Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2134 เพียงรอก่อน
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2134 เพียงรอก่อน
หลังจากดูดซับทรัพยากรอมตะบนเส้นทางสวรรค์ ฟางหยวนได้รับร่องรอย ของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสวรรค์เพิ่มขึ้นอีกเก้าร่องรอย
ภัยพิบัติใหญ่ของซื่อจงกลายเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทาง สวรรค์เพียงเก้าร่องรอยและนี่ยังเป็นภัยพิบัติใหญ่ที่รุนแรงกว่าปกติ
‘หากมันเป็นภัยพิบัติใหญ่ทั่วไป มันน่าจะเปลี่ยนเป็นร่องรอยของพลังงานแห่ง เต๋าบนเส้นทางสวรรค์ประมาณเจ็ดร่องรอย’ ฟางหยวนประเมิน
สิ่งนี้ไม่สามารถเปรียบเทียบกับการกลืนกินถ้ําสวรรค์
การกลืนกินถ้ําสวรรค์แต่ละแห่งจะมอบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้น
ทางสวรรค์ให้ฟางหยวนมากกว่าพันร่องรอย แต่ตอนนี้มิติช่องว่างจักรพรรดิเกือบถึงขีดจํากัดของมันแล้ว ฟางหยวนไม่สามารถกลืนกินถ้ําสวรรค์มากกว่านี้
ปัจจุบันเขามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสวรรค์มากกว่าสองแสนร่องรอย!
ฟางหยวนต้องการเป็นเทพบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม ดังนั้นเขาจึงให้
ความสําคัญกับการกลืนกินถ้ําสวรรค์บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมและมันก็เพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมให้เขาจนถึงระดับหกล้านร่องรอยเรียบร้อยแล้ว
‘ตอนนี้ข้าไม่สามารถกลืนกินถ้ําสวรรค์ได้อีกต่อไป ข้าสามารถใช้วิธีนี้เพื่อรับ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสวรรค์เท่านั้น’
‘แม้มันจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยในแต่ละครั้ง แต่ด้วยการเพิ่มขึ้นของหยดน้ําทีละหยดอย่างต่อเนื่อง มันจะกลายเป็นมหาสมุทรในที่สุด’
ในระยะยาว วิธีนี้มีอนาคตที่สดใส
ผู้อมตะต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติอย่างไม่รู้สิ้นสุด มันมีโอกาสมากมาย
ซื่อจงประสบความสําเร็จในการก้าวข้ามภัยพิบัติใหญ่และกลายเป็นผู้อมตะ
ระดับแปด
เมื่อเขากลับเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ผู้คนออกมาแสดงความยินดีกับ
เขาและถามถึงรายละเอียด
ซื่อจงเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เขาใช้วิญญาณบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้
หลังจากภาพเหตุการณ์นี้ถูกเผยแพร่ออกไป มันส่งผลกระทบอย่างมากต่อ
โลกผู้อมตะในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
“นายท่านแข็งแกร่งมาก!”
“เขาใช้ท่าไม้ตายระดับแปดมากกว่ายี่สิบท่าในครั้งเดียว เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?”
“นี่คือท่าไม้ตายรอยสักงั้นหรือ? มันดูสะดวกมาก!”
แรกเริ่มกลุ่มผู้อมตะถูกดึงดูดโดยท่าไม้ตายรอยสัก ต่อมาเมื่อรังโจรปรากฏขึ้นพวกเขาต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจอีกครั้ง
เมื่อภาพเหตุการณ์จบลง ภัยพิบัติใหญ่ถูกทําลายโดยฟางหยวนอย่างสมบูรณ์กลุ่มผู้อมตะต้องถอนหายใจชื่นชมและรู้สึกหวั่นไหว
“วิธีการของนายท่านเหนือจินตนาการจริงๆ เขาสามารถทําลายภัยพิบัติใหญ่ได้อย่างง่ายดาย”
“ในประวัติศาสตร์ ภัยพิบัติมักสงบลงหลังจากทําลายล้างทุกสิ่ง แต่นายท่านมี พลังอํานาจที่ไม่สามารถหยั่งถึง ท่านสามารถกําจัดภัยพิบัติได้ก่อนที่มันจะ สามารถสร้างความสูญเสีย”
“ภารกิจนี้คือโชคลาภครั้งใหญ่ ไม่เพียงระดับการบ่มเพาะของเราจะเพิ่มขึ้นแต่ เรายังได้รับแต้มผลงานจํานวนมากอีกด้วย”
