Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2125 การทรยศของเฟิงเทียนหยู
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2125 การทรยศของเฟิงเทียนหยู
เมืองชั้นในชั้นที่สองของภูเขาเฉิงเหลียง
เฉิงหยาจื่อและคนอื่นๆมารวมตัวกันเพื่อพูดคุย แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็ถูกปิดล้อม
“โจวฉวน เว่ยเต๋อซิน! พวกเจ้าช่างกล้าหาญนัก พวกเจ้ากล้านํากลุ่มผู้ใช้วิญญาณเข้ามาในเมืองชั้นสอง!”
“พวกเจ้าพยายามทําสิ่งใด? เราเป็นลูกของเฉิงเยี่ยนเฟย พี่น้องร่วมสายเลือดของเฉิงซินซื่อ!” “พวกเจ้ากล้าท้าทายสมาชิกตระกูลเฉิงบนภูเขาเฉิงเหลียงแห่งนี้งั้นหรือ?”
เฉิงหยาจื่อและคนอื่นๆโกรธจัด พวกเขากรีดร้องเสียงดัง
เมืองชั้นสองเป็นที่อยู่อาศัยของสมาชิกตระกูลเฉิง มันจึงดึงดูดความวุ่นวายจากสมาชิกตระกูลจํานวนนับไม่ถ้วนอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้าสมาชิกตระกูลเฉิงหลายร้อยคนก็มารวมตัวกันที่นี่และปิดล้อมกลุ่มของเว่ยเต๋อซินกับโจวฉวนเอาไว้
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“เว่ยเต๋อวินและโจวฉวนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเฉิงซินซื่อ”
“พวกเขาปิดล้อมเฉิงชิวหนิว เฉิงหยาจื่อ และคนอื่นๆ!”
“พวกเขาช่างกล้าหาญนัก พวกเขาพยายามจัดการสมาชิกตระกูลเฉิงอย่างเปิดเผย!” “อย่ารีบร้อน หากปราศจากคําสั่งของเฉิงซินซื่อ พวกเขาจะกล้าเคลื่อนไหวได้อย่างไร?”
“การแสดงที่ดีกําลังจะเริ่มขึ้น! นี่เป็นการต่อสู้เพื่อชิงอํานาจอย่างชัดเจน”
สมาชิกตระกูลเฉิงวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรง
เว่ยเต๋อวินเผยรอยยิ้มเย็นชา
โจวฉวนประกาศเสียงดัง “เมื่อเร็วๆนี้วิญญาณปลอมแพร่กระจายออกไปบนภูเขาเฉิงเหลียงอย่างรวดเร็ว เราตรวจสอบความจริงมาแล้ว คนร้ายที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้จงมอบตัวซะ ผู้นําของเราใจดีและมีเมตตา นางอาจปล่อยพวกเจ้าไป”
หัวใจของเฉิงหยาจื่อและคนอื่นๆสั่นไหว
เฉิงหยาจื่อก้าวออกมา “บัดซบ! เจ้ากล้ากล่าวหาพวกเราโดยไม่มีหลักฐาน เห็นได้ชัดว่าเฉิงซินซื่อเป็นคนไร้ความสามารถและศีลธรรม นางไม่สามารถจัดการปัญหานี้ ดังนั้นนางจึงโยนความผิดให้กับพวกเรา นางช่างชั่วร้ายนัก!”
“ไม่จําเป็นต้องปฏิเสธอีกต่อไป” เว่ยเต๋อซินขัดจังหวะ “ตั้งแต่เรากล้ามาจับกุมพวกเจ้าในที่สาธารณะ เราย่อมมีหลักฐานที่เป็นรูปธรรมซื่อ!”
“หลักฐานใด?”
“เฉิงซินซื่ออยู่ที่ใด? ให้นางออกมาพูด!”
“ถูกต้อง เหตุใดนางจึงปล่อยให้พวกเจ้าจัดการเรื่องนี้ พวกเจ้าเป็นเพียงสุนัขรับใช้ของเฉิงซิน
เฉิงหยาจื่อและคนอื่นๆกรีดร้อง
โจวฉวนเผยรอยยิ้มเย็นชา “ตอนนี้พวกเจ้าเริ่มกลัวแล้วงั้นหรือ?”
“เราเป็นทายาทตระกูลเฉิง ไม่มีสิ่งใดต้องกลัว แต่บ่อยครั้งที่ความกล้าหาญคือความโง่เขลา หากเรายอมจํานน เราจะถูกทรมานและบังคับให้ยอมรับความผิด ในที่สุดพวกเราจะกลายเป็นคนร้าย!”
“เมื่อพวกเจ้ามีหลักฐานก็จงนําออกมาแสดงต่อหน้าทุกคนในเมือง!”
