Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2129 เกราะทองแดง
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2129 เกราะทองแดง
“โชคนี่…” ฟางหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาโชคของเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่โชคของสามเทพก็เติบโตขึ้นเช่นกัน“ข้าเติบโตขึ้นทุกวันแต่สามเทพก็ไม่ธรรมดาพวกเขาทําให้สถานการณ์เกิดเสถียรภาพอีกครั้ง”“มันอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับข้า”
ฟางหยวนถอนหายใจ
ปัจจุบันเขาต้องสร้างเสถียรภาพให้แก่มิติช่องว่างจักรพรรดิผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์
ทํางานทั้งกลางวันและกลางคืนบ่อยครั้งที่เขาต้องลงมือด้วยตนเอง
นอกเหนือจากการจัดการมิติช่องว่างฟางหยวนยังต้องสร้างระบบการต่อสู้ที่เหมาะสมสิ่งสําคัญที่สุดคือการก้าวเข้าสู่ระดับเทพ
การเป็นเทพจะทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ
เส้นทางการหลอมรวมแบ่งออกเป็นสองสายหลักๆได้แก่การหลอมรวมของมนุษย์ขนและการ
หลอมรวมของมนุษย์การหลอมรวมของมนุษย์ขนฟางหยวนบรรลุถึงจุดสูงสุดแล้วตอนนี้เขากําลังเรียนรู้และฝึกฝนการหลอมรวมของมนุษย์
เขาพยายามทําความเข้าใจวิธีการหลอมรวมของชิงโจวและมรดกของเทพอมตะสวรรค์พิภพอีกด้านหนึ่งเขาพยายามเรียนรู้การหลอมรวมวิญญาณในร่างของสมาชิกตระกูลหนี่ในความเป็นจริงวิธีนี้คล้ายกับวิธีการทําลายวิญญาณชะตากรรมและป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกครั้ง
‘หากข้าสามารถสรุปวิธีการหลอมรวมของตระกูลหนี่ข้าจะสามารถเติมเต็มช่องว่างขนาดใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม บางทีข้าอาจกลายเป็นปรมาจารย์สูงสุดด้วยวิธีนี้!’กรณีที่ดีที่สุดสําหรับฟางหยวนก็คือเขาสามารถก้าวเข้าสู่ระดับเทพก่อนเข้าไปในถ้ำปีศาจคลั่ง
หากเขาไม่สามารถกลายเป็นเทพบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมได้ก่อนหน้านั้น สิ่งที่เขาต้องท่าก็คือเพิ่มพลังการต่อสู้จนถึงที่สุด
ประการแรก เขาต้องจัดการปัญหาในมิติช่องว่างจักรพรรดิและผนวกถ้ำสวรรค์จนถึงขีดจํากัดประการที่สองเขาต้องสร้างระบบการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม
ถ้ำปีศาจคลั่งเป็นการท้าทายครั้งใหญ่ของฟางหยวน
ศัตรูของเขาไม่ได้มีเพียงหนึ่งแต่มีหลายคน
นอกจากเทพอมตะกลุ่มดาวเทพปีศาจจิตวิญญาณและเทพอมตะตะวันเดือด เทพคนอื่นๆก็เคยสํารวจถ้ำปีศาจคลั่งเช่นกัน
เมื่อเวลานั้นมาถึง เหล่าเทพอาจกระโจนออกมาพร้อมกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสายธารแห่งกาลเวลากลายเป็นปั่นป่วนแม้วิญญาณกาลเวลาจะกลายเป็นวิญญาณอมตะระดับแปด แต่มันก็ไม่สามารถใช้งาน
ฟางหยวนมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
