Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2119 หลี่เสี่ยวไป๋ก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2119 หลี่เสี่ยวไป๋ก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ
เอก
ฟางหยวนทําความเข้าใจเรื่องต่างๆด้วยความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาระดับปรมาจารย์
“ไม่ว่าจะเป็นเทพปีศาจคลั่งหรือเทพอมตะสวรรค์พิภพ พวกเขาต่างมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งบนเส้นทางอาหารในแง่นี้เทพปีศาจคลั่งด้อยกว่าเทพอมตะสวรรค์พิภพเขาใช้เพียงกบปีศาจจอมตะกละแต่วิธีที่เขาใช้สภาพแวดล้อมบนเส้นทางอาหารเพื่อสร้างท่าไม้ตายรอยสักก็น่าทึ่งจริงๆ” ฟางหยวนยกย่อง
ผู้บ่มเพาะในถ้ำสวรรค์หมื่นอสูรกินทรัพยากรและใช้สภาพแวดล้อมบนเส้นทางอาหารเพื่อบ่มเพาะรอยสักของตน
ถ้ำสวรรค์หมื่นอสูรมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงจํานวนมาก
ดังนั้นสัตว์อสูรที่อยู่ภายในจึงเกิดการกลายพันธุ์มากกว่าโลกภายนอก
เมื่อผู้บ่มเพาะกินทรัพยากรที่กลายพันธุ์ รอยสักของพวกเขาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงและยกระดับจากมุมมองนี้ผู้บ่มเพาะจะได้รับประโยชน์จากการพัฒนาตามธรรมชาติของถ้ำสวรรค์หมื่น
อสูรและสามารถพัฒนารอยสักไปพร้อมกัน
เจิ้นปู้ตู้เรียนรู้ว่ามีรอยสักพื้นฐานมากกว่าเก้าพันชนิดในถ้ำสวรรค์หมื่นอสูรนอกจากรอยสักพื้นฐานยังมีรอยสักที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของบางคนอีกด้วย
“ท่าไม้ตายรอยสักเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งใดสําหรับข้า แต่วิธีการของมันสามารถใช้อ้างอิง”
ฟางหยวนมีมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางอาหารของนิกายเงาและได้รับมรดกที่แท้จริงบนเส้น
ทางอาหารดั่งเดิมมาเมื่อไม่นานนี้นอกจากนั้นเขายังได้รับมรดกที่แท้จริงสวรรค์พิภพของภาคใต้ที่ประกอบไปด้วยมรดกบนเส้นทางอาหารตอนนี้เขายังได้รับเคล็ดลับมากมายเกี่ยวกับการสร้าง
ท่าไม้ตายรอยสัก
เมื่อรวมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน รากฐานและความสําเร็จบนเส้นทางอาหารของฟางหยวนจึงพัฒนาขึ้นในระดับหนึ่งเขาเริ่มมองเห็นความลึกซึ้งที่แท้จริงของมัน
“ตลอดมาข้าคิดว่าเส้นทางอาหารเป็นเลิศในด้านการให้อาหารวิญญาณและช่วยลดภาระให้กับผู้บ่มเพาะแต่แท้จริงแล้วนี่เป็นเพียงหนึ่งในข้อดีของมันเท่านั้นพลังที่แท้จริงของเส้นทางอาหาร
คือการช่วยให้ผู้บ่มเพาะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าและยกระดับรากฐานของพวกเขา!”
