Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2156 กุ้ยเหม่ย
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2156 กุ้ยเหม่ย
ทุ่งปีศาจคลั่ง
วังขนาดใหญ่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
มันคือวังสวรรค์แห่งโชค
ภายในวัง ปิงชายฉวนนั่งอยู่ที่โต๊ะทํางานของเขา
ผู้อมตะหลายคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านซ้ายและด้านขวาของเขาเป็นแถว ปิงชายฉวนมองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลและขมวดคิ้วเล็กน้อย
ฟางหยวนกับลั่วเว่ยหยินร่วมมือกัน มันทําให้การต่อสู้กลายเป็นยากลําบากมากขึ้น ถ้ําสวรรค์นิรันดรปกครองทุ่งปีศาจคลั่ง แต่ตอนนี้พวกเขาควรทําอย่างไรต่อไป
พวกเขาควรล่าถอยหรือส่งคนออกไปตรวจสอบความแข็งแกร่งของฟางหยวน
ปิงชายฉวนไม่สามารถตัดสินใจได้ในทันที
เขาคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะมองไปยังบุคคลที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านซ้ายตัวแรก
เขาเป็นชายร่างอ้วนที่กําลังหลับสนิทและมีน้ําลายไหลออกมาจากปาก
ปิงชายฉวยเคาะโต๊ะหลายครั้ง
ชายอ้วนตื่นขึ้นและถามด้วยความงุนงง “เกิดสิ่งใดขึ้น?”
ปิงชายฉวนระงับความโกรธ “กุ้ยเหม่ย เจ้าคือผู้อมตะคลื่นสวรรค์ เจ้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญญา ดูข้อมูลล่าสุด ข้าต้องการให้เจ้าอนุมานและสรุปว่าเราควรทําอย่างไรต่อไป”
หลังกล่าวจบประโยค วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลก็บินลงบนศีรษะของชายอ้วน
ชายอ้วนชําเลืองมองวิญญาณก่อนที่รูม่านตาของเขาจะหดเล็กลง
“ปีศาจฟางหยวนอยู่ที่นี่งั้นหรือ?” ชายอ้วนยักไหล่ “ดูสิ การอนุมานครั้งก่อนของข้าถูกต้องใช่หรือไม่?”
ปิงชายฉวนเคาะโต๊ะอีกครั้ง “ข้าต้องการให้เจ้าอนุมานว่าเราควรทําอย่างไรในสถานการณ์นี้ เดิมทีปฐพีสีเหลืองอ่อนแอ เราร่วมมือกับวังสวรรค์บุกโจมตีมันก่อนจะตัดสินหาผู้ชนะ แต่ตอนนี้ ลั่วเว่ยหยินกับฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นในปฐพีสีเหลือง หากเราโจมตี เราอาจถูกโต้กