Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2137 สมควรตาย
เทพปีศาจหวนคืนบทที่ 2137 สมควรตาย
เนื่องจากบรรพชนทะเลปราณอาศัยอยู่ที่นี่ ทะเลปราณจึงกลายเป็นฐานทัพใหญ่ของกองกําลังพันธมิตรทะเลปราณ
งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นในเวลานี้
บรรพชนทะเลปราณนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหลักขณะที่ตัวแทนของกองกําลังอื่นๆนั่นอยู่สองข้างเก้าอี้ทางซ้ายของบรรพชนทะเลปราณคือผู้อมตะบนเส้นทางอาหาร
เขาเป็นชายชราจมูกแดง เขายกถ้วยสุราขึ้น “บรรพชน ข้าขอดื่มสุราดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิให้ท่าน!”
บรรพชนทะเลปราณพยักหน้า ที่นั่งของเขาสูงกว่าคนอื่นๆซึ่งทําให้เขามองเห็นทุกคนได้อย่างชัดเจน
บรรพชนทะเลปราณจิบสุราก่อนกล่าว “ซุ้ยเซียนหวังสุราดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิของเจ้าค่อนข้างดีมันทําให้นึกถึงความสดใสของวัยเยาว์”
ผู้อมตะบนเส้นทางอาหารก็คือซุ้ยเซียนหวัง
หลังจากเขาได้รับมรดกที่แท้จริงของนักพรตมดเขียวและเทพธิดาสุราเขากลายเป็นตัวหมากของฉินติงหลิง
ซุ้ยเซียนหวังกลับทะเลตะวันออกและเข้าร่วมกับกองกําลังพันธมิตรทะเลปราณ
ทุกคนในกองกําลังต้อนรับเขาอย่างอบอุ่นเนื่องจากซุ้ยเซียนหวังเป็นหนึ่งในผู้อมตะที่โดดเด่นของทะเลตะวันออก
ซุ้ยเซียนหวังมักจัดงานเลี้ยงสุราทุกปีและเชิญผู้อมตะของทะเลตะวันออกเข้าร่วมนั่นทําให้
เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกกองกําลังของทะเลตะวันออก
การเข้าร่วมกองกําลังพันธมิตรทะเลปราณของเขามีความสําคัญทางการเมือง
เดิมทีสมาชิกของกองกําลังพันธมิตรทะเลปราณประกอบด้วยกองกําลังฝ่ายธรรมะของทะเล
ตะวันออกและกองกําลังจากถ้ำสวรรค์ของสองสวรรค์
ผู้บ่มเพาะสันโดษที่เข้าร่วมกับกองกําลังพันธมิตรทะเลปราณมีเพียงคนเดียวไม่มีปีศาจอมตะอยู่ในกลุ่มนี้
ซุ้ยเซียนหวังจะเป็นตัวอย่างที่ดีและทําให้ผู้บ่มเพาะสันโดษรวมถึงปีศาจอมตะของทะเลตะวันออกเลียนแบบและเริ่มเข้าร่วมกับกองกําลังพันธมิตรทะเลปราณ
นอกจากนี้ยังมีอีกเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับฟางหยวน
ท่าไม้ตายโรคระบาดมดของฟางหยวนสร้างความปั่นป่วนไปทั่ว พวกเขาถูกบังคับให้นํามรดกที่แท้จริงออกมาเพื่อหาวิธีหยุดยั้งภัยคุกคามนี้
ระหว่างกระบวนการดังกล่าว กองกําลังพันธมิตรทะเลปราณต้องการเชิญซุ้ยเซียนหวังเข้าร่วม
ในการทําวิจัย แต่ในเวลานั้นซุ้ยเซียนหวังเดินทางไปยังภาคกลางเพื่อค้นหามรดกที่แท้จริงของนักพรตมดเขียวอย่างลับๆ
ซุ้ยเซียนหวังบ่มเพาะบนเส้นทางอาหารซึ่งหาได้ยากในห้าภูมิภาคและสองสวรรค์ยิ่งหายากก็ยิ่งมีค่า
ซุ้ยเซียนหวังคู่ควรที่จะได้รับเกียรติและเชิญเข้าร่วม