“เจ้าไม่ได้ยินสิ่งที่ซื่อจงกล่าวงั้นหรือ? แม้เขาจะสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติใหญ่ และกลายเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่เขาไม่ได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า”
“อา…มีเรื่องเช่นนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ภารกิจนี้ได้รับแต้มผลงานจํานวนมาก”
ซื่อจงไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้ แรกเริ่มเขาค่อนข้างลังเล แต่ฟางหยวนสั่งให้เขา บอกความจริงกับทุกคน
เรื่องนี้เป็นเหมือนน้ําเย็นที่ถูกเทลงบนศีรษะของผู้อมตะที่กําลังรู้สึกตื่นเต้น
พวกเขาเริ่มสงบลง
ผลลัพธ์นี้จ่าเป็นต้องพิจารณาอย่างเหมาะสม
ท้ายที่สุดภัยพิบัติเป็นวิธีหลักในการเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า
ในช่วงไม่กี่วันต่อมา ไม่มีผู้ใดรับภารกิจนี้ แต่เมื่อซื่อจงใช้แต้มผลงานแลก เปลี่ยนวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งปฐพีสองดวงและท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีอีกสามท่า ผู้อมตะอีกคนก็ตัดสินใจรับภารกิจก้าวข้ามภัยพิบัติ
หลังจากนั้นผู้อมตะคนอื่นๆก็เริ่มเลียนแบบและรับภารกิจนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ในไม่ช้ามันก็กลายเป็นภารกิจที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ผู้อมตะเหล่านี้มีไหวพริบ พวกเขาสามารถคํานวณกําไรและขาดทุน แม้พวก เขาจะสูญเสียร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า แต่มูลค่าของแต้มผลงานสูงกว่า ความสูญเสียที่พวกเขาได้รับ
มีหลายปัจจัยที่กําหนดความแข็งแกร่งของผู้อมตะ นอกจากร่องรอยของ พลังงานแห่งเต๋า มันยังมีวิญญาณอมตะและท่าไม้ตายอมตะ ในความเป็นจริงท่าไม้ตายอมตะยังมีความสําคัญมากกว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋านับพันร่องรอย
สิ่งที่ทําให้ผู้อมตะตัดสินใจรับภารกิจก้าวข้ามภัยพิบัติได้ง่ายขึ้นคือพวกเขาสามารถใช้แต้มผลงานเพื่อขอให้ร่างแยกของฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางอาหารเปลี่ยนทรัพยากรอมตะเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าให้กับพวกเขา
เหตุผลเหล่านี้ทําให้ผู้อมตะเลือกที่จะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติอย่างไม่รู้สิ้นสุด
นี่ทําให้ฟางหยวนได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสวรรค์เพิ่ม
ขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ภาคใต้
เค่อซินหงบินผ่านก้อนเมฆ
เขากําลังสื่อสารกับสหายของเขาผ่านวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้อมตะทั้งหมดในมิติช่องว่างจักรพรรดิกําลังแข่งขันกับรับ
ภารกิจก้าวข้ามภัยพิบัติ บางคนถึงกับใช้แต้มผลงานเพื่อขอให้ร่างแยกของนายท่านเร่งเวลาในมิติช่องว่างของพวกเขา! พวกเขาทําทุกวิถีทางเพื่อรับภารกิจนี้”
เค่อซินหงตอบกลับ “มันเป็นเพราะภารกิจนี้ให้แต้มผลงานจํานวนมากนอกจากนี้คนที่ได้รับแต้มผลงานก่อนก็จะก้าวหน้าเร็วกว่าและทําภารกิจได้มากขึ้น ดูซื่อจงเป็นตัวอย่าง เขาเติบโตขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ เมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้น เขาก็สามารถรับภารกิจที่ยากขึ้นและรับแต้มผลงานมากขึ้น”
“น่าเสียดายที่ตอนนี้ข้าได้รับภารกิจบังคับและต้องไปเจรจากับตระกูลวู มิ
ฉะนั้นข้าจะเป็นคนแรกที่รับภารกิจนี้!”
สหายของเขาตอบกลับในไม่ช้า “เจ้าต้องระวัง เจ้าต้องไปฐานทัพใหญ่ของ ตระกูลวูเพื่อร้องขอแดนหู นั่นเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพและวูหยงเป็นผู้นํากองกําลังพันธมิตรฝ่ายธรรมะของภาคใต้!”
