Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2153 ถึงเวลาออกเดินทาง
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2153 ถึงเวลาออกเดินทาง
ก่อนหน้านี้วูหยงไม่กล้าเข้าใกล้ฟางหยวนเพราะเขาอาจถูกสังหาร
แต่ตอนนี้แตกต่างออกไปฟางหยวนมีทักษะทางการเมืองเขาทําธุรกรรมกับกองกําลังใหญ่มากมายโดยไม่ใช้กําลัง
กองกําลังเหล่านั้นตัดสินใจร่วมมือกับฟางหยวนหลังจากตระหนักว่าเขาทําตามกฎเกณฑ์แต่มันไม่ง่ายที่จะมาถึงขั้นนี้
หลังจากทั้งหมดกระต่ายจะกล้าทําธุรกรรมกับหมาป่าได้อย่างไร
‘แต่ชายผู้นี้ทําสําเร็จ” วูหยงมองฟางหยวนด้วยความรู้สึกซับซ้อน
วูหยงเป็นคนฉลาดและเป็นตัวตนที่โดดเด่นท่ามกลางผู้อมตะระดับแปดทั้งหมดแต่การกระทํา
ของฟางหยวนยังทําให้วูหยงต้องถอนหายใจด้วยความชื่นมชม
มีความแข็งแกร่งแต่ไม่ข่มเหงหรือรังแกคนอ่อนแอโดยไม่ยั้งคิดนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบรรลุ
ฟางหยวนสามารถทําให้กองกําลังที่อ่อนแอกว่าทําธุรกรรมกับเขาได้โดยไม่รู้สึกกังวลสิ่งนี้
แสดงให้เห็นถึงทักษะด้านมนุษย์สัมพันธ์ที่น่าเหลือเชื่อของเขา
‘ฟางหยวนเป็นคนที่น่าเหลือเชื่อแม้เขาจะเริ่มต้นจากเส้นทางสายปีศาจ แต่การกระทําและความคิดของเขาไม่เคยถูกจํากัดด้วยความคิดที่ตื้นเขินเช่นนี้’
เขาสามารถเป็นคนของฝ่ายธรรมะหรือฝ่ายปีศาจเขาสามารถช่วยโลกหรือสร้างความวุ่นวายทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์และวิธีการที่เขานํามาใช้ ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานเขาเป็น
คนที่น่ากลัวที่สุด’
‘การเกิดในยุคเดียวกับเขาถือเป็นโชคของข้าเช่นกัน’
วูหยงไม่พอใจฟางหยวนแต่เขาก็ได้รับแรงบันดาลใจจากฝ่ายหลัง
ฟางหยวนคือตัวตนในอุดมคติของวูหยงพวกเขาคล้ายกันมากเกินไป
‘เมื่อความคิดของทุกคนที่มีต่อฟางหยวนเปลี่ยนไปเหตุใดข้าจะไม่สามารถสร้างความร่วมมือกับเขาให้มากขึ้น?’ หลังจากสูญเสียแดนหู วูหยงพัฒนาความคิดนี้ขึ้นมา
คนผู้หนึ่งจะทําอย่างไรกับศัตรูที่เขาไม่สามารถเอาชนะ?
วิธีที่ดีที่สุดคือการร่วมมือ เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร!
การร่วมมือกับฟางหยวนสามารถทํากําไรมันเป็นประโยชน์ต่อตระกูลวูตราบเท่าที่ผลประโยชน์มากพอวูหยงก็สามารถละทิ้งเกียรติของฝ่ายธรรมะ
ด้วยเหตุนี้วูหยงจึงต้องการพบและพูดคุยกับฟางหยวนด้วยตนเองเพื่อสร้างความร่วมมือให้มากขึ้น
เมื่อเห็นวูหยง ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง
วูหยงเคยไล่ล่าและต้องการสังหารเขาแต่แล้วอย่างไร?
นี่คือโลกของผู้แข็งแกร่ง หากคนผู้หนึ่งถูกสังหาร นั่นก็เป็นเพราะคนผู้นั้นอ่อนแอ มันเป็นความผิดของตัวเขาเอง
ผู้อ่อนแอจะถูกกลืนกินโดยผู้แข็งแกร่งนี่เป็นเรื่องธรรชาติ
ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่เคยรู้สึกเกลียดชังหรือขุ่นเคืองกับเรื่องนี้
วูหยงมาที่นี่ด้วยความตั้งใจของเขาเองมันเป็นความตั้งใจที่จะสร้างความร่วมมือ!
สําหรับฟางหยวน การทํางานร่วมกับตระกูลวูมีประโยชน์เช่นกัน
วูหยงเป็นผู้นํากองกําลังพันธมิตรฝ่ายธรรมะของภาคใต้ตระกูลวูเป็นกองกําลังอันดับหนึ่งของภาคใต้พวกเขาจะกลายเป็นแบบอย่างให้กับกองกําลังอื่น
แต่เมื่อฟางหยวนกําลังจะพูดคุยกับวูหยงผู้อมตะผู้หนึ่งกลับบินเข้ามา
เขาสวมชุดคลุมสีเทาและหมวกทรงกรวยเขาไม่ใช่ผู้ใดนอกจากลั่วเว่ยหยิน
โดยปกติเขามักสงบนิ่งแต่ตอนนี้เขากลับแสดงความกังวลออกมา
ลั่วเว่ยหยินตะโกนมาจากระยะไกล “ท่านฟางหยวนข้าพบท่านในที่สุด!”