บรรพชนทะเลปราณพูดคุยกับสมาชิกกองกําลังพันธมิตรทะเลปราณก่อนจะจัดงานเลี้ยง
ต้อนรับที่ยิ่งใหญ่พวกเขาพยายามสร้างความประทับใจให้กับซุ้ยเซียนหวังพวกเขายังประกาศว่ากองกําลังพันธมิตรทะเลปราณยินดีต้อนรับผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะ
เป็นเพียงเวลานี้ที่วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลระดับมนุษย์บินเข้ามาหาผู้อมตะถังถังของตระกูลถังเขาเร่งตรวจสอบมัน
อันใด!?ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์โจมตีงั้นหรือ?’เขาตกใจมาก
แต่หลังจากนั้นเขาก็ผ่อนคลายลง
“ฟางหยวนส่งผู้อมตะหลายสิบคนออกไปยังพื้นที่ต่างๆของทะเลตะวันออกเพื่อฆ่ามนุษย์!’เขาพยายามหาสิ่งใด?
“ไม่นานมานี้เขาบุกถ้ำสวรรค์ทุ่งเพลิงและสังหารมนุษย์ไปหลายร้อยล้านคน!’
ถังถังไตร่ตรองและนึกถึงทะเลมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์
หลังจากฟางหยวนบุกตระกูลเซี่ยของทะเลตะวันออก ข้อมูลเกี่ยวกับทะเลมนุษย์ก็แพร่กระจายออกไปดังนั้นกองกําลังพันธมิตรทะเลปราณจึงตระหนักถึงเรื่องนี้
ทันใดนั้นวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลอีกดวงก็บินเข้ามา
‘กู้หมิงซูขอกําลังเสริมจากตระกูลของข้างั้นหรือ?’ หัวใจของถังถังสั่นเล็กน้อย
ผู้อมตะแสงตะวันกู้หมิงซูเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่ตระกูลถังต้องการรับสมัคร แต่เขาปฏิเสธมาตลอด
ในจดหมาย กู้หมิงซูกล่าวอย่างชัดเจนว่าหากตระกูลถังให้ความช่วยเหลือ เขาจะเข้าร่วมกับตระกูลถัง
‘ตระกูลถังของข้าไม่สามารถยั่วยุคนเช่นฟางหยวน นี่ไม่ใช่การผลักตระกูลถังของข้าเข้าสู่กอง ไฟงั้นหรือ?’ ถังถังเย้ยหยันอยู่ในใจ
พวกเขาไม่สามารถให้การสนับสนุน
ถังถังทําลายวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลทันทีและปฏิบัติต่อมันราวกับไม่เคยเห็น
เป้าหมายของฟางหยวนในครั้งนี้เป็นมนุษย์ธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นเขายังหลีกเลี่ยงผู้คนของกองกําลังใหญ่
ดังนั้นตระกูลถังจึงไม่ประสบความสูญเสียใดๆ
แม้ชื่อเสียงของตระกูลถังจะลดลงเล็กน้อยเพราะพวกเขาไม่ตอบโต้ แต่ตระกูลอื่นก็เช่นกัน
การกระทําของฟางหยวนไม่ได้มุ่งเป้ามาที่ตระกูลถังโดยเฉพาะ
เนื่องจากทุกฝ่ายสูญเสียชื่อเสียงเช่นเดียวกัน มันก็เหมือนกับไม่มีฝ่ายใดสูญเสียชื่อเสียงตราบเท่าที่สถานการณ์ไม่เลวร้ายลง มันก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยปล่อยให้ฟางหยวนฆ่าเท่าที่
เขาต้องการ’ ถังถังไม่สนใจและเพลิดเพลินกับงานเลี้ยงต่อไป
ปี”
หลังจากได้รับข้อความนี้เขาเริ่มสังเกตผู้อมตะที่อยู่รอบๆ
แน่นอนว่าคนเหล่านี้ได้รับข่าวทีละคน
“ลูกน้องของฟางหยวนกําลังฆ่ามนุษย์?”
