Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2115 ต่อสู้กับสถานการณ์ที่เลวร้าย
เทพปีศาจหวนคืนบทที่ 2115 ต่อสู้กับสถานการณ์ที่เลวร้าย
ด้วยการสนับสนุนจากลู่ตงหลานไห่ลั่วหลันเริ่มกินทรัพยากรอมตะจํานวนมากอีกครั้งหลังจากย่อยพวกมันรอยสักของนางก็เติบโตขึ้น
“ดี รอยสักพยัคฆ์ทมิฬของเจ้าเติบโตเต็มที่แล้ว ด้วยสิ่งนี้ เจ้าจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุด” ลู่ตงหลานมีความสุขมาก “ตอนนี้หากเจ้าต้องการเจ้าสามารถปล่อยมันออกมา”พิธีกรรมหมื่นอสูรมาถึงช่วงการประลองฝีมือ
ทุกวัน ชนเผ่าจํานวนมากจะพ่ายแพ้ได้รับบาดเจ็บและสูญเสียทรัพยากรบางคนกระทั่งใช้ชีวิตเป็นของเดิมพัน
สิ่งที่ทําให้ไห่ลั่วหลันรู้สึกหนาวเย็นอยู่ภายในก็คือผู้อมตะจํานวนนับไม่ถ้วนที่เสียชีวิตจะถูกสังเวยและดูดซับโดยพื้นดิน
สถานการณ์ของเผ่าวิหคเพลิงสีน้ำเงินค่อนข้างดี
เนื่องจากอัตลักษณ์เด็กศักดิ์สิทธิ์ของไห่ลั่วหลัน ตราบเท่าที่นางกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดเผ่าวิหคเพลิงสีน้ำเงินจะถูกยกระดับเป็นเผ่าศักดิ์สิทธิ์พวกเขาจะครอบครองอํานาจ
ดังนั้นเผ่าอื่นจึงไม่กล้ายั่วยุเผ่าวิหคเพลิงสีน้ำเงิน
แม้บางคนจะรู้สึกอิจฉาเกลียดชังหรือต้องการกําจัดไห่ลั่วหลันก่อนที่นางจะเติบโตขึ้นแต่พวกเขายังต้องระวังตัวพวกเขาจะไม่โจมตีเด็กศักดิ์สิทธิ์ระหว่างพิธีกรรมที่สําคัญนี้เพราะมันเป็นการไม่เคารพต่อเทพปีศาจคลั่ง
ระหว่างวัน ชนเผ่าจํานวนนับไม่ถ้วนจะต่อสู้กันในยามค่ำคืนผู้นําเผ่าและผู้อาวุโสจํานวนมากจะลอบพูดคุยกันอย่างลับๆเพื่อสร้างพันธมิตรและวางแผนร่วมกัน
ลู่ตงหลานและเจียวฮ่าวลอบติดต่อกันอย่างลับๆ
เด็กศักดิ์สิทธิ์ดึงดูดความเกลียดชังมากเกินไปแม้แต่คนที่เคยเป็นมิตรกับลู่ตงหลานในยามปกติยังกลายเป็นศัตรู
เผ่าหลอมรวมเปลวเพลิงไม่ได้มีช่วงเวลาที่ดีเช่นกันพวกเขาสูญเสียผู้อาวุโสจํานวนมากเมื่อครึ่งปีก่อนพวกเขาอ่อนแอลงและต้องเข้าร่วมกับเผ่าระฆังทองเหลือง
แต่เผ่าระฆังทองเหลืองก็มีศัตรูเช่นกัน
ผู้อมตะทั้งหมดยังต่อสู้และสังหารต่อไปโชคดีที่การประลองใช้ได้เพียงรอยสักดังนั้ยจํานวนผู้เสียชีวิตจึงลดลงมาก
ในสถานการณ์ปกติท่าไม้ตายประเภทอื่นจะถูกนํามาใช้ในการต่อสู้แห่งชีวิตและความตายรอยสักถือเป็นไพ่ตายของพวกเขา
ไห่ลั่วหลันได้รับข้อมูลในเชิงลึกมากมายในช่วงสองสามวันนี้
นางเห็นรอยสักทุกประเภทนางรู้จักผู้เชี่ยวชาญที่โดดเด่นหลายคน
รอยสักของนางเติบโตขึ้นมากพยัคฆ์ทมิฬกลายเป็นรากฐานสําคัญของนางแต่นางยังต้องกิน
ทรัพยากรอมตะต่อไปเพื่อสร้างรอยสักที่สองหรือที่สาม
ยิ่งผู้เชี่ยวชาญมีรอยสักมากขึ้นพวกเขาก็ยิ่งมีวิธีการที่หลากหลายมากขึ้นแต่คุณภาพของ