ข้อดีของเส้นทางอาหารคือการรักษาชีวิตของผู้บ่มเพาะและวิญญาณในขณะเดียวกันมันก็
ท่าให้ผู้บ่มเพาะแข็งแกร่งขึ้น
ฟางหยวนกลายเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญา นั่นทําให้เขาสามารถสร้างท่าไม้ตายบนเส้นทางอาหารได้อย่างง่ายดายโดยการใช้เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณบนเส้นทางอาหารเป็นข้อมูลอ้างอิง
เส้นทางอาหารแตกต่างจากเส้นทางสายอื่นท่าไม้ตายบนเส้นทางอาหารส่วนใหญ่ถูกใช้กับตัวผู้ใช้เอง
ฟางหยวนมีทรัพยากรอมตะมากมายหากเขาใช้พวกมันเพื่อสร้างท่าไม้ตายบนเส้นทางอาหาร
และใช้กับร่างกายของเขาเอง เขาจะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจํานวนมากฟางหยวนประเมิน“หากเปรียบเทียบผลประโยชน์ การผนวกถ้าสวรรค์ทําให้ข้าได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามากที่สุดแต่ละครั้งข้าจะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋านับล้านร่องรอยแต่ตอนนี้มิติช่องว่างจักรพรรดิถึงขีดจํากัดแล้ว หากข้ายังทําต่อไปข้าจะเริ่มประสบความสูญเสีย”
“การใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางอาหารเพื่อเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าอาจได้กําไรเพียงเล็กน้อยในแต่ละครั้งแต่ด้วยความพยายามข้ายังสามารถสะสมร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจํานวนมาก”
“นอกจากนี้เพื่อเตรียมพร้อมสําหรับถ้ำปีศาจคลั่ง ข้าต้องมีวิธีรับมือการโจมตีบนเส้นทางอาหารของเทพปีศาจจิตวิญญาณ”
ท่าไม้ตายกินความขมขื่นและกลืนความสูญเสียของเทพปีศาจจิตวิญญาณทิ้งความประทับใจอย่างมากไว้กับฟางหยวน
เขาไม่สามารถเพิกเฉยต่อพวกมัน
ในเวลาเดียวกันเนื่องจากเส้นทางอาหารไม่เคยเจริญรุ่งเรืองผู้อมตะทั่วไปไม่สามารถป้องกันมันได้อย่างมีประสิทธิภาพดังนั้นหากฟางหยวนมีวิธีการโจมตีบนเส้นทางอาหารมันอาจได้ผลลัพธ์ที่ดีเช่นกัน
ฟางหยวนคาดหวังกับเส้นทางอาหารแต่มันก็ไม่มากนัก
เพราะศัตรูของเขาในถ้ำปีศาจคลั่งคือเทพอมตะกลุ่มดาวและเทพปีศาจจิตวิญญาณทั้งสองย่อมมีความเชี่ยวชาญบนเส้นทางอาหารมากกว่าฟางหยวนอย่างแน่นอน
“ศัตรูแข็งแกร่งเกินไป เส้นทางอาหารเป็นเพียงวิธีการเล็กๆน้อยๆ มันไม่สามารถใช้งานที่นั่นแต่การพัฒนาเส้นทางสายนี้ยังมีความจําเป็นอย่างน้อยข้าก็ต้องมีวิธีป้องกันเมื่อต่อสู้กับเทพ
ปีศาจจิตวิญญาณอีกครั้งข้าจะไม่เสียเปรียบอีกต่อไป”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฟางหยวนจึงมอบภารกิจให้ร่างแยกกาลเวลาของเขาหลอมรวมวิญญาณอมตะอีกชุดหนึ่ง
ในช่วงเวลานี้ร่างแยกกาลเวลาใช้สระหลอมรวมสี่ธาตุแห่งความโศกเศร้าหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดอย่างไม่หยุดยั้ง
วิญญาณอมตะจํานวนมากในการครอบครองของฟางหยวนก้าวเข้าสู่ระดับแปดแล้วสระหลอมรวมสี่ธาตุแห่งความโศกเศร้าทําให้การหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดมีโอกาส
ประสบความสําเร็จสูงมาก เมื่อรวมกับทรัพยากรอมตะและพลังงานอมตะจากวิญญาณอมตะบัวสมบัติสวรรค์ระดับแปดมันจึงไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดฟางหยวนจากการหลอมรวมวิญญาณระดับแปดจํานวนมาก
เมื่อวิญญาณอมตะส่วนใหญ่กลายเป็นวิญญาณอมตะระดับแปด ร่างแยกกาลเวลาจึงเริ่มมีเวลาว่างสําหรับการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับหกหรือระดับเจ็ดดวงใหม่
ฟางหยวนมีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะมากมาย ส่วนใหญ่มาจากนิกายหลางหยาขณะที่อีกส่วนหนึ่งมาจากมรดกต่างๆ แม้จะไม่มีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะฟางหยวน
ก็สามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อคิดค้นมันขึ้นมาด้วยตนเอง
ก่อนหน้านี้ร่างแยกกาลเวลาหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมหลายดวงส่วนใหญ่เป็นวิญญาณอมตะระดับหก มีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดจํานวนหนึ่ง
สระหลอมรวมสี่ธาตุแห่งความโศกเศร้าสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดจํานวนมาก
ดังนั้นวิญญาณอมตะระดับหกและวิญญาณอมตะระดับเจ็ดจึงยิ่งง่ายดาย
สิ่งเดียวที่สามารถหยุดฟางหยวนคืออัตลักษณ์ของวิญญาณอมตะ
หากวิญญาณอมตะดวงนั้นมีอยู่บนโลกใบนี้แล้ว เขาจะไม่สามารถหลอมรวมมันขึ้นมาเป็นดวงที่สอง
สําหรับวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม ฟางหยวนใช้พวกมันสร้างคฤหาสน์
วิญญาณอมตะรังโจรเขายังดัดแปลงและพัฒนามันขึ้นไปอีกขั้น
หม้อปรุงโชครังโจรและป้อมปราการบนภูเขาที่สงบสุข ทั้งสามคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ ฟางหยวนให้ความสําคัญ
แท้จริงแล้วด้วยความสําเร็จของฟางหยวนในปัจจุบัน เขาสามารถสร้างวังมังกรและเรือรบหมื่นปีขึ้นมาอีกครั้งแต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนเลือกที่จะยอมแพ้ต่อพวกมันอย่างชาญฉลาด
คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสองหลังถูกใช้งานบ่อยเกินไป ทุกคนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับพวกมันเป็นอย่างดีขณะเดียวกันพวกมันก็เป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนจุดสูงสุดที่ไม่สามารถพัฒนาได้อีก
หากฟางหยวนสร้างพวกมันขึ้นมาอีกครั้ง พวกมันจะถูกตอบโต้อย่างแน่นอนโดยเฉพาะเมื่อศัตรูของเขาคือเทพอมตะกลุ่มดาว เทพปีศาจจิตวิญญาณและอาจรวมถึงเทพปีศาจไร้ขอบเขตหากตี้จางเฉิงยังอยู่กับฟางหยวนวังมังกรอาจยังมีค่าเล็กน้อยโชคไม่ดีที่ตี้จางเฉิงถูกขังไว้ในวังสวรรค์หากฟางหยวนโจมตีวังสวรรค์เขาต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากมันยังอาจทําให้เทพอมตะกลุ่มดาวฉวยโอกาสเคลื่อนไหว
“แทนที่จะสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสองขึ้นมาอีกครั้งข้าควรออกแบบและสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังใหม่ที่สนับสนุนระบบการต่อสู้ของข้า”