“พวกเขาไม่ใช่ตระกูลของเราเหตุใดเราต้องยั่วยุฟางหยวนด้วยเพราะเรื่องนี้?”
“ทะเลตะวันออกมีมนุษย์มากมาย แม้บางคนจะถูกฆ่า ประชากรมนุษย์ก็จะกลับคืนมาในอีกสิบ
“มาดื่มกันเถอะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า สุราดี!
บรรยากาศเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ผู้อมตะเหล่านี้เริ่มเมาและรู้สึกสนุกสนาน
เมฆแห่งภัยพิบัติลอยเข้ามารวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง
ภายในมิติช่องว่างของร่างกายกาลเวลา คลื่นน้ำซัดสาด ปลากระโดดขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างบ้าคลั่ง
นี่คือภัยพิบัติใหญ่ที่เรียกว่าปลากระโดดข้ามเวลา
“ผลลัพธ์ถูกกําหนดแล้ว”ร่างแยกกาลเวลาสังเกตทุกสิ่งอย่างใจเย็น
ร่างหลักของฟางหยวนให้ความช่วยเหลือร่างแยกกาลเวลาด้วยตนเอง ดังนั้นภัยพิบัตินี้จึงไม่ใช่ปัญหา
ภัยพิบัติใหญ่ปลากระโดดข้ามเวลามีความรุนแรงเท่ากับภัยพิบัติใหญ่ทั่วไป เจตจํานงสวรรค์
ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับฟางหยวน แต่ร่างแยกกาลเวลาไม่แปลกใจ
‘ช่วงที่ผ่านมา ร่างหลักของข้าช่วยผู้อมตะจํานวนมากก้าวข้ามภัยพิบัติของพวกเขาเขายังช่วยเมล็ดพันธุ์อมตะก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยความช่วยเหลือจากร่างหลักภัยพิบัติไม่ใช่ปัญหาเจตจํานงสวรรค์รับรู้เรื่องนี้ดังนั้นมันจึงไม่เพิ่มความรุนแรงของภัยพิบัติเพื่อทําให้เป้าหมายได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าน้อยที่สุด
ขณะที่ร่างแยกกาลเวลากําลังคิดถึงเรื่องนี้ เมฆภัยพิบัติก็กระจายออกไปจนเกือบหมดแล้วฟางหยวนไม่ได้โจมตีต่อแต่เขาทดลองใช้วิญญาณความสามารถ
แต่วิญญาณความสามารถเกือบถูกทําลาย
ตําานานมนุษย์คนแรกกล่าวว่าภัยพิบัติเป็นส่วนประกอบหลักในการยกระดับวิญญาณความสามารถ
ฟางหยวนทดลองแแต่พบว่าภัยพิบัติไม่เหมาะสมที่จะใช้เป็นส่วนประกอบในการหลอมรวมและควบคุมได้ยากโชคดีที่ฟางหยวนเตรียมตัวมาอย่างเพียงพอและสามารถรักษาวิญญาณความ สามารถเอาไว้
หลังจากได้รับผลลัพธ์นี้ฟางหยวนก็ท่าลายเมฆภัยพิบัติส่วนสุดท้าย
คราวนี้เขาไม่ได้ขโมยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋
เขาทิ้งร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาไว้ในมิติช่องว่างของร่างแยกกาลเวลา
เขาไม่ได้ขโมยรากฐานของร่างแยก
“ตอนนี้ข้ากลายเป็นผู้อมตะระดับแปดแล้ว”ร่างแยกกาลเวลาเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก
“จากนี้ไปข้าจะใช้ชื่อ เหอชุนชิว เจ้าคิดอย่างไร?”
