Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2124 คลั่งไคล้บูชา
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2124 คลั่งไคล้บูชา
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของชายชรา เฉิงซินซื่อนึกถึงหลายสิ่ง
ชายชราลึกลับผู้นี้ทรงพลังมาก เฉิงซินซื่อไม่พบวิธีการที่เขาแฝงตัวอยู่ในวิญญาณ เขามาโดยไม่ทราบเจตนา เขาอาจมาดีหรืออาจมาร้าย บางทีเขาอาจเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เหตุการณ์สินค้าปลอม นี่อาจเป็นหนึ่งในแผนการของเฉิงหยาจื่อ
แต่เฉิงซินซื่อเต็มใจที่จะเชื่อว่าชายชราลึกลับผู้นี้มาด้วยเจตนาที่ดี
เฉิงซินซื่อกล่าวอย่างจริงจัง “ข้าถอนหายใจก่อนหน้านี้เพราะเฉิงหยาจื่อและคนอื่นๆต้องการดึงข้าลงจากตําแหน่งผู้นําตระกูลเฉิงเพื่อฉกชิงโอกาสอมตะ
แต่พวกเขาไม่สนใจว่าแผนการของ พวกเขาจะสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ให้กับตระกูลและคนอื่นๆ พวกเขาสนใจเพียงตัวเองเท่านั้น”
“แต่ข้าเข้าใจทางเลือกของพวกเขา ผู้ใดจะไม่อยากเป็นผู้อมตะและอยู่เหนืออาณาจักรมนุษย์
แต่การเป็นผู้อมตะหมายความว่าคนผู้หนึ่งต้องปฎิบัติต่อผู้คนเหมือนแมลงงั้นหรือ? มันไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วงั้นหรือ? วิธีที่มีเมตตามากกว่าและอันตรายน้อยกว่าสําหรับคนอ่อนแอ”
ชายชราถอนหายใจยาว “เฉิงซินซื่อ ข้าอยู่ที่ภูเขาเฉิงเหลียงมาหลายปี ข้าเชื่อว่าเจ้า หมายความเช่นนั้นจริงๆ ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจช่วยเจ้า!”
เฉิงซินซื่อโค้งค่านับแต่การแสดงออกของนางยังสงบนิ่ง “ข้าขอทราบนามของผู้อาวุโสได้หรือไม่?”
ชายชราเผยรอยยิ้มขมขื่น “ข้าเป็นคนน่าสงสารที่ถูกให้ร้าย ข้าไม่กล้าเปิดเผยตัวตนของข้า ข้ารู้ว่าเจ้าสงสัย แต่ข้ามาด้วยความปรารถนาดี เจ้าเป็นคนที่คู่ควรกับความช่วยเหลือของข้า หลังจากเจ้ากลายเป็นผู้นําตระกูลเฉิงมาหลายปี เจ้าย่อมรู้ดีว่าคําพูดของผู้คนไม่สําคัญ การกระทําของพวกเขาดังกว่าคำพูด”
เฉิงซินซื่อพยักหน้า “ผู้อาวุโสโปรดชี้แนะ ข้ายินดีรับฟัง”
ชายชรากล่าว “ข้ารู้จักคนที่สร้างวิญญาณปลอมและที่อยู่ของเขา เขาคือเฟิงเทียนหยู พี่ชายของเจ้า เฉิงหยาจื่อเป็นสหายสนิทกับเขาและขอให้เขาทําเช่นนี้โดยเสนอผลประโยชน์มหาศาล” “เฟิงเทียนหยู?” สายตาของเฉิงซินซื่อสั่นไหว “ข้ารู้จักคนผู้นี้ เขาผู้ใช้วิญญาณฝ่ายธรรมะ เขาเคยเป็นนายน้อยของตระกูล เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสี่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่มีชื่อเสียง เมื่อเขายังเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสาม เขาสามารถหลอมรวมวิญญาณระดับห้า แม้วิญญาณระดับห้าจะเสียชีวิตหลังจากผ่านไปครึ่งวัน เขาก็ยังได้รับชื่อเสียงจากสิ่งนั้น น่าเสียดายที่ตระกูลของเขาพ่ายแพ้ในความขัดแย้งและถูกทําลายล้าง เขาไม่ใช่นายน้อยของตระกูลอีกต่อไปและกลายเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ”