รอยสักที่สองและที่สามจะลดลงตามจํานวนที่เพิ่มขึ้นเพราะทรัพยากรจะถูกแบ่งปัน
ด้วยการใช้ความพยายามและทรัพยากรเท่ากันการบ่มเพาะรอยสักเพียงหนึ่งเดียวจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการบ่มเพาะรอยสักหลายรอย
ไห่ลั่วหลันคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้‘ในบันทึกเทพปีศาจคลั่งมีรอยสักจํานวนนับไม่ถ้วน ต่ละรอยแข็งแกร่งมากพวกมันมีพลังอํานาจระดับแปดเป็นอย่างน้อยบางรอยเทียบเท่ากับกึ่งระดับเก้าดูเหมือนเทพปีศาจคลั่งจะบ่มเพาะเส้นทางแห่งรอยสักเป็นเส้นทางรอง’
เมื่อเวลาผ่านไปสถานการณ์ของเผ่าต่างๆก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
ในที่สุดแม้แต่เผ่าใหญ่เช่นเผ่าระฆังทองเหลืองยังแสดงสัญญาณของการล่มสลาย
เมื่อผู้อมตะระดับแปดสามคนเสียชีวิตเนินเขาแสงจันทร์ก็เริ่มส่องแสงสีเหลืองออกมา
ท่ามกลางแสงสีเหลืองเส้นทางสายหนึ่งค่อยๆปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
“เส้นทางหมื่นชีวิตปรากฏขึ้นแล้ว!”
“อา…ในที่สุดการประลองก็สิ้นสุดลง”
“มีเพียงผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่เส้นทางหมื่นชีวิตและค้นหาโอกาส
อมตะที่เทพปีศาจคลั่งทิ้งไว้เบื้องหลัง!”
ไห่ลั่วหลันเข้าใจทันที“ดังนั้นการเสียสละทั้งหมดก็เพื่อเปิดเส้นทางหมื่นชีวิต”
ในฐานะผู้ครอบครองกายาศักดิ์สิทธิ์นางไม่จําเป็นต้องเข้ารับการทดสอบนางมีคุณสมบัติที่จะเข้าสู่เส้นทางหมื่นชีวิตตั้งแต่แรก
หลังจากชนเผ่าต่างๆพูดคุยกัน พวกเขาเลือกคนจํานวนแปดสิบแปดคน
ภายใต้การจ้องมองด้วยความอิจฉาของผู้คนจํานวนนับไม่ถ้วน คนทั้งแปดสิบแปดก้าวเข้าสู่เส้นทางหมื่นชีวิต
มองจากภายนอก เส้นทางหมื่นชีวิตดูเหมือนภาพลวงตาแต่เมื่อไห่ลั่วหลันและคนอื่นๆก้าว
เข้าไป พวกเขากลับรู้สึกถึงความแตกต่าง
“มันเหมือนของจริงข้าสามารถเหยียบมันได้”ไห่ลั่วหลันเดินไปมากกว่าสิบก้าวขณะที่การแสดงออกของนางค่อยๆเปลี่ยนไป
นางมาพร้อมกับลู่ตงหลาน
ไม่ไกลจากพวกนางยังมีเจียวฮ่าว
“การเดินบนเส้นทางหมื่นชีวิตต้องใช้ความแข็งแกร่งความแน่วแน่ และพลังงานอมตะ”ไห่ลั่วหลันกล่าว
ลู่ตงหลานกล่าวเสริม “กล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นก็คือรากฐานและความแข็งแกร่งทั้งหมดของเราจะถูกใช้ตามสัดส่วนยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งสูญเสีย”
เส้นทางหมื่นชีวิตมีความยุติธรรมผู้ใช้วิญญาณกับผู้อมตะมีความแตกต่างไม่มากบางครั้งผู้ใช้วิญญาณยังสามารถก้าวนําผู้อมตะ
“ข้าพบวิญญาณ พวกมันอยู่บนพื้นเมื่อเราหยิบมันขึ้นมามันจะถูกปรับแต่งทันที!”
