Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2155 สุสานศักดิ์สิทธิ์
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2155 สุสานศักดิ์สิทธิ์
ชั้นที่เจ็ดของถ้ําปีศาจคลั่ง
ภายใต้อิทธิพลของเสียงปีศาจ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ารวมตัวกันและเรืองแสงสีรุ้งที่งดงามออกมา
“ช่างเป็นภาพที่น่าอัศจรรย์นัก!” ลั่วเว่ยหยินถอนหายใจและประหลาดใจ “อา…”
เขาเห็นฟางหยวนนําคฤหาสน์วิญญาณอมตะรังโจรออกมา
ท่าไม้ตายอมตะขโมยเต๋า!
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจํานวนมากถูกขโมยและก่อตัวเป็นทรัพยากรอมตะระดับเก้าอยู่ในรังโจร
ทรัพยากรอมตะระดับเก้าเหล่านี้บริสุทธิ์มาก พวกมันมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางเดียวกันและมีค่ามหาศาล
ลั่วเว่ยหยินอ้าปากค้าง
เขาไม่เคยคิดว่าในเวลาเพียงสิบลมหายใจ ฟางหยวนจะได้รับทรัพยากรอมตะระดับเก้าจํานวนมาก
ทรัพยากรอมตะระดับเก้า!
ลั่วเว่ยหยินเฝ้ามองฟางหยวนปล้นสะดมสมบัติล้ําค่าด้วยดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย
ผลประโยชน์มหาศาลทําให้เขารู้สึกอิจฉา
“โชคลาภที่ยิ่งใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นบางคนได้รับทรัพยากรอมตะระดับเก้าจํานวนมากอย่างง่ายดายเช่นนี้!’ ลั่วเว่ยหยินกรีดร้องอยู่ภายใน
เขาไม่สามารถเดาได้อีกต่อไปว่าฟางหยวนได้รับทรัพยากรอมตะระดับเก้าทั้งหมดกี่ชิ้น
สิ่งเดียวที่เขารู้คือฟางหยวนได้รับกําไรมหาศาล
ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะขโมยเต๋าต่อไปจนถึงปลายทาง นี่ทําให้ใบหน้าของเขาซีดลง
เล็กน้อยเพราะเขาต้องจ่ายด้วยพลังงานอมตะ
ลั่วเว่ยหยินกังวล “ท่านฟางหยวน โปรดให้ความสําคัญกับพลังงานอมตะของท่าน
“อย่ากังวล” ฟางหยวนยิ้ม “ข้ามีวิญญาณอมตะบัวสมบัติสวรรค์รดับแปด” ลั่วเว่ยหยินชะงักก่อนตอบกลับ “น่าประทับใจ สมกับเป็นท่านฟางหยวน”
ที่ทางเข้าชั้นแปด ฟางหยวนมองเห็นเส้นทางสามสาย
หนึ่งเป็นเส้นทางสีทอง มันเป็นเส้นทางแห่งโชคที่เทพอมตะตะวันเดือดทิ้งไว้
อีกหนึ่งเป็นเส้นทางสีดําที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร มันเป็นเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่เทพปีศาจ
จิตวิญญาณทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง
สุดท้ายเป็นเส้นทางที่ดูอ่อนโยน เรียบง่าย และปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งคุณธรรมออกมา มันเป็นเส้นทางของเทพอมตะสวรรค์พิภพ
ลั่วเว่ยหยินเตรียมตัวมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถเข้าสู่เส้นทางของเทพอมตะสวรรค์พิภพ
แต่ฟางหยวนกลับโบกมือและใช้ท่าไม้ตายขโมยเต๋ากลืนกินเส้นทางทั้งสามเข้าไปทั้งหมด
นี่ทําให้เขาได้รับทรัพยากรอมตะระดับเก้าเป็นจํานวนมาก
ลั่วเว่ยหยินเงียบ เขาไม่สามารถกล่าวสิ่งใดและทําได้เพียงเดินตามฟางหยวนเข้าสู่ชั้นที่แปดเท่านั้น
ชั้นที่แปดของถ้ําปีศาจคลั่งคือความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต
ฟางหยวนและลั่วเว่ยหยินเหมือนแมลงสองตัวที่ไร้นัยสําคัญ
ฟางหยวนเคยมาที่นี่ เขายังรู้สึกประทับใจกับมัน
ท่ามกลางความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต โลกจํานวนนับไม่ถ้วนถูกสร้างขึ้นและถูกทําลายก่อนจะเกิดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสวรรค์
เขาเคยพยายามเข้าสู่ชั้นที่เก้าแต่ไม่สําเร็จ
ความว่างเปล่านี้เห็นได้ชัดว่าเกี่ยวกับเส้นทางแห่งภูติผี แต่ในเวลานั้นฟางหยวนไม่มีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งภูตผี เขาไม่สามารถอนุมานตําแหน่งของชั้นที่เก้า
อย่างไรก็ตามครั้งนี้เขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งภูตผี ดังนั้นเขาจึงทดลองใช้วิธีการของเขาทันที
แต่เขากลับขมวดคิ้ว ‘ความว่างเปล่าเหล่านี้แตกต่างจากที่ข้าเคยเห็นเมื่อครั้งก่อน’
ฟางหยวนไม่สามารถบอกได้ว่าความแตกต่างนั้นคือสิ่งใด
แม้เขาจะมีความก้าวหน้าบนเส้นทางแห่งภูตผี แต่มันยังห่างไกลจากการทําความเข้าใจหรือการทําลายการจัดเตรียมของชั้นที่แปด
“โปรดตามข้ามา” ลั่วเว่ยหยินกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายและนําทาง
ฟางหยวนตามลั่วเว่ยหยินไป
ระหว่างทาง เขาเห็นโลกที่ถูกสร้างขึ้นและถูกทําลาย แต่แตกต่างจากก่อนหน้า โลกเหล่านี้
เคลื่อนที่ไปยังทิศทางเดียวกัน
ฟางหยวนตระหนักถึงบางสิ่ง “ข้าเข้าใจแล้ว ความว่างเปล่ากําลังหดตัวลง ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทั้งหมดถูกบีบอัดเข้าหากัน พวกมันกําลังหลอมรวมเป็นหนึ่ง นี่คือแผนการของเทพปีศาจไร้ขอบเขตงั้นหรือ?”