“แล้วแต่เจ้า” ร่างหลักตอบ
ปัจจุบันท่ามกลางร่างแยกทั้งหมดของฟางหยวนบรรพชนทะเลปราณอู๋ส่วยเหอชุนชิวและเจิ้นปู้ตู้กลายเป็นผู้อมตะระดับแปดเรียบร้อยแล้ว
กล่าวได้ว่าฟางหยวนไม่ขาดผู้ใต้บังคับบัญชาระดับแปด
ภาคใต้
ภูเขาคว้นมนุษย์
ที่นี่เป็นฐานทัพใหญ่ของตระกูลชาย
ผู้อมตะตระกูลชายเกือบทั้งหมดมารวมตัวกันเพื่อต้อนรับผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์สามคนผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสามประกอบด้วยมนุษย์หิมะมนุษย์ขนและมนุษย์หิน พวกเขา
คือปิงหยวน จักรพรรดิขนทองและซื่อจง
“คนตระกูลชาย พวกเรามาที่นี่ตามคําสั่งของนายท่านเราต้องการทําธุรกรรมกับพวกเจ้า” ในฐานะผู้นํากลุ่มของภารกิจนี้ ปิงหยวนกล่าว
ผู้อมตะตระกูลชายรู้สึกเคร่งเครียด
ไม่ใช่เพียงเพราะชื่อเสียงของฟางหยวนแต่มันยังเป็นเพราะกลิ่นอายของผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสาม
ไม่ว่าจะเป็นปิงหยวน จักรพรรดิขนทอง หรือซื่อจง พวกเขาล้วนเป็นผู้อมตะระดับแปดทั้งหมด
“ฟางหยวนต้องการสิ่งใด? ตระกูลชายของข้ามีสิ่งใดที่เขาสนใจ?” ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง
ของตระกูลชายถาม
“ไม่จําเป็นต้องถ่อมตน” ปังหยวนยิ้ม “นายท่านของข้ายินดีซื้องานวิจัยบนเส้นทางมนุษย์ของพวกเจ้ารวมถึงท่าไม้ตายบนเส้นทางมนุษย์ภูเขาควันมนุษย์และมนุษย์ที่ได้รับการเลี้ยงดูโดยตระกูลของพวกเจ้า”
“กระไรนะ!?” การแสดงออกของผู้อมตะตระกูลช่ายเปลี่ยนไป
“ฟางหยวนไปไกลเกินไปแล้ว!”
“เขาพยายามขุดรากฐานของตระกูลชาย!”
“สิ่งสําคัญคือหากเราร่วมมือกับปีศาจฟางหยวน ตระกูลชายจะสามารถรักษาชื่อเสียงของฝ่ายธรรมะเอาไว้ได้อย่างไร?”
ผู้อมตะตระกูลเซียวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ
การแสดงออกของผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลชายดูไม่น่ามอง เขาพึมพําอยู่ชั่วครู่
ก่อนถาม “ตระกูลชายของข้าเลี้ยงดูมนุษย์จํานวนมาก คนเหล่านี้มีชีวิตที่ดีอยู่บนภูเขาควันมนุษย์
พวกเขาไม่เคยสร้างปัญหาให้กับผู้ใด ข้าสงสัยว่าฟางหยวนต้องการซื้อพวกเขาเพื่อสิ่งใด?” ซื่อจงเย้ยหยัน “แน่นอน ฆ่าพวกเขาทั้งหมด”
จักรพรรดิขนทองกล่าว “มนุษย์ที่ตระกูลชายเลี้ยงดูมีปราณมนุษย์จํานวนมากนี่เป็นสิ่งที่ดี
ทะเลมนุษย์ของนายท่านพัฒนามาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว คนเหล่านี้จะทําให้มันเสร็จสมบูรณ์”
หัวใจของผู้อมตะตระกูลชายสั่นไหว
“ไม่แยแสต่อชีวิต ปีศาจตนนี้สมควรตาย!” ผู้อมตะหญิงชายเค่อชิงตะโกนด้วยความโกรธ