“ดูนั่น มีทรัพยากรมากมาย มันเยี่ยมมาก!”
หลายคนโห่ร้องและได้รับรางวัลมากมายอย่างรวดเร็ว
ผู้คนที่อยู่ด้านนอกมองเห็นคนทั้งแปดสิบแปดเป็นเพียงจุดสีดํา
ไห่ลั่วหลันสังเกตอย่างใกล้ชิดและพบสิ่งแปลกประหลาดในไม่ช้า
“เส้นทางสายนี้ไม่ได้ราบเรียบ มันมีความลาดชันเป็นครั้งคราวเมื่อเดินขึ้นไปบนทางลาดชันเราจะพบวิญญาณและทรัพยากรเมื่อเดินลงเราจะไม่ได้รับรางวัลแต่เราจะใช้พละกําลังน้อยลง”ไห่ลั่วหลันกล่าวด้วยความตกใจ“มันเหมือนเส้นทางสวรรค์ในตํานานมนุษย์คนแรก!”
นางมองลู่ตงหลานขณะที่ฝ่ายหลังยิ้มและกล่าว“เจ้าพูดถูกนี่คือเส้นทางขึ้นและเส้นทางลง”
ดวงตาของไห่ลั่วหลันส่องประกายขึ้น“นี่หมายความว่าข้ามีโอกาสได้รับวิญญาณความสามารถและวิญญาณความพากเพียรงั้นหรือ?”
ลู่ตงหลานตอบ“นั่นขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเจ้าหากวิญญาณเหล่านี้มีอยู่จริงข้าแน่ใจว่าพวกมันจะอยู่ใกล้จุดสิ้สุดของเส้นทางสายนี้”
ไห่ลั่วหลันตัดสินใจ“นี่เป็นการเผชิญหน้าโดยบังเอิญของข้าข้าไม่สามารถปล่อยมันไปในประวัติศาสตร์วิญญาณที่ถูกกล่าวถึงในตํานานมนุษย์คนแรกล้วนเป็นวิญญาณระดับแนวหน้าพวก
มันมีพลังอํานาจที่น่าเหลือเชื่อบรรพชนตะวันเดือดพูดถูกข้าต้องใช้โอกาสนี้เพื่อก้าวข้ามฟางหยวน!’
ไห่ลั่วหลันเริ่มก้าวไปข้างหน้า
ลู่ตงหลานเตือน“อย่าใช้เส้นทางลง พยายามเดินบนเส้นทางขึ้น นี่เป็นค่าแนะนําของนายท่าน”
ไห่ลั่วหลันรู้สึกสับสนเล็กน้อย
ตามตรรกะทั่วไปเส้นทางลงจะใช้ความพยายามน้อยกว่าพวกเขาควรเลือกเดินบนเส้นทางลงเพื่อรักษาความแข็งแกร่งมีเพียงครึ่งหลังของเส้นทางสวรรค์เท่านั้นที่ควรใช้เส้นทางขึ้น
แต่เทพอมตะตะวันเดือดกลับแนะนําให้ใช้เส้นทางขึ้นเท่านั้น
ไห่ลั่วหลันคิดก่อนจะตัดสินใจทําตามคําแนะนําของเทพอมตะตะวันเดือด
นางกับลู่ตงหลานเดินไปด้วยกันและพยายามเดินบนเส้นทางขึ้นให้มากที่สุด
พวกนางพบวิญญาณและทรัพยากรจํานวนมากแต่ส่วนใหญ่เป็นเพียงวิญญาณและทรัพยากรระดับมนุษย์
หลังจากไม่นานพวกนางก็เริ่มพบทรัพยากรอมตะสําหรับผู้อมตะที่เดินบนเส้นทางลงค่อนข้างบ่อยพวกเขาได้รับรางวัลน้อยกว่า
ไห่ลั่วหลันเข้าใจบางสิ่ง‘เส้นทางสวรรค์ไม่ได้ให้ความสําคัญกับระยะทางที่เดินแต่มันเกี่ยวกับคุณภาพของเส้นทางมันไม่ได้แบ่งออกเป็นครึ่งแรกหรือครึ่งหลังแต่มันเกี่ยวกับการทุ่มเทความ พยายามอย่างเต็มที่เมื่อเรเดินไปบนเส้นทางสายนี้ ด้วยการทุ่มเทอย่างเต็มที่ข้ามีโอกาสได้รับรางวัลที่ต้องการแต่หากข้าเลือกเส้นทางที่ง่ายกว่าข้าจะไม่ได้รับสิ่งพิเศษใดๆ
ลู่ตงหลานและไห่ลั่วหลันเดินต่อไป