เขาตรวจสอบโชคต่อไป
เมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่รอบๆเสาแสงสีเงินหมายถึงวิญญาณอมตะความอิจฉาของสวรรค์ฟางหยวนรู้เรื่องนี้อยู่แล้วแต่ภาพเงาที่พร่าเลือนของภูเขาหมายถึงสิ่งใดฟางหยวนไม่แน่ใจ
ภาคใต้ ภูเขาโคลนเน่าเปื่อย
“ธรรมชาติช่างอัศจรรย์นัก มีทรัพยากรบนเส้นทางแห่งพลังปราณอยู่บนภูเขาโคลนเน่าเปื่อย!”เฟิงเทียนหยูชื่นชม
ทรัพยากรเหล่านี้ไม่มีค่าต่ออสูรโคลนหนี่เจี้ยน
สิ่งที่เฟิงเทียนหยูไม่รู้ก็คือโคลนที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งพลังปราณ
เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติมันเป็นผลพวงมาจากการกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายของเจตจํานง
ของกงเฉิงเทียนด้วยความช่วยเหลือกจากแดนหู
กงรี่เทียนรวมถึงสี่ผู้อนาจารและหวังเซียวเอ๋อสามารถหลบหนีเพราะสิ่งนี้
“มันแปลกมาก โคลนบนเส้นทางแห่งพลังปราณมีจํานวนมาก บางทีมันอาจมีทรัพยากรอมตะ
บนเส้นทางแห่งพลังปราณซ่อนอยู่ใต้ดิน ดังนั้นมันจึงให้กําเนิดโคลนบนเส้นทางแห่งพลังปราณเหล่านี้?
เฟิงเทียนหยูสํารวจรอบๆและรู้สึกแปลกใจมากขึ้น
เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเขามีความรู้และประสบการณ์มากมาย
หลังจากชั่วครู่ เขาก็สั่งให้อสูรโคลนหนี่เจี้ยนขุดดิน
อย่างไรก็ตามแม้เขาจะขุดดินเป็นเวลาสองวันสองคืนแต่เขาก็ไม่พบสมบัติล้ำค่าใดๆ
ผู้อมตะตระกูลวูลอบนําแดนหูออกไปแน่นอนว่าพวกเขาต้องทําความสะอาดพื้นที่แม้ผู้อมตะ
จะมาสํารวจด้วยตนเองพวกเขาก็จะไม่พบสิ่งใด
ท้ายที่สุดกระแสลมปราณก็อาละวาดไปทั่วทรัพยากรบนเส้นทางแห่งพลังปราณปรากฏขึ้นทุกหนทุกแห่ง
ทะเลทรายตะวันตก
แดนศักดิ์สิทธิ์กองทรายถูกเปิดเผยเพราะกระแสลมปราณทําให้ผู้ใช้วิญญาณสามารถเข้าไปสํารวจ
สภาพแวดล้อมภายในอันตรายมากสายลมกรรโชกแรงราวกับใบมีดอันแหลมคมที่ตัดทําลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า
ทรายที่สูงหลายสิบเมตร
คลื่นทรายบนพื้นเคลื่อนที่อย่างบ้าคลั่งหากประมาทเพียงเล็กน้อย พวกเขาจะถูกฝังไว้ใต้พื้น
ท่ามกลางคลื่นทรายมีพื้นที่เงียบสงบอยู่หลายแห่งพื้นที่เหล่านี้เต็มไปด้วยทรัพยากรในเวลานี้ภายในพื้นที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง กลุ่มผู้ใช้วิญญาณกําลังมองทรัพยากรระดับห้าภาย
ใต้บรรยากาศที่เคร่งเครียด
“ข้าพบหญ้าลูกปัดแห่งปัญญาเป็นคนแรก!”
“ไร้สาระ! เราเป็นกลุ่มแรกที่พบมัน!”
“ทุกคนสมควรได้รับส่วนแบ่งมันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดถึงคนที่พบมันก่อน”
ขณะที่กลุ่มผู้ใช้วิญญาณกําลังโต้เถียงบางคนกลับโจมตีอย่างกะทันหัน
บางคนถูกโจมตีโดยไม่ได้เตรียมตัวเขาตะโกนด้วยความโกรธ “โม่หลี่ เจ้าช่างกล้าหาญนัก!เจ้ากล้าโจมตีข้า!”