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ฟางหยวนถามด้วยรอยยิ้ม
ลั่วเว่ยหยินบินเข้ามาหาฟางหยวนเขาชําเลืองมองวูหยงเล็กน้อยแต่ไม่ทักทายฝ่ายหลังวูหยงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเขาไม่เคยเห็นลั่วเว่ยหยินอยู่ในสภาพวิตกกังวลเช่นนี้มาก่อนลั่วเว่ยหยินกล่าวออกมาโดยตรง “ท่านฟางหยวนท่านรู้หรือไม่ว่าเมื่อวานนี้เมืองจักรพรรดิ ศักดิ์สิทธิ์น่ากลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์เดินทางออกจากภาคกลางไปยังถ้ำปีศาจคลั่งของภาคเหนือแล้ว!”
“โอ้?” การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ลั่วเว่ยหยินกล่าวต่อ “เทพอมตะกลุ่มดาวมีแนวโน้มที่จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้วหากนางร่วมมือกับวังสวรรค์สถานการณ์ที่ถ้ำปีศาจคลั่งจะอันตรายมากไม่มีเวลาแล้วเราต้องไปที่นั่นทันทีเพื่อควบคุมสถานการณ์!
“อันใด!?” วูหยงได้ยินเรื่องนี้และรู้สึกตกใจมาก
เกิดสิ่งใดขึ้นบนโลกใบนี้?
เหตุใดวังสวรรค์จึงเกี่ยวข้องกับถ้ำปีศาจคลั่ง?
วูหยงเป็นคนมีไหวพริบเขาตระหนักอย่างรวดเร็วว่านี่เป็นการต่อสู้ครั้งสําคัญไม่ว่าผลลัพธ์จะ
เป็นเช่นไร มันก็จะส่งผลกระทบต่อโลกทั้งใบอย่างแน่นอน
แต่ฟางหยวนไม่กังวล เขาปลอบลั่วเว่ยหยิน“เครือข่ายของเจ้ากว้างขวางมากแต่อย่ากังวลข้ายังมีเรื่องที่ต้องจัดการ”
หลังกล่าวจบคําฟางหยวนก็เก็บภูเขาเยือกแข็งเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ“จะไม่กังวลได้อย่างไร”ลั่วเว่ยหยินถอดหมวกออกและกระตุ้นต่อ“เรากําลังเผชิญหน้ากับวังสวรรค์และถ้ำสวรรค์นิรันดรในถ้ำปีศาจคลั่งของเทพปีศาจไร้ขอบเขตมันยังเกี่ยวข้องกับแดนแรกกําเนิดท่านฟางหยวนเราไม่สามารถล่าช้า”
‘อันใด!? วังสวรรค์ ถ้าสวรรค์นิรันดรเทพปีศาจไร้ขอบเขตและแดนแรกกําาเนิด? มันคือแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพที่ถูกบันทึกไว้ในตํานานมนุษย์คนแรก!?’วูหยงเต็มไปด้วยคําถาม มันทําให้เขารู้สึกกังวลมากขึ้นไปอีก
เขาต้องการรู้ทุกอย่าง
ฟางหยวนแสดงออกอย่างจริงจัง “ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการความช่วยเหลือจากข้า ข้าสัญญากับเจ้าแล้วหากเทพอมตะสวรรค์พิภพต้องการฟื้นคืนชีพข้าจะช่วยอย่างแน่นอนแต่ข้ามีความคิดของ ตนเองหากข้ายังไม่มีความแข็งแกร่งที่เพียงพอข้าจะต่อสู้กับเหล่าเทพได้อย่างไร? ไม่จําเป็นต้องเร่งข้าอีก”
“นี่…” ลั่วเว่ยหยิบครุ่นคิดและไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีก
ฟางหยวนหันหน้าไปทางวูหยงและเผยรอยยิ้มอีกครั้ง“วูหยงเกี่ยวกับภูเขาที่มีชื่อเสียงข้าคิดว่าเราสามารถขยายขอบเขตธุรกรรม ตัวอย่างเช่นภูเขาจันทราวิหคเพลิงภูเขาซากศพและ
อื่นๆ”
วูหยงแสดงออกด้วยความลําบากใจ“ภูเขาที่มีชื่อเสียงเหล่านี้มีมูลค่าสูงกว่าภูเขาเยือกแข็ง
คุณค่าที่แท้จริงของภูเขาวิหคเพลิงคือวิหคเพลิงจะไปวางไข่ที่นั่นทุกปีหากเจ้านําภูเขาออกไปมันจะไม่เหลือคุณค่าใดอีก”