อย่างไรก็ตามเค่อซินหงกลับมั่นใจมาก “ข้าค่อนข้างผ่อนคลายกับการเดิน ทางครั้งนี้ แม้มันจะล้มเหลว แต่วูหยงจะไม่ทําสิ่งใดกับข้า เจ้าไม่เคยสัมผัสกับ เรื่องนี้ด้วยตนเอง เจ้าไม่เคยเห็นความยิ่งใหญ่และอิทธิพลของนายท่าน เอาล่ะ ข้ามาถึงแล้ว ข้าจะติดต่อเจ้าในภายหลัง”
เค่อซินหงค่อยๆบินลงไป
ด้านล่างคือภูเขาวูอี้ ฐานทัพใหญ่ของตระกูลวูตั้งอยู่ที่นี่
ผู้อมตะสองคนบินขึ้นมาจากภูเขาวูอี้ หนึ่งในนั้นคือวูป่าชงผู้อาวุโสสูงสุด
ลําาดับที่สองของตระกูลวู
มันสามารถมองเห็นความจริงจังของตระกูลวูจากการที่พวกเขาส่งวูป่าชงออกมาต้อนรับเค่อซินหงในครั้งนี้
“ท่านทูต โปรดตามข้ามา” วูป่าชงนําเค่อซินหงเข้าไปในฐานทัพใหญ่ของตระกูลวู
“ท่านเดินทางไกลเพื่อมาที่นี่ ท่านต้องการพักผ่อนสักระยะหนึ่งหรือไม่?” วูป่าชงกล่าวอย่างสุภาพ
เค่อซินหงป้องหมัด “เราไปทําธุระกันก่อนเถอะ”
“เช่นนั้นโปรดรอสักครู่ ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งกําลังจัดการงานบางอย่างของตระกูล”
เค่อซินหงพยักหน้าและรอคอยอย่างอดทน
เขาเข้าใจว่าผู้นําตระกูลวูที่ยิ่งใหญ่จะไม่ออกมาโดยง่าย ไม่ว่าวูหยงจะยุ่งจริงหรือไม่ เขาก็ต้องแสดงละครฉากนี้
หลังจากห้านาที วูป่าชงก็กลับมาและนําเค่อซินหงไปที่ห้องโถงรับแขก
เค่อซินหงพบวูหยงที่นั่น
เค่อซินหงกล่าวเข้าประเด็นหลักทันที “ท่านวูหยง ข้าเป็นตัวแทนของนายท่านเพื่อมาทําธุรกรรมกับตระกูลอันสูงส่งของท่าน”
วูหยงและวูป่าชงมองหน้ากัน พวกเขาสามารถทํากําไรครั้งใหญ่ในการทํา ธุรกรรมครั้งก่อนกับฟางหยวน วูหยงถามด้วยรอยยิ้ม “ข้าสงสัยว่ามันเป็นธุรกรรมใด?”
เค่อซินหงยิ้ม “นายท่านยินดีจ่ายเพื่อซื้อแดนหูที่อยู่ในการครอบครองของ
ท่าน”
รูม่านตาของวูหยงหดเล็กลง เจตนาสังหารปะทุขึ้นในใจของเขาทันที
“กระไรนะ!?” วูป่าชงผุดลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ “แดนหู? ตระกูลวูของข้าจะมีแดน ศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพได้อย่างไร? ฟางหยวนเข้าใจผิดแน่นอน”
เค่อซินหงยิ้มแต่ไม่กล่าวสิ่งใด
ใบหน้าของวูหยงกลายเป็นมืดครึ้ม เขาขัดจังหวะวูป่าชง “พอแล้วป่าชง”
วูป่าชงหยุดปฏิเสธแต่ใบหน้าของเขายังเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
หากการจ้องมองสามารถฆ่าคน เค่อซินหงคงถูกฆ่าไปแล้วนับร้อยครั้ง
เค่อซินหงมองวูหยงโดยเพิกเฉยต่อวูป่าชงอย่างสิ้นเชิง
เขาโค้งคํานับ “ท่านวูหยง คําตอบของท่านคือ?”
วูหยงยิ้ม “เมื่อฟางหยวนต้องการซื้อขาย แน่นอนว่าเราสามารถทําได้ ข้าเชื่อว่าเขาจะจ่ายด้วยราคาที่น่าพอใจ”
เค่อซินหงรู้สึกหนาวเย็นกับทัศนคติของวูหยง
วูหยงเป็นคนน่ากลัวจริงๆ ในระยะเวลาสั้นๆ เขาสามารถยอมรับความจริงและตัดสินใจได้อย่างสมเหตุสมผล
เค่อซินหงสูดหายใจลึกก่อนจะบอกราคา “นายท่านทราบว่าท่านวูหยง
ต้องการวิญญาณอมตะพายุเกียรติยศระดับแปด นายท่านยินดีหลอมรวม วิญญาณอมตะระดับแปดดวงนี้ให้ท่าน
“อันใด!?” การแสดงออกของวูป่าชงเปลี่ยนไปอีกครั้ง เขาตะโกนด้วยความ
โกรธ “แดนหูถูกพิจารณาว่าเป็นเหมือนวิญญาณอมตะระดับเก้า แต่ฟางหยวน กลับต้องการใช้วิญญาณอมตะระดับแปดแลกเปลี่ยนมันงั้นหรือ? นี่ไม่ยุติธรรม!”