กลุ่มผู้ใช้วิญญาณล่าถอยออกไปและเฝ้ามองอย่างระมัดระวัง
โม่หลี่เย้ยหยัน “ข้าระวังเจ้ามากที่สุดตอนนี้เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ของข้าหมดไปแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่าพวกเจ้าทุกคนต้องตาย!”
กลุ่มผู้ใช้วิญญาณตกตะลึงก่อนจะเปลี่ยนเป็นความโกรธ
“โม่หลี่ เจ้าเสียสติไปแล้ว!”
“ให้ข้าดูว่าเจ้ามีความสามารถเพียงใด”
“ฮ่าฮ่า เจ้าทําให้พวกเราโกรธทุกคนโจมตีพร้อมกันกําจัดคนเลวผู้นี้!”
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของกลุ่มผู้ใช้วิญญาณไม่หลี่ยิ่งกระหายการต่อสู้มากขึ้น
“เข้ามา ข้าจะให้พวกเจ้าได้เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของข้า!” กระแสไฟฟ้าปะทุขึ้นบนร่างของโม่หลี่
เขาค่อยๆลอยขึ้นสู่อากาศ
โม่หลี่ประสบความสําเร็จในการกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายเขาตะโกน “เกราะทองแดง!”
ทันใดนั้นชุดเกราะโลหะสีทองแดงก็ปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขา
โม่หลี่พุ่งเข้าหากลุ่มผู้ใช้วิญญาณราวกับนกอินทรีย์
แรกเริ่มกลุ่มผู้ใช้วิญญาณโจมตีอย่างดุเดือดแต่กราะทองแดงของโม่หลี่ไม่ได้รับความเสียหายใดๆนั่นทําให้ใบหน้าของกลุ่มผู้ใช้วิญญาณกลายเป็นซีดเผือด พวกเขาเริ่มหลบเลี่ยงและกลายเป็นฝ่ายตั้งรับ
เมื่อเวลาผ่านไปกลุ่มผู้ใช้วิญญาณก็สูญเสียความตั้งใจในการต่อสู้และวิ่งกระจัดกระจายไปทุกทิศทุกทาง
โม่หลี่หัวเราะเสียงเย็นอยู่ในชุดเกราะทองแดงจากนั้นเขาก็กระตุ้นใช้ท่าไม้ตายของชุดเกราะในเวลาต่อมา เขายิงกระแสไฟฟ้าพุ่งออกไปอย่างกะทันหัน
“บึ้ม บึ้ม บึ้ม บึ้ม…
กระแสไฟฟ้าเข่นฆ่าผู้ใช้วิญญาณที่หลบหนีทั้งหมด
สนามรบเงียบลงทันที
โม่หลี่ค่อยๆบินลงบนพื้น เกราะทองแดงของเขาแยกออกเป็นชิ้นๆก่อนจะหายไป
โม่หลี่คุกเข่าลงเขาหอบหายใจอย่างหนักหน่วงใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ
“แม้เกราะทองแดงจะทรงพลังแต่ค่าใช้จ่ายของมันก็สูงมากในเวลาเพียงสิบลมหายใจพลังวิญญาณพละกําลังพลังจิตและความคิดของข้าถูกใช้จ่ายไปจนหมด หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากเจ้า มันจะเลวร้ายกว่านี้มาก”โม่หลี่พึมพํา
ดวงวิญญาณของเผิงตําาลอยออกมา“ไม่ใช่ว่าตอนนี้เรามีหญ้าลูกปัดแห่งปัญญาแล้วงั้นหรือ?เราสามารถหลอมรวมวิญญาณสมองกลด้วยสิ่งนี้เมื่อเพิ่มมันเข้าไปเกราะทองแดงจะใช้งานได้
นานขึ้นสองเท่า!”