เฉิงชิวหนิวและเฉิงซื่อหว่านกล่าว
เฉิงหยาจื่อและเฉิงอี้ฟานขมวดคิ้ว
“ถูกต้อง พูดให้ชัดเจนต่อหน้าทุกคน!”
“พวกเจ้ากําลังปิดล้อมทายาทของตระกูลเฉิง!”
“แม้พวกเขาจะไม่ใช่นายน้อยอีกต่อไปแต่พวกเราก็ไม่ใช่บุคคลที่คนนอกเช่นพวกเจ้าจะสามารถรังแกได้
สมาชิกตระกูลเฉิงที่อยู่รอบๆตะโกน
โจวฉวนหัวเราะ “ทุกอย่างอยู่ในความคาดหมายของท่านผู้นํา เอาล่ะ ในเมื่อพวกเจ้าต้องการหลักฐาน ข้าก็จะทําให้พวกเจ้าพูดไม่ออก นี่คือหลักฐาน!”
โจวฉวนโบกมือ วิญญาณจํานวนมากปรากฏขึ้นบนพื้น
เว่ยเต๋อซินกล่าวเสริม “ตอนนี้วิญญาณปลอมทั้งหมดบนภูเขาเฉิงเหลียงถูกรวบรวมมาไว้ที่นี่แล้ว”
เฉิงอี้ฟานหัวเราะ “เพียงเท่านี้งั้นหรือ? น่าวิญญาณเหล่านี้มาเป็นหลักฐานเพื่อจับพวกเรางั้นหรือ?”
โจวฉวนหัวเราะ “ไม่อย่างแน่นอน เราพบข้อเท็จจริงที่ชัดเจนว่าเฟิงเทียนหยูเป็นคนสร้างวิญญาณปลอมเหล่านี้ นอกจากนั้นตอนนี้เขายังอยู่กับพวกเจ้า เขาได้รับคําสั่งจากพวกเจ้า”
ทันใดนั้นสายตาจ่านวนนับไม่ถ้วนก็จ้องมองไปที่เฟิงเทียนหยู
เฉิงหยาจื่อและคนอื่นๆกําลังวางแผนสําคัญ เฟิงเทียนหยูย่อมต้องเข้าร่วมด้วย
“เขาคือเฟิงเทียนหยูจริงๆ”
“เหตุใดผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมจึงอยู่ที่นี่?”
“ข้าพึ่งรู้จักเขาไม่นานมานี้”
“เขาคืออาจารย์เฟิงจริงๆ”
เสียงพูดคุยดังขึ้นเรื่อยๆ
เฉิงหยาจื่อไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เขาก้าวออกมาข้างหน้าและตะโกน “โจวฉวน! เจ้ากล้าใส่ร้ายพวกเรา นี่เป็นการใส่ร้ายสหายที่ดีของข้า เราจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไป หากพวกเจ้าไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าพี่เฟิงเป็นคนสร้างวิญญาณปลอมเหล่านี้ ข้าจะร้องขอความยุติธรรมจากท่านพ่อ!”
โจวฉวนหัวเราะ “แน่นอน ข้ามีหลักฐาน บอกข้า เฟิงเทียนหยู เจ้าเป็นคนสร้างวิญญาณปลอมเหล่านี้ใช่หรือไม่?”
เฉิงหยาจื่อและคนอื่นๆกลายเป็นมึนงง
ต่อมาเสียงของเฟิงเทียนหยูก็ดังขึ้น เขายอมรับ “ถูกต้อง ข้าได้รับคําสั่งจากกลุ่มของเฉิงหยาจื่อให้หลอมรวมวิญญาณปลอมและสร้างปัญหาในตลาด พวกเขาต้องการทําลายผู้นําตระกูลเฉิงคนปัจจุบัน”
“อันใด!?”
“กระไรนะ!?” “พี่…พี่เฟิง เจ้า!”
เงียบกริบ
เฉิงหยาจื่อและคนอื่นๆมองเฟิงเทียนหยูด้วยความไม่อยากจะเชื่อและตกใจมาก
ใบหน้าของเฉิงหยาจื่อกลายเป็นน่าเกลียด
เฟิงเทียนหยูทรยศพวกเขาอย่างกะทันหัน
นี่เป็นไปได้อย่างไร? เฉิงซินซื่อเสนอราคาสูงกว่าเขางั้นหรือ?
เป็นไปไม่ได้
เพื่อจ้างเฟิงเทียนหยู เฉิงหยาจื่อและคนอื่นๆทุ่มเทความมั่งคั่งทั้งหมดของตนเอง เฉิงซินซื่อจะสามารถรวบรวมทรัพยากรมากมายในช่วงเวลาสั้นๆได้อย่างไร
แต่สิ่งนี้กลับเกิดขึ้นแล้ว
และมันส่งผลกระทบที่รุนแรงมาก
โจวฉวนกล่าว “อย่ากังวล ท่านเฟิงเทียนหยูไม่ใช่คนเดียวที่เป็นพยานของเรา พวกเจ้ายังมีสิ่งใดจะกล่าวอีกหรือไม่?”