เฉิงซินซื่อเป็นผู้นําตระกูลเฉิง นางรู้ข้อมูลเกี่ยวกับโลกผู้ใช้วิญญาณของภาคใต้เป็นอย่างดี ชายชราพยักหน้า “เฟิงเทียนหยูกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าเรียบร้อยแล้วแต่เขาเก็บมันไว้เป็นความลับและแสร้งแสดงตัวเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ ข้ามีวิธีโน้วน้าวใจและเปลี่ยนเขาให้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้า”
เฉิงซิน อรู้สึกอยากรู้อยากเห็น
เฟิงเทียนหยูเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าเช่นเดียวกับเฉิงซินซื่อ เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในภาคใต้ ตัวตนเช่นนี้จะได้รับการดูแลและต้องรับอย่างอบอุ่นจากทุกกองกําลัง หากเขาต้องการสร้างตระกูลขึ้นมาอีกครั้ง เขาจะกลายเป็นผู้นําตระกูลและผู้นําแนวหน้าในโลกผู้ใช้วิญญาณของภาคใต้
คนเช่นนี้จะยอมจํานนโดยง่ายได้อย่างไร
ชายชราไม่ปิดบังและบอกวิธีการกับเฉิงซินซื่อทันที
การแสดงออกของเฉิงซินซื่อเปลี่ยนไป “ผู้อาวุโสต้องการให้ข้าโกหกเฟิงเทียนหยูงั้นหรือ?” ชายชรายิ้ม “นั่นไม่ใช่การโกหก มันเป็นความจริงที่เจ้าคุ้นเคยกับฟางหยวน แน่นอนว่าหากพิจาณาอย่างเคร่งครัด มันยังเป็นเรื่องโกหก แต่เฉิงซินซื่อ หากค่าโกหกสามารถช่วยชีวิตผู้คนจํานวนนับไม่ถ้วน เจ้าจะทําหรือไม่? ตอนนี้เจ้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เฟิงเทียนหยูเป็นคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังวิญญาณปลอม”
รอยยิ้มของชายชรากว้างขึ้น “ในโลกนี้การเป็นคนดีไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การเป็นคนดียิ่งยากกว่า เพราะคนดีต้องเอาชนะคนเลวในขณะที่ต้องปกป้องศีลธรรมและความเชื่อของตนไปพร้อมกัน เฉิงซินซื่อ ข้าเพียงบอกวีธีการกับเจ้า แต่เจ้าจะทําหรือไม่ นั่นขึ้นอยู่กับเจ้าทั้งหมด” เฉิงซินซื่อไม่ลังเล “ขอบคุณผู้อาวุโส มันเป็นวิธีที่ดีมาก ข้าจะลองดู”
“ดีมาก” ชายชราหัวเราะ “นี่คือเหตุผลที่ข้าชอบเจ้า เจ้ามีความเมตตา แต่เจ้าไม่ได้ตาบอด เพราะเจ้าสามารถใช้วิธีการต่างๆเพื่อจัดการกับความชั่วร้าย ในโลกนี้ความเมตตาที่บริสุทธิ์เปรียบเสมือนการฆ่าตัวตาย ทําร้ายสหายและครอบครัวของตนเอง แต่เจ้าไม่ได้เป็นเช่นนั้น เจ้ามีเป้าหมายที่ชัดเจน เจ้าเป็นคนดีจริงๆ”
ในตอนท้าย ชายชรากล่าวเสริม “นี่เป็นมรดกอมตะ ข้าคิดว่ามันเป็นเส้นทางการบ่มเพาะที่เหมาะสมกับเจ้ามากที่สุด ลองดู ไม่ว่าเจ้าจะบ่มเพาะมันหรือไม่ ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า”
หลังกล่าวจบค่า ภาพของชายชราก็เลือนหายไป
ในเวลาเดียวกัน วิญญาณดวงหนึ่งก็บินขึ้นมาและลอยอยู่กลางอากาศ
เฉิงซิน อรับมันไว้และตรวจสอบ
ครู่ต่อมาความปิติก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง “วิญญาณความดี?”