บรรพชนทะเลปราณเตรียมระบบการต่อสู้ของตนเองแล้ว ขณะที่ฟางหยวนกําลังเผชิญหน้ากับปัญหาเดียวกัน
“ข้าจําเป็นต้องมีระบบการต่อสู้ที่โดดเด่นน่าเสียดายที่ราชันมังกรเสียชีวิตขณะที่ปีศาจอมตะฉีเจียถูกจับหากไม่มีหินลับมีดข้าจะขาดประสบการณ์ในการทดลองใช้ระบบการต่อสู้ฟางหยวนพิจารณาระบบการต่อสู้ของเขามาตลอด
เขาต้องการให้คนที่มีพลังการต่อสู้เทียบเท่ากับตนเองปรากฏตัวขึ้นเพื่อเป็นแรงบันดาลใจใน
การสร้างระบบการต่อสู้ของเขา
ระบบการต่อสู้ที่ดีที่สุดในปัจจุบันของฟางหยวนคือเส้นทางแห่งดาบและเส้นทางแห่งกาลเวลาเขาใช้ทั้งสองระบบในสงครามชะตากรรมตอนนี้เขาได้รับวิญญาณความอดทนและวิญญาณ ความสามารถเขาสามารถสร้างระบบการต่อสู้บนเส้นทางความแข็งแกร่งได้เช่นกัน
“ครีน…”
ทันใดนั้นหม้อปรุงโชคพลันสั่นสะท้านขึ้น
“หือ?” ฟางหยวนเงยหน้าสังเกตโชคของตนเองและร่างแยก
ในไม่ช้าการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
เมฆสีเทาขนาดเล็กจํานวนมากก่อตัวขึ้นรอบๆเสาแสงสีเงิน
ฟางหยวนสังเกตพวกมันอย่างระมัดระวังก่อนจะพบว่าเมฆเหล่านี้เกิดขึ้นจากหลี่เสี่ยวไป๋โชคของร่างแยกอื่นๆสงบนิ่งแต่โชคของหลี่เสี่ยวไป๋เกิดการเปลี่ยนแปลง
ฟางหยวนอนุมาน “ดังนั้นหลี่เสี่ยวไป๋ก็กําลังจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อพิจารณาจากโชคของเขา เขาจะพบปัญหาบางอย่าง แต่เหตุใดปัญญานี้ถึงเกี่ยวข้องกับร่างหลักของข้าและดูเหมือนมันจะเกี่ยวข้องกับข้าเป็นอย่างมาก”
ถ้าสวรรค์วรรณกรรม
ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆสีดําที่มีสายฟ้าแลบลั่นอยู่ภายใน
หลี่เสี่ยวไปสวมชุดสีขาวลอยอยู่กลางอากาศโดยมีปราณสวรรค์ ปราณพิภพ และปราณมนุษย์ปกคลุมอยู่รอบตัวเขา
หลี่เสี่ยวไปอยู่ในช่วงเวลาสําคัญของการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ
“เสี่ยวไป๋เจ้าต้องอดทน!”ซูฉีฮันกังวลมาก นางมองเขาด้วยสายตาของคนที่รักชายผู้นี้อย่างสุดซึ้ง
“เปรี้ยง!”
สายฟ้าสีเขียวซีดพุ่งลงมาจากเมฆสีดํา
ซูฉีฮันกรีดร้องด้วยความตกใจ ในช่วงเวลาสําคัญหลี่เสี่ยวไปใช้ท่าไม้ตายของเขาสร้างกําแพงกวีปิดกั้นสายฟ้าเอาไว้
“หลี่เสี่ยวไป์ผู้นี้สามารถป้องกันภัยพิบัติพร้อมกับรักษาสมดุลของพลังปราณทั้งสามได้อย่างง่ายดาย!” ห่างออกไปชายที่ดูน่ากลัวกัดฟันแน่น
“หากเขากลายเป็นผู้อมตะจริงๆ ข้า ตู่จื่อเซียว จะไม่สามารถกลายเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่โอ้หลี่เสี่ยวไป๋หากจะโทษก็จงโทษที่เจ้าโดดเด่นเกินไปการเกิดในยุคเดียวกับเจ้าคือความโชคร้ายของทุกคน พวกเราจะถูกบังคับให้เป็นตัวละครรอง”
ชายที่ชื่อตู้จื่อเซียวกล่าวและปลดปล่อยควันสีเทาออกมา
ควันสีเทาลอยขึ้นไปรวมตัวกับเมฆภัยพิบัติและทําให้ภัยพิบัติรุนแรงขึ้นสายฟ้าสีเขียวซีดสามสายพุ่งลงมาในเวลาเดียวกัน
“เกิดสิ่งใดขึ้น? บางคนเคลื่อนไหวงั้นหรือ?” ดวงตาของซูฉีฮันเปลี่ยนเป็นสีแดง“เสี่ยวไป๋ตกอยู่ในอันตราย!”