ในเวลาต่อมา เฉิงชิวหนิวก็ถอนหายใจ “ข้ายอมรับ เราเป็นผู้ก่อการร้ายในครั้งนี้”
“เฉิงชิวหนิว!”
“พี่ใหญ่!”
“เจ้าบ้าไปแล้วงั้นหรือ?”
อย่างไรก็ตามเฉิงชิวหนิวไม่ได้เป็นคนเดียวที่บ้าแต่ยังมีเฉิงซื่อหว่าน
นางยืนยันและยอมรับข้อกล่าวหาของโจวฉวนเช่นกัน
เฉิงหยาจื่อแทบกระอักเลือด เฉิงอี้ฟานตัวสั่นด้วยความโกรธ “พวกเจ้าทั้งสอง พวกเจ้าต้องตายอย่างน่าอนาถ!”
เฉิงซื่อหว่านยิ้ม “มันคงไม่ใช่พวกเรา”
นางเคยเป็นผู้จัดการสนามประลองของตระกูลเฉิง นางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฉิงซินซื่อ ย้อนกลับไปธุรกิจขายข้อมูลของเฉิงซินซื่อก็ได้รับความช่วยเหลือจากนางเช่นกัน
เฉิงชิวหนิวโบกมือ “ไม่นานมานี้เฟิงเทียนหยูและเฉิงซินซื่อมาหาข้า เนื่องจากเฟิงเทียนหยูร่วมมือกับนางแล้ว เราจะทําอย่างไรได้ เราไม่มีโอกาสชนะ เฉิงซินซื่อมีวิธีการที่ยอดเยี่ยม เราไม่สามารถดึงนางลงจากตําแหน่ง เราแพ้แล้ว ยอมรับซะ”
เฉิงหยาจื่อมองเฟิงเทียนหยูด้วยสายตาที่ต้องการกัดกินคนผู้นี้ “เฟิงเทียนหยู ตอบข้า! ข้ารู้ว่า เจ้าไม่ใช่คนที่จะหลงระเริงไปกับหญิงงาม ความสนใจเพียงอย่างเดียวของเจ้าคือการหลอมรวมวิญญาณ ข้าไม่เชื่อว่าเฉิงซินซื่อจะสามารถเอาชนะใจเจ้าได้ บอกข้าว่าเหตุใดสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น?” “อืม! คนธรรมดาเช่นเจ้าจะเข้าใจเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของข้าได้อย่างไร? ยอมจํานนซะ!” เฟิงเทียนหยูหัวเราะเย้ยหยัน
“พวกเจ้าต้องตาย!” เฉิงหยาจื่อระเบิดความโกรธออกมาและโจมตีทันที
เฉิงอี้ฟานและคนอื่นๆเคลื่อนไหวพร้อมกัน
เฉิงชิวหนิว เฟิงเทียนหยู โจวฉวน และเว่ยเต๋อซินเตรียมพร้อมสําหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงเข้าสู่การต่อสู้ที่วุ่นวาย
สมาชิกตระกูลเฉิงยังเฝ้ามองโดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว
“สถานการณ์ชัดเจนแล้ว”
“ผู้ใดจะคิดว่าท่านผู้นําเฉิงซินซื่อจะยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้!”
“นี่เป็นปาฏิหาริย์ มีคนสามารถเอาชนะใจท่านเฟิงได้จริงๆ”
“จักรพรรดินีวจี้พยายามจ้างเขาด้วยราคาสูง นางจริงใจมาก แต่ท่านเฟิงยังไม่สนใจนาง!”