ภูเขาเฉิงเหลียงมีเมืองชั้นนอกและเมืองชั้นใน เมืองชั้นในแบ่งออกเป็นชั้นที่หนึ่งถึงห้า
เมืองชั้นในชั้นที่หนึ่งเป็นฐานทัพใหญ่ของตระกูลเฉิง เฉิงซินซื่อพักอยู่ที่นี่
เมืองชั้นในชั้นที่สองมีเพียงสมาชิกตระกูลเฉิงเท่านั้นที่สามารถอาศัยอยู่
เฟิงเทียนหยูอยู่ที่เมืองชั้นในชั้นที่สาม
เมืองชั้นในชั้นที่สามสร้างขึ้นจากหินดาวตก ไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือนหรือแม้แต่ทางเดินก็เป็นหินดาวตกทั้งหมด มันทําให้สถานที่แห่งนี้ดูมั่งคั่งและหรูหรามาก
ตามท้องถนนมีผู้คนเพียงเล็กน้อย มันเงียบสงบและดูยิ่งใหญ่
ไม่มีโรงเตี้ยม แต่มีคฤหาสน์
คฤหาสน์ขนาดเล็กให้เช่าในราคาสามสิบหินวิญญาณต่อวัน คฤหาสน์ขนาดใหญ่ให้เช่าในราคานับร้อยหินวิญญาณต่อวัน
เฟิงเทียนหยูอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ขนาดใหญ่
เขาดื่มชาคุณภาพสูงและนั่งบนเก้าอี้เอนเพื่อชื่นชมทิวทัศน์ที่งดงามของป่าไผ่
“พี่เฟิง ดูเหมือนท่านจะเพลิดเพลินมาก” เสียงของเฉิงซินซื่อดังขึ้น
ร่างของเฟิงเทียนหยูสั่นสะท้านขึ้น เขาตกใจจนเกือบตกเก้าอี้
แต่ในวินาทีต่อมา เขาก็สามารถตอบสนองและพร้อมโจมตี เขาหันกลับไปมองเฉิงซินซื่อและสงบจิตใจลง “ดังนั้นผู้นําตระกูลเฉิงก็มาเยี่ยมข้า ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ท่านมีวิธีการที่น่าทึ่ง ข้าจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเอาไว้แต่ท่านยังสามารถเข้ามาได้โดยที่ข้าไม่รู้ตัว ข้าสงสัยว่ามีที่ใดบนโลกนี้ที่ท่านไม่สามารถไป?”
เฟิงเทียนหยูล้อเลียนการกระทําของเฉิงซินซื่อ เขาต้องการบอกว่านางทําตัวเหมือนหัวขโมย แต่นางไม่โกรธ นางกล่าวอย่างสงบ “วิธีการของข้าจะเปรียบเทียบกับพี่เฟิงได้อย่างไร? ท่านสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้นในตลาด วิญญาณปลอมทําให้เกิดความขัดแย้ง ในฐานะผู้นํา ข้าเกือบเสียชื่อเสียงไปหมดแล้ว”
เฟิงเทียนหยูรู้สึกสั่นไหวอยู่ภายใน เขาไม่คาดหวังว่าเฉิงซินซื่อจะค้นพบอย่างรวดเร็วเช่นนี้
‘นี่เป็นไปได้อย่างไร? ข้าแน่ใจว่าวิญญาณปลอมของข้าไม่ทิ้งเบาะแสที่จะนํามาถึงตัวข้า มีปัญหาเกี่ยวกับเฉิงหยาจื่องั้นหรือ?’