วูหยงกัดฟันกล่าว “นี่ค่อนข้างน้อยเกินไปจริงๆ”
เค่อซินหงยิ้ม “ตระกูลวูเชี่ยวชาญเส้นทางแห่งวายุ รากฐานบนเส้นทางแห่ง พลังปราณของพวกท่านมีเพียงมรดกที่แท้จริงเฉิงเทียน แม้แดนหูจะเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ แต่มันมีค่าไม่มากสําหรับตระกูล”
วูป่าชงปฏิเสธ “เจ้าไม่สามารถกล่าวเช่นนั้น ทุกเส้นทางสามารถพัฒนาได้ แม้ ตระกูลวูของข้าจะเชี่ยวชาญเส้นทางแห่งวายุ แต่มันจะเป็นไปไม่ได้งั้นหรือที่เราจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งพลังปราณในอนาคตด้วยแดนหู ข้า สามารถเปลี่ยนไปบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณและรับโอกาสอันยิ่งใหญ่ไม่มีกองกําลังใดเต็มใจที่จะยอมแพ้เรื่องนี้”
เค่อซินหงชําเลืองมองวูป่าชง “ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สอง ท่านค่อนข้าง ฉลาด ถูกต้อง เส้นทางแห่งพลังปราณมีโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต แต่…”
เค่อซินหงตั้งใจหยุดชั่วคราวก่อนจะกล่าวต่ออย่างลึกซึ้ง “ข้อกําหนดเบื้องต้นคือ…ท่านต้องสามารถครอบครองแดนหู”
“เจ้า!” เจตนาสังหารของวูป่าชงปะทุขึ้น เขาพร้อมโจมตีทันที
ความหมายของเค่อซินหงก็คือตระกูลวูไม่สามารถรักษาแดนหู เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถรักษาแดนหู มันจึงไม่มีประโยชน์ที่จะพูดถึงโอกาสในอนาคต
เค่อซินหงมองวูหยงและโค้งคํานับอย่างสุภาพอีกครั้ง “ท่านวูหยง ข้าขอกล่า วอย่างตรงไปตรงมา หากตระกูลของท่านไม่พอใจกับราคานี้ เรายินดีหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดจํานวนสามดวงให้กับพวกท่าน”
จากนั้นเขาก็กล่าวต่อด้วยรอยยิ้มขมขื่น “นี่คือขีดจํากัดของข้า ท่านวูหยง โปรดเข้าใจด้วย ข้าเป็นเพียงผู้ส่งสาร ข้าไม่สามารถตัดสินใจ”
วูหยงเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเผยรอยยิ้ม “เจ้าเป็นผู้ส่งสารที่ยอดเยี่ยม ข้าตกลงยอมรับมัน วูป่าชงนําเค่อซินหงไปรับแดนหูและมอบวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบน เส้นทางแห่งวายุให้เขา”
“นายท่าน!” วูป่าชงไม่พอใจ
“ไป!” วูหยงกล่าวอย่างจริงจัง
วูป่าชงถอนหายใจและมองเค่อซินหงด้วยความเกลียดชัง
“ตามข้ามา!” วูป่าชงรีบนําเค่อซินหงออกจากห้องโถง
วูหยงนั่งอยู่บนเก้าอี้ของเขาโดยไม่ขยับเขยื้อน
ใบหน้าของเขากลายเป็นมืดครึ้ม การสูญเสียแดนหูส่งผลกระทบต่อแผนการของเขา
‘ฟางหยวนรู้เรื่องแดนหูได้อย่างไร? เขาจับกงรี่เทียนได้งั้นหรือ?”
วูหยงเต็มไปด้วยข้อสงสัยแต่เขาไม่สามารถตรวจสอบเรื่องนี้
หลังจากไม่นาน วูป่าชงก็กลับมารายงาน “เค่อซินหงจากไปแล้ว นายท่าน เราควรส่งคนปลอมตัวออกไปซุ่มโจมตีเขาหรือไม่?”
วูหยงส่ายศีรษะ “ด้วยสติปัญญาของฟางหยวน เขาจะไม่ป้องกันเรื่องนี้ได้ อย่างไร? อย่าทําสิ่งที่ไม่จําเป็น”
วูป่าชงกัดฟันแน่น “บัดซบ! ตระกูลวูที่ยิ่งใหญ่ของเราไม่สามารถปกป้องแดนหู!”
วูหยงกล่าวด้วยน้ําเสียงที่หนักแน่น “เราต้องทําสิ่งนี้ จําไว้ว่าวันนี้ ที่นี่ ใน ฐานทัพใหญ่ของตระกูลวู เราถูกบังคับให้ขายแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ! นี่ คือความอัปยศของข้าและความอัปยศของตระกูลวู ในอนาคต หากมีโอกาส ข้า จะทวงคืนความอัปยศนี้เป็นพันเท่า ฟางหยวน เพียงรอก่อน!”