ลั่วเว่ยหยินส่ายศีรษะ “ข้ารู้เพียงตําแหน่งของปฐพีสีเหลือง เราต้องรีบไปที่นั่น”
สองผู้อมตะบินต่อไปอีกสองสามชั่วโมงก่อนจะพบจุดหมาย
“นั่น!?” ลั่วเว่ยหยินตกใจเพราะเขาไม่ได้พบเพียงปฐพีสีเหลืองแต่เขายังเห็นทุ่งปีศาจคลั่งของเทพปีศาจคลั่งและทุ่งบัวเขียวของเทพอมตะบัวสวรรค์
ฟางหยวนหรี่ตามอง “โลกทั้งสามใบกําลังหลอมรวมเป็นหนึ่ง ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีโลกใบเล็กอีกมากมายที่ตามพวกมันไป”
โลกแต่ละใบเหมือนฟองสบู่ โลกของเทพทั้งสามเป็นฟองที่ใหญ่ที่สุด พวกมันเป็นสีเขียว สีเหลือง และสีแดงตามลําดับ โลกทั้งสามเชื่อมต่อกันที่จุดศูนย์กลาง รอบนอกเต็มไปด้วยฟองขนาดเล็กที่เชื่อมต่อกับพื้นผิวของฟองขนาดใหญ่ทั้งสามใบ
“โอ้ ไม่ ท่านฟางหยวน ดูนั่น!” ลั่วเว่ยหยินชี้ไปที่ฟองสบู่สีเหลืองและกล่าวด้วยความกังวล
ฟางหยวนพบว่าปฐพีสีเหลืองกําลังถูกโจมตีโดยความพยายามร่วมกันของโลกใบใหญ่อีกสอง
แม้ภาพภายในจะดูคลุมเครือ แต่ฟางหยวนกับลั่วเว่ยหยินยังสามารถสัมผัสได้ถึงความรุนแรง
ของการต่อสู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่เชื่อมต่อของทั้งสามโลกที่เต็มไปด้วยซากศพ
“ปฐพีสีเหลืองกําลังตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย ไปเสริมกําลังให้พวกเขากันเถอะ!” ลั่วเว่ยหยินพุ่งเข้าไปเหมือนดาวตก
ฟางหยวนติตตามไปด้วยร่างกายที่เรืองแสงสีเหลือง
แสงสีเหลืองท่าให้พวกเขาสามารถผ่านเข้าสู่ปฐพีสีเหลือง
เมื่อกวาดตามองโลกใบนี้ สิ่งที่ดึงดูดสายตาของฟางหยวนมากที่สุดคือเนินเขาขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง
เนินเขาแห่งนั้นค่อนข้างแบนและดูเหมือนมันจะถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์
แต่ฟางหยวนสามารถมองเห็นแก่นแท้ของมัน ‘นี่คือสุสานปฐพีของสิบปฐพีงั้นหรือ? มันใหญ่โตมาก!’
บนเนินเขายังมีป้ายหลุมศพที่จารึกอักษรบางอย่างเอาไว้
มันเขียนว่า สุสานของเทพอมตะสวรรค์พิภพ!