“ถูกต้อง”โม่หลี่ยิ้มและหยิบหญ้าลูกปัดแห่งปัญญาขึ้นมา
หลังจากโม่หลี่กับเผิงต้ายึดครองมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ พวกเขาฝึกฝนมันและสามารถใช้ท่าไม้ตายเกราะทองแดง
ด้วยท่าไม้ตายนี้ พลังการต่อสู้ของโม่หลี่จึงก้าวนําผู้ใช้วิญญาณระดับห้าไปได้ในระยะเวลาสั้นๆ
ด้วย โม่หลี่สัญญากับเผิงต้าว่าตราบเท่าที่เผิงต้าช่วยเขาเขาจะช่วยชุบชีวิตให้เผิงต้า
เหตุผลที่เผิงต้าร่วมมือกับโม่หลี่ก็คือหากโม่หลี่เสียชีวิตดวงวิญญาณของเผิงต้าก็จะหายไป
เผิงต้าและโม่หลี่บรรลุข้อตกลงด้วยวิธีนี้
“ไปกันเถอะ”โม่หลี่ออกจากพื้นที่ปลอดภัยและพบกับคลื่นทรายอีกครั้ง
โม่หลี่ใช้วิธีป้องกันของเขาเพื่อต่อต้านพายุทราย
หลังจากไม่นานเขาก็พบพื้นที่เงียบสงบแห่งใหม่
‘นี่เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่ใหญ่โตที่สุดข้างในต้องมีทรัพยากรอยู่มากมาย’ โม่หลี่รู้สึกยินดีและกําลังจะกระโดดเข้าไป
แต่ทันใดนั้นพื้นที่เงียบสงบกลับเกิดการระเบิดครั้งใหญ่
หลายร่างพุ่งออกมา
‘ผู้อมตะงั้นหรือ!?’หัวใจของโม่หลี่สั่นสะท้านขึ้นเขาเร่งล่าถอย
กลุ่มผู้อมตะกําลังต่อสู้อยู่กลางอากาศมันเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงมาก
‘นี่คือพลังอ่านาจของผู้อมตะช่างน่ากลัวนักแม้ข้าจะมีเกราะทองแดง แต่ข้าก็ไม่สามารถ
เผชิญหน้ากับพวกเขา!’ โม่หลี่ลอบมองด้วยหัวใจที่เต้นแรง
โม่หลี่สังเกตและพบว่าผู้อมตะหลายคนกําลังรุมโจมตีผู้อมตะเพียงคนเดียว
ผู้อมตะที่ถูกปิดล้อมยั่วยุฝ่ายตรงข้ามและหัวเราะอย่างบ้าคลั่งโดยไม่เกรงกลัวสิ่งใด
ท่ามกลางการต่อสู้ที่วุ่นวาย เงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันและหายไปอย่างรวดเร็ว
ผู้อมตะที่ถูกซุ่มโจมตีตะโกน “หลิงหูซูเจ้ากล้าขโมยสมบัติของตระกูลฟางของข้า!”
หลิงหูซูหัวเราะเสียงดังง“ผู้ใดบอกให้เจ้าอยู่ใกล้ข้า ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าพวกเจ้าจะนําแก่นแท้อสูรวิญญาณจํานวนมากติดตัวมาด้วยดูเหมือนแผนการของตระกูลฟางในทะเลทรายผีเขียวจะนําเนินไปได้ด้วยดี”
ผู้อมตะตระกูลฟางตะโกนด้วยความโกรธ “หลิงหูซูข้าขอแนะนําให้เจ้าทิ้งแก่นแท้อสูร
วิญญาณเอาไว้ มิฉะนั้นเจ้าจะพบปัญหาใหญ่!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าต้องกลัวงั้นหรือ?ลาก่อน!”