เฟิงเทียนหยูคิดขณะปรับท่านั่ง เขาปฏิเสธข้อกล่าวหา “ท่านผู้นํา อย่าพยายามกลั่งแกล้งข้าโทษของการขายวิญญาณปลอมไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ข้าจะสามารถแบกรับมันไว้ได้อย่างไร?”
เฉิงซินซื่อหัวเราะเบาๆ นางเดินไปที่ประตูและมองออกไปด้านนอกโดยหันหลังให้กับเฟิงเทียนหยู “พี่เฟิง ท่านยังไม่เข้าใจอีกงั้นหรือ? สิ่งที่ข้ากล่าวเป็นความจริง แม้จะไม่มีหลักฐานใดๆ แต่มันก็เป็นเรื่องจริง”
เฟิงเทียนหยูลอบตกใจ “เฉิงซินซื่อมีชื่อเสียงด้านความเมตตา ทุกคนรู้เรื่องนี้ แต่หลังจากที่ได้เห็นนางในวันนี้ แท้จริงแล้วนางเป็นคนกดขี่ข่มเหง!’
เขารู้สึกถึงแรงกดดัน
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเฉิงซินซื่อทําให้เฟิงเทียนหยูไม่สามารถสงบจิตใจ
เดิมทีเขาพยายามปรับท่าทางที่ดูไม่ดีของเขาด้วยการนั่งตัวตรงเพื่อพูดคุยกับเฉิงซินซื่อ แต่ดูเหมือนเฉิงซินซื่อจะไม่สนใจการกระทําของเขา นางเดินผ่านเขาไปที่ประตู นางกระทั่งหันหลังให้เขาและเปิดโอกาสให้เขาลอบโจมตี
แต่เฟิงเทียนหยูไม่กล้าขยับ
ยิ่งเฉิงซินซื่อมั่นใจมากเท่าใด เฟิงเทียนหยูก็ยิ่งรู้สึกประหม่ามากเท่านั้น แม้ทั้งสองจะมีการบ่มเพาะเท่ากัน แต่เขายังว่างตัวเองไว้ในตําแหน่งที่ต่ํากว่าเฉิงซินซื่อโดยไม่รู้ตัว เฉิงซินซื่อหันหน้ากลับไปและเผยรอยยิ้ม “พี่เฟิง มาทํางานให้ข้าเถอะ”
“อันใด?” เฟิงเทียนหยูจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง เขาตกตะลึง แต่ในไม่ช้าเขาก็หัวเราะ “ผู้นําตระกูลเฉิง ท่านทราบราคาที่เฉิงหยาจื่อจ่ายเพื่อรับบริการจากข้าหรือไม่?” เฉิงซินซื่อหัวเราะ “ไม่ว่าเขาจะเสนอราคาใด ท่านก็ไม่สามารถปฏิเสธข้อเสนอของข้า”
เฟิงเทียนหยูสูดหายใจลึก ดวงตาของเขาส่องประกายขณะที่เขายืนขึ้น
เฉิงซินซื่อพยายามว่าจ้างเขา เขาเข้าใจว่านางไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์สินค้าปลอม มิฉะนั้นนางอาจน่ากองกําลังของตระกูลเฉิงออกมาฆ่าเขาโดยตรง
“นางต้องการความช่วยเหลือจากข้า’ เฟิงเทียนหยูคิด
เขาประเมินเฉิงซินซื่อก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นข้าจะฟัง ข้าแน่ใจว่าผู้นําตระกูลเฉิงที่ยิ่งใหญ่จะเสนอราคาที่เหมาะสมกับสถานะของท่าน”
เฉิงซินซื่อยกนิ้วชี้ข้างขวาของนางขึ้น “ประการแรก ชีวิตของท่าน
การแสดงออกของเฟิงเทียนหยูเปลี่ยนไป เขากล่าวอย่างเย็นชา “ท่านผู้นํา ท่านคิดว่าข้าไม่มีสามารถต่อต้านท่านงั้นหรือ?”