“สําหรับภูเขาซากศพ มันเป็นสิ่งที่ตระกูลวูต้องการ ไม่นานมานี้เราพึ่งได้รับมรดกที่แท้จริงของจักรพรรดิซากศพเราต้องใช้มันภูเขาทั้งสองไม่สามารถขาย
“สําหรับภูเขาจันทราตราบเท่าที่ราคาสมเหตุสมผลเราสามารถพิจารณาขายมัน”
วูหยงกล่าวด้วยน้ําเสียงจริงจังแต่จิตใจของเขากลับล่องลอยไปที่อื่น
เขาเคนชินกับบทสนทนาเช่นนี้มานานแล้วคํากล่าวของลั่วเว่ยหยินก่อนหน้านี้ดึงดูดความสนใจของวูหยงอย่างมาก
ฟางหยวนเจรจากับวูหยงขณะที่ลั่วเว่ยหยินถูกทิ้งไว้โดยไม่มีผู้ใดสนใจ
ฟางหยวนต้องการภูเขาที่มีชื่อเสียงจํานวนมาก
หากตระกูลวูเป็นผู้นําในการทําธุรกรรมกับฟางหยวนกองกําลังอื่นจะทําตาม
หลังจากเจรจา ฟางหยวนโบกมือ “เอาล่ะไว้พบกันใหม่คราวหน้า”
ลั่วเว่ยหยินผายมือ “ท่านฟางหยวน…”
แต่ฟางหยวนชิงกล่าวตัดบทอย่างเย็นชา“ข้ามีเรื่องอื่นต้องท่า”
ลั่วเว่ยหยินไม่สามารถกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจของเขาออกมา
จากนั้นฟางหยวนก็หายตัวไปด้วยท่าไม้ตายท่องสวรรค์พิภพ
เขามีเรื่องต้องท่าจริงๆ
คราวนี้เขาไปยังภูเขาโคลนเน่าเปื่อยเพื่อยึดครองมัน
“เห้อ…” ลั่วเว่ยหยินถอนหายใจกับตนเอง
วูหยงยิ้ม “เราไม่ได้พบกันมาระยะหนึ่งแล้วเหตุใดเราไม่…”
ลั่วเว่ยหยินโบกมือ “วูหยง ข้ามีเรื่องต้องจัดการเมื่อข้ามีเวลาว่าง ข้าจะไปเยี่ยมเจ้าที่ภูเขาวอย่างแน่นอน”
หลังกล่าวจบค่าลั่วเว่ยหยินก็จากไป
เขาไม่มีอารมณ์อธิบายเรื่องราวต่างๆให้วู่หยงฟัง
วูหยงที่เต็มไปด้วยคําถามรู้สึกแย่มาก
เขาหันหน้าไปทางกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์และถามแต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์จะรู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร
หัวหน้าของกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ตอบอย่างใจเย็น “หากไม่ได้รับอนุญาตจากนายท่านเราไม่สามารถกล่าวสิ่งใดโปรดอย่าตําหนิเราท่านวูหยงเราต้องย้ายภูเขาลูกต่อไป”
วูหยงไม่สมารถหาสิ่งใดและต้องปล่อยให้คนเหล่านี้จากไป
แม้เขาจะบรรลุเป้าหมายในการเจรจากับฟางหยวนแต่เขาไม่มีความสุข
เขารู้สึกว่าตนเองถูกฟางหยวนและคนอื่นๆทิ้งไว้ข้างหลัง เขาไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นในถ้ำปีศาจคลั่ง
‘ไม่แปลกใจเลยที่ฟางหยวนพยายามสร้างความร่วมมือกับกองกําลังใหญ่เทพอมตะกลุ่มดาว
ฟื้นคืนชีพงั้นหรือ?ทุกคนสามารถจินตนาการได้ถึงแรงกดดันที่เขากําลังเผชิญอยู่
‘บางทีข้าควรใช้เรื่องนี้เพื่อต่อรองเงื่อนไขเพิ่มเติมกับฟางหยวน
หลังจากเข้าใจปัญหาของฟางหยวนวูหยงเริ่มวางแผน
‘เดี๋ยว!’ ดวงตาของเขาส่องประกายขึ้น “ลั่วเว่ยหยินสามารถถ่ายทอดคําพูดเหล่านั้นให้กับฟางหยวนได้อย่างลับๆเหตุใดเขาถึงพูดมันต่อหน้าข้า? เขาต้องการให้ข้าถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเขา เขาปฏิเสธข้าก่อนหน้านี้เพื่อเพิ่มสถานะและคุณค่าของตนเอง’
วูหยงเผยรอยยิ้มขมขื่น
เขารู้ว่าหากเขาติดต่อลั่วเว่ยหยินตอนนี้เขาจะถูกกรรโชกทรัพย์จากฝ่ายหลัง
แต่หากเขาไม่ถามเขาจะไม่ได้รับข้อมูลสําคัญและไม่สามารถฉกฉวยผลประโยชน์จากสถานการณ์