กลุ่มของเฉิงหยาจื่อและเฉิงอี้ฟานกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบในไม่ช้า
โจวฉวนและคนอื่นๆเตรียมตัวมาแล้ว เฉิงชิวหนิวและเฉิงซื่อหว่านทรยศพวกเขา สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป ดังนั้นเฉิงหยาจื่อจึงไม่สามารถรับมือ
“ไม่ ข้าแพ้ไม่ได้ ข้ายังมีไพ่ตาย พวกเจ้าบังคับให้ข้าท่า พวกเจ้าบังคับข้า!” เมื่อเห็นว่าตนเอง กําลังจะถูกจับเฉิงอี้ฟานก็กรีดร้องและนําคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์ออกมาคราว
คฤหาสน์วิญญาณหลังนี้เหมือนกรงขัง มันระเบิดและปลดปล่อยอสูรโคลนออกมา อสูรโคลนตัวนี้ไม่ธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด
มันมีร่างมนุษย์ที่คลุมเครือขณะที่ใบหน้าจํานวนนับไม่ถ้วนผุดขึ้นบนร่างกายของมันเป็นครั้งใบหน้ามนุษย์เหล่านี้ดูบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ทุกคนรู้สึกหนาวสั่นเพียงเมื่อมองเห็นสิ่งนี้
“คนชั่ว!” อสูรโคลนตะโกนเมื่อมันโจมตีโจวฉวนและคนอื่นๆ
โจวฉวนและคนอื่นๆต่อสู้กับมันและตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
สถานการณ์กลายเป็นพลิกผัน
“ไปกันเถอะ!” เฉิงอี้ฟานตะโกนเสียงดัง
อสูรโคลนไม่แยกมิตรหรือศัตรู มันใช้พละกําลังมหาศาลบุกเข้าไปในฝูงชนและสังหารผู้บริสุทธิ์ทําให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่
ระหว่างความวุ่นวาย เฉิงหยาจื่อและคนอื่นๆหลบหนีไปได้อย่างฉิวเฉียด
พวกเขาไม่สามารถอยู่บนภูเขาเฉิงเหลียงได้อีกต่อไป พวกเขาต้องหลบหนีและกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณปีศาจ
อสูรโคลนสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ให้กับเมืองชั้นสอง
นอกจากพลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัว ความสามารถในการฟื้นตัวของมันก็โดดเด่นมากและผนึกมันไว้ได้อีกครั้ง
ในที่สุดด้วยความช่วยเหลือจากเฉิงซินซื่อและคนอื่นๆ พวกเขาก็สามารถปราบปรามอสูรโคลน วิกฤตวิญญาณปลอมถูกแก้ไข ไม่เพียงเฉิงซินซื่อจะสามารถรักษาตําแหน่งของนางเอาไว้แต่เฟิงเทียนหยูยังกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนาง นี่ทําให้ชื่อเสียงของนางพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
หลังจากได้รับรายงาน เฉิงเยี่ยนเฟย ม
เฉิงซินซื่อไม่ได้ทําให้เขาผิดหวัง ในความเป็นจริงเขาค่อนข้างประหลาดใจ
เขาไม่คิดว่าเฉิงซินซื่อจะสามารถบรรลุผลลัพธ์นี้
สิ่งที่ทําให้เฉิงเยี่ยนเฟยพอใจมากที่สุดคือเฉิงซินซื่อไม่ได้ทําร้ายหรือจับกุมเฉิงหยาจื่อและคนอื่นๆ นางจัดการเพียงอสูรโคลนที่สร้างปัญหาเท่านั้น
สําหรับกลุ่มของเฉิงหยาจื่อและเฉิงอี้ฟาน พวกเขากลายเป็นผู้ใช้วิญญาณปีศาจ นี่เป็นจุดจบที่ดีมากแล้ว
“พวกเขาทั้งหมดมีวิธีบนเส้นทางแห่งเลือดของข้าซ่อนอยู่ในร่าง พวกเขาสามารถป้องกันตัวได้ในช่วงเวลาคับขัน กระแสลมปราณอาละวาดทําให้โอกาสอมตะปรากฏขึ้นทุกหนทุกแห่ง หากพวกเขาต้องการเป็นผู้อมตะ พวกเขาต้องทํางานหนักและค้นหาโอกาสด้วยตนเอง”
เฉิงเยี่ยนเฟยไม่ได้สนใจลูกๆของเขามากนัก เขาบังคับให้พี่น้องเข่นฆ่ากันเองเพื่อชิงตําแหน่งผู้นํา
ครั้งหนึ่งเขาเคยเพิกเฉยต่อการคัดค้านทั้งหมดและใช้ทรัพยากรจํานวนมาก เขาสังหารสมาชิก
ตระกูลอย่างไม่แยแส เขาเข่นฆ่าผู้คนที่ยอมจํานนและเหยียบย่ําซากศพของผู้อาวุโสที่คัดค้านการตัดสินใจของเขา
เขาปกครองตระกูลด้วยความโหดเหี้ยมมาตลอดแม้แต่ลูกหลานของเขาเอง
“เรื่องนี้ถูกตัดสินแล้ว ข้าต้องออกเดินทางและค้นหามรดกที่แท้จริงบ่อเลือดอื่นๆ บรรพชนบ่อเลือด…คนผู้นี้ช่างลึกลับนัก”
เฉิงเยี่ยนเฟยรู้สึกสบายใจเพราะลูกๆของเขาโตแล้ว พวกเขามีเส้นทางของตนเอง สําหรับตัวเขาเอง เขาจะค้นหาโอกาสอมตะและพัฒนาตัวเองต่อไป