เฉิงซินซื่อเผยรอยยิ้มมั่นใจ “อย่ากังวล พี่เฟิง ท่านเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า ท่านไม่จําเป็นต้องกังวล”
หัวใจของเฟิงเทียนหยูลอบสั่นไหว นางรู้ระดับการบ่มเพาะที่แท้จริงของเขา นางเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี สถานการณ์นี้เต็มไปด้วยอันตราย
เฉิงซินซื่อกล่าวเสริม “นอกจากนี้หากท่านทําได้ดี ท่านอาจได้พบท่านฟางหยวน”
“อันใด!?” การแสดงออกของเฟิงเทียนหยูเปลี่ยนไปอีกครั้ง
เฉิงซินซื่อกล่าวต่อ “อย่าตกใจ พี่เฟิง ข้ารู้สิ่งต่างๆมากกว่าที่ท่านสามารถจินตนาการ” “ข้าจะบอกความจริงกับท่าน ข้าแน่ใจว่าท่านรู้ว่าข้ามีความสัมพันธ์กับท่านฟางหยวน ข้าสามารถมองเห็นตัวตนของท่านได้เพราะข้าได้รับความช่วยเหลือจากผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านฟางหยวน”
“ข้ามอบวิญญาณปลอมให้ท่านผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน ท่านยกย่องมันและกล่าวว่าพี่เฟิงเป็นอัจฉริยะ หากท่านก้าวหน้าต่อไป ท่านอาจได้รับการยอมรับจากท่านฟางหยวนและกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา
“จริงหรือ?” เฟิงเทียนหยูตื่นเต้นมาก ใบหน้าของเขากลายเป็นแดงก่ํา
เฉิงซินซื่อยิ้ม “เหตุใดข้าต้องโกหก? เมื่อข้าสามารถค้นพบท่าน ข้าก็สามารถล้มท่านได้อย่างง่ายดาย เหตุใดข้าต้องเสียเวลาพูดคุยกับท่านอยู่ที่นี่?”
“ข้าแน่ใจว่าท่านรู้สถานการณ์ของข้า เหตุผลที่ข้ากลายเป็นผู้นําตระกูลเฉิงเพราะท่านฟางหยวน ข้าจะบอกความจริงกับท่าน ตระกูลเฉิงร่วมมือกับท่านฟางหยวนอย่างลับๆมานานแล้ว” เฟิงเทียนหยูหัวเราะ “ตระกูลเฉิง? ท่านฟางหยวนเป็นจักรพรรดิปีศาจอันดับหนึ่งของโลก! หากท่านฟางหยวนต้องการสิ่งใดจากตระกูลเฉิง พวกเจ้าจะกล้าปฏิเสธงั้นหรือ?”
“แต่ข้าชื่นชมพรสวรรค์บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของท่านฟางหยวนมากที่สุด!”
“ย้อนกลับไปบนภูเขาสามกษัตริย์ ข้าเห็นฉากที่ท่านฟางหยวนหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะด้วยตนเอง นั่นเป็นโชคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้า!”
“ครั้งหนึ่งข้าเคยใช้การบ่มเพาะระดับสามหลอมรวมวิญญาณระดับห้าที่เสียชีวิตภายในครึ่งวัน แต่ท่านฟางหยวนกลับสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะเมื่อยังเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์และเขายังหามันในสถานการณ์อันตรายอีกด้วย!”
“พรสวรรค์ ความเฉลียวฉลาด ความแข็งแกร่ง และสติปัญญาของเขาเป็นอันดับหนึ่งในโลกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ข้าก็เชื่อสุดใจว่าท่านฟางหยวนจะมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งห้าภูมิภาคและสองสวรรค์!”
“และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ”
“ท่านฟางหยวนเอาชนะวังสวรรค์ต่อหน้าทุกคนบนโลกใบนี้ ท่านฟางหยวนทําลายวิญญาณชะตากรรม!”
“ยิ่งสําคัญที่สุดก็คือท่านฟางหยวนใช้วิธีการหลอมรวมเพื่อทําลายวิญญาณชะตากรรม จากนี้ไปวิญญาณชะตากรรมจะไม่มีอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป!”
“นั่นทําให้พวกเราทุกคนหลุดพ้นจากโซ่ตรวนแห่งโชคชะตา!”
“เขาเป็นนักรบ วีรบุรุษ ผู้กอบกู้ เขาเป็นผู้ช่วยเหลือมนุษยชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน
ประวัติศาสตร์!”
“แต่ไม่มีผู้ใดเข้าใจเขา ทุกคนคิดว่าเขาเป็นปีศาจ ความคิดของพวกเขาตื่นเขินเกินไป พวกเขาโง่เขลาเกินไป ท่านฟางหยนคือการดํารงอยู่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เขาเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่จะปรากฏขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบพันล้านปี!
“แต่ข้าเข้าใจสิ่งที่เรียกว่าผู้คนฝ่ายธรรมะ พวกเขาเป็นคนอ่อนแอที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ดังนั้นพวกเขาจึงใส่ร้ายท่านฟางหยวนอย่างไร้ยางอาย พวกเขากําลังขัดขวางความเจริญรุ่งเรืองของมนุษยชาติ พวกเขาเป็นคนบาปที่ขัดขวางการพัฒนาของโลกใบนี้!”
“ท่านฟางหยวนโดดเด่นเกินไป ท่านน่าทึ่งเกินไป ท่านสูงส่งเกินไป!” “หากข้าสามารถติดตามท่านฟางหยวน หากข้าสามารถเดินตามรอยเท้าของผู้ยิ่งใหญ่ ข้า…ข้าจะไม่ขอสิ่งใดอีก!”
“ฮือ…ฮือ…ยอดเยี่ยม มันช่างยอดเยี่ยมนัก!”
“วันนี้เป็นวันที่ข้ามีความสุขที่สุดในชีวิต!”
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าข้ากําลังจะกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านฟางหยวน นี่เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อจริงๆ โอ้ สวรรค์!”
เฟิงเทียนหยูตื่นเต้นมาก ร่างกายของเขาสั่นเทา ดวงตาของเขาส่องประกายพร้อมกับน้ําตาที่ไหลนอง แม้แต่เฉิงซินซื่อยังรู้สึกหนาวเย็นเมื่อมองเขาในเวลานี้
ชายชราลึกลับผู้นั้นกล่าวได้ถูกต้อง
เฟิงเทียนหยูคลั่งไคล้ฟางหยวนมาก
ในความเป็นจริงเรื่องราวของฟางหยวนถูกเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางสายปีศาจส่วนใหญ่มองฟางหยวนเป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจของพวกเขา
แม้แต่ฝ่ายธรรมะ หลายคนก็ชื่นชมฟางหยวนอย่างลับๆ
เฟิงเทียนหยูเป็นหนึ่งในนั้น
แต่เนื่องจากเขาเคยพบฟางหยวนมาก่อนและบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม ดังนั้น ฟางหยวนจึงกลายเป็นเป้าหมายในชีวิตของเขาและได้รับการยกย่องบูชาจากเขา
แม้เฉิงซินซือจะไม่ได้แสดงหลักฐานที่ชัดเจน แต่ตราบเท่าที่มีความหวัง ตราบเท่าที่มันมีโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับการดํารงอันศักดิ์สิทธิ์ในหัวใจของเขา มันก็เพียงพอแล้วที่เขาจะรู้สึกตื่นเต้นจนไม่สามารถควบคุมตนเอง