ราวกับตระหนักถึงการคงอยู่ของลั่วเว่ยหยินและฟางหยวน หลุมศพปลดปล่อยเสาแสงขนาดใหญ่ขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที
นี่ทําให้การต่อสู้หยุดชะงัก ทุกคู่สายตามองไปที่มัน
“สุสานศักดิ์สิทธิ์ส่องแสง นักปราชญ์ของเรามาแล้ว!” หลังจากชั่วครู่เสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นในปฐพีสีเหลือง
ผู้คนของปฐพีสีเหลืองเต็มไปด้วยขวัญกําลังใจและเริ่มโต้กลับ
ทุ่งบัวเขียว
นี่คือโลกของเทพอมตะบัวสวรรค์ มันเต็มไปด้วยพืชพันธุ์และชีวิตชีวา
บนยอดเขาสีดําขาวมีเก้าอี้จํานวนมากวางเป็นทางยาวลงไปด้านล่าง
เก้าอี้สองตัวบนสุดว่างเปล่าขณะที่ฉินติงหลิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ลําดับที่สี่
“ฟางหยวนและลั่วเว่ยหยินมาถึงแล้ว!” หลังจากได้รับข้อมูล ฉินติงหลิงก่นเสียงเย็น
ระหว่างการไล่ล่าสังหารฟางหยวน ลั่วเว่ยหยินให้ความช่วยเหลือฟางหยวน ไม่เพียงเขาจะช่วยฆ่าเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขายังช่วยฟางหยวนหลบหนี
ลั่วเว่ยหยินเป็นผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพของภาคใต้ ดังนั้นมันจึงเห็นได้ชัดถึงความสุสานของเทพอมตะสวรรค์พิภพอยู่ในปฐพีสีเหลือง เรื่องนี้ถูกเปิดเผยต่อทุกคนของทั้งสามโลก
ตั้งใจในการร่วมมือกับฟางหยวนของเทพอมตะสวรรค์พิภพ
ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ลั่วเว่ยหยินกับฟางหยวนจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่
ฉินติงหลิงกัดฟันกล่าว “ในสถานการณ์ปัจจุบัน เราต้องแยกกองกําลังออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกบุกโจมตีปฐพีสีเหลือง อีกกลุ่มช่วยหอพิพากษาปีศาจต่อต้านทุ่งปีศาจคลั่งและหยุดถ้ําสวรรค์นิรันดร ผู้อมตะที่เหลือต้องไปพิชิตโลกใบเล็กเหล่านั้น”
“เดิมทีฝ่ายของเราร่วมมือกับถ้ําสวรรค์นิรันดรเพื่อกลืนกินปฐพีสีเหลืองแต่ตอนนี้ฟางหยวนกับลั่วเว่ยหยินมาถึงแล้ว ปฐพีสีเหลืองไม่ใช่เนื้อบนเขียงอีกต่อไป เราจะพบความสูญเสียหากประมาท”
หลังกล่าวจบคํา ฉินติงหลิงก็ลุกขึ้นและโค้งคํานับผู้อมตะที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ลําดับที่สาม “ท่านหญิงหมิงห่าว โปรดอนุญาตให้ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้ใช้เมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์บุกปฐพีสีเหลือง
และจัดการฟางหยวนด้วยตนเอง”
เทพธิดาที่อยู่ด้านบน
ฉินติงหลิงเคยเป็นผู้นําของวังสวรรค์ แต่ที่นี่นางเป็นเพียงตัวตนล่าดับที่สี่ นางต้องเชื่อฟังสาม
ปัจจุบันเทพธิดาลําาดับที่หนึ่งและสองไม่อยู่ มีเพียงเทพธิดาลําดับที่สามเท่านั้นที่อยู่ที่นี่เพื่อควบคุมสถานการณ์
เทพธิดาหมิงห่าวผู้นี้อยู่ในรูปลักษณ์ของเด็กสาวอายุสามถึงสี่ขวบ นางดูน่ารักและอ่อนเยาว์
ดวงตาของนางกลมโตและส่องประกายระยิบระยับ
นางครุ่นคิดก่อนตอบด้วยน้ําเสียงของเด็กผู้หญิง “ข้าเคยได้ยินชื่อฟางหยวนแต่เจ้าต้องจัดการเขาด้วยตนเองงั้นหรือ? ให้พวกมันไปแทน”
หลังกล่าวจบค่า นางสะบัดแขนส่งวิญญาณดวงหนึ่งออกไป
วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลบินไปที่กลางภูเขาและหยุดอยู่ต่อหน้าผู้อมตะสองคน
พวกมันไม่ใช่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หรือมนุษย์กลายพันธุ์
หนึ่งในนั้นมีร่างกายเป็นต้นไม้เก่าแก่ที่มีลําต้นบางและแห้ง มีกิ่งไม้แต่ไม่มีใบไม้ มันมีรากบางและยาว ชื่อของมันคือ มู่ชาหลาง
อีกหนึ่งเป็นต้นไผ่สีเขียว มันมีชื่อว่า ชิงห่าวจื่อ
ชิงห่าวจื่อลอยอยู่กลางอากาศและนอนหลับอย่างสะดวกสบาย
มู่ชาหลางนอนอยู่บนเก้าอี้หินอย่างผ่อนคลาย
หลังจากตระหนักถึงวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล มู่ชาหลางลุกขึ้นยืนทันที
มันสะกิดชิงหาวจื่อ “ตื่น ตื่น นักปราชญ์มีคําสั่ง”
ชิงห่าวจื่อขยับร่างกายแต่ยังไม่ได้ลงมาบนพื้น
หลังจากตื่นอย่างเต็มที่ มันยังลอยอยู่กลางอากาศ “ผู้ใดจะคิดว่าเราต้องเคลื่อนไหวรวดเร็วเช่นนี้”
จากนั้นทั้งสองก็ออกจากภูเขาและนํากองทัพเข้าสู่สนามรบ