เมื่อพวกนางพบวิญญาณอมตะระดับหกสัตว์อสูรที่เรียกว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายก็ปรากฏตัวขึ้น
สัตว์อสูรสถานการณ์ที่เลวร้ายมีรูปร่างและขนาดที่แตกต่างกัน
สัตว์อสูรสถานการณ์ที่เลวร้ายที่ไห่ลั่วหลันพบเหมือนหมีสีน้ำตาลที่มีร่างกายใหญ่โตเท่าภูเขา
“นี่คือสัตว์อสูรสถานการณ์ที่เลวร้ายในตํานานมนุษย์คนแรกมันสูญพันธุ์ไปแล้วในห้าภูมิภาคผู้ใดจะคิดว่ามันจะมีอยู่ที่นี่แต่ที่นี่เป็นเส้นทางสวรรค์ มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก”
ไห่ลั่วหลันสูดหายใจลึกและร่วมมือกับลู่ตงหลานเพื่อจัดการสถานการณ์ที่เลวร้าย
สถานการณ์ที่เลวร้ายพุ่งเข้าหาไห่ลั่วหลันและลู่ตงหลาน
วิสัยทัศน์ของทั้งสองกายเป็นพร่ามัวก่อนจะเปลี่ยนไป พวกนางรู้สึกเหมือนอยู่ในมิติสีน้ำตาลอ่อนที่ว่างเปล่า
“เราอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเราถูกมันกิน”ลู่ตงหลานกล่าว
สถานการณ์ที่เลวร้ายพิเศษมากข่าวลือกล่าวว่ามนุษย์คนแรกสามารถสร้างท่าไม้ตายเขตแดน
ขึ้นมาเพราะได้รับแรงบันดาลใจจากสถานการณ์ที่เลวร้าย
สถานการณ์ที่เลวร้ายแต่ละตัวถูกพิจารณาว่าเป็นท่าไม้ตายเขตแดนตามธรรมชาติในสถานการณ์ที่เลวร้ายภัยพิบัติปรากฏขึ้น
ลู่ตงหลานกล่าว “ข้าจะปิดกั้นภัยพิบัติ ไห่ลั่วหลันเจ้าต้องออกไปจากสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้!”
ไห่ลั่วหลันตกตะลึง“ข้าควรทําอย่างไร?”
“เจ้ามีสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง ตามตํานานมนุษย์คนแรก เจ้าสามารถตอบโต้สถานการณ์ที่เลวร้ายข้าไม่รู้ว่าเจ้าต้องทําอย่างไรเจ้าต้องทดลองด้วยตนเองจําไว้ว่าเจ้าไม่
สามารถใช้เวลามากเกินไปภัยพิบัติในสถานการณ์ที่เลวร้ายไม่มีที่สิ้นสุด!”ลู่ตงหลานสั่งไห่ลั่วหลันกัดฟันแน่นนางกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายและโจมตีแบบสุ่ม
ครู่ต่อมาความปิติก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางขณะที่นางสัมผัสได้ถึงความผันผวนของหัวงมิติ
ภัยพิบัติรุนแรงขึ้น
แต่ลู่ตงหลานกลับมีความสุข “ท่าต่อไปเจ้าต้องเสี่ยงชีวิต!”
ไห่ลั่วหลันคิด‘ข้ามีสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงข้าสามารถจัดการสถานการณ์ที่เลวร้าย
แต่คนอื่นๆที่ไม่มีพวกเขาจะทําอย่างไรเมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เลวร้าย?’
“พยัคฆ์ทมิฬออกมา!”ไห่ลั่วหลันส่งพลังงานอมตะระดับเจ็ดให้มัน
“โฮก!”
พยัคฆ์สีดําพุ่งออกไปข้างหน้า
“บึม!”
รูช่องโหว่ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นทันที
“ไปกันเถอะ!”ไห่ลั่วหลันและลู่ตงหลานพุ่งออกจากรูช่องโหว่และกลับสู่เส้นทางสวรรค์