัญเกินไป
“อืม ตระกูลซ่งของเราทุ่มเทอย่างมากเพื่อให้ได้รับมรดกที่แท้จริงเทียนหนานแต่บรรพชนทะเลปราณกลับต้องการฉกฉวยผลงานของพวกเรางั้นหรือ?”
“ข้าคิดว่ามันไม่เหมาะสมที่จะปฏิเสธเขาทันที อย่างน้อยเราต้องฟังข้อเสนอของเขาก่อน”
“ไม่ มรดกที่แท้จริงเทียนหนานไม่ได้มีไว้ขาย! แม้ตระกูลซ่งของเราจะเชี่ยวชาญเส้นทางแห่งแสงและเส้นทางแห่งวารีแต่มรดกที่แท้จริงทั้งสองเส้นทางนี้ไม่โดดเด่นนักเมื่อเปรียบเทียบกับกองกําลังอื่นแต่มรดกที่แท้จริงเทียนหนานคือสิ่งล้ำค่าสําหรับพวกเรา มันคือผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ของเรา!”
ตระกูลซ่งค้นหามรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมมาตลอดความจริงก็คือกองกําลังจํานวนมากของทะเลตะวันออกล้วนท่าเช่นเดียวกัน
“มรดกที่แท้จริงเทียนหนานจะเป็นของตระกูลซ่งเพียงผู้เดียวข้อได้เปรียบนี้จะชัดเจนมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปมันจะทําให้เราเหนือกว่ากองกําลังอื่น!”
“แต่การต่อต้านบรรพชนทะเลปราณเช่นนี้อาจไม่เหมาะสม เมื่อคิดถึงสถานการณ์ของเราหลังจากกระแสลมปราณสงบลงมรดกทุกประเภทปรากฎขึ้นกองกําลังใหญ่กําลังแข่งขันกันเพื่อพวกมัน เมื่อเราเข้าสู่สภาวะชะงักงันบรรพชนทะเลปราณจะเป็นผู้ตัดสินในฐานะผู้นํากองกําลังพันธมิตร เราจําเป็นต้องพิจารณาว่าบรรพชนทะเลปราณจะลําเอียงเพราะเรื่องนี้หรือไม่”
ในช่วงเวลานี้บรรพชนทะเลปราณยุ่งมากจริงๆ
กองกําลังต่างๆกําลังแข่งขันกันเพื่อช่วงชิงมรดกที่แท้จริง มันกลายเป็นปัญหาความขัดแย้งฝ่ายในของกองกําลังพันธมิตรฝ่ายธรรมะของทะเลตะวันออกเมื่อความขัดแย้งบรรลุถึงจุดหนึ่ง บรรพชนทะเลปราณจะต้องตัดสินข้อพิพาทฟางหยวนมีทักษะทางการเมืองบรรพชนทะเลปราณก็เช่นกัน
ดังนั้นชื่อเสียงของบรรพชนทะเลปราณจึงพุ่งสูงขึ้นทุกวัน
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้อมตะตระกูลซ่งจะรู้สึกกังวล
“เราสามารถตอบสนองคําขออื่นของเขาเป็นเรื่องปกติที่เราจะพัฒนาความสัมพันธ์กับบรรพชนทะเลปราณแต่มรดกที่แท้จริงเทียนหนาน มันมากเกินไปหลังจากทั้งหมดเขาเป็นคนที่
สามารถแข่งขันกับฟางหยวน!”
“ซ่งเซี่ยฉี เมื่อเจ้าปฏิเสธบรรพชนทะเลปราณเขาทําอย่างไร?” ซ่งฉีหยวนถาม
ซ่งเซี่ย ตอบกลับอย่างรวดเร็ว “เขายอมแพ้ทันที ทัศนคิตของเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงเขาเข้าใจและใจกว้างมากเขายังขอให้ข้าดื่มชาชนิดใหม่ของเขาชาบนเส้นทางแห่งพลังปราณของ
เขายอดเยี่ยมจริงๆ!”
บรรพชนทะเลปราณตั้งชื่อชาชนิดใหม่ของเขาว่าชาปราณสามชั้น ชาชนิดนี้ถูกสร้างขึ้นโดยปราณสวรรค์ปราณพิภพและปราณมนุษย์
หลังจากผู้อมตะตระกูลซ่งได้ยินคําตอบของซ่งเซี่ยฉีความไม่สบายใจของพวกเขาก็จางหายไปเล็กน้อย
“บรรพชนทะเลปราณใจกว้างจริงๆ!”
“ตระกูลซ่งของเราให้เกียรติเขามาตลอด”
“เมื่อเห็นทัศนคติของเขาเราก็ไม่จําเป็นต้องกังวลมากนักแม้เขาจะโกรธแต่ในฐานะผู้นํากอง
กําลังพันธมิตรเขาจะไม่ทําเรื่องที่ไม่ถูกต้อง”
“มรดกที่แท้จริงเทียนหนานเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่มันจะเป็นมรดกหลักของตระกูลซ่งในอนาคตเราจะสูญเสียมันไปไม่ได้!”
หลังจากพูดคุยกันเป็นเวลานานผู้อมตะตระกูลซ่งตัดสินใจปล่อยให้มันเป็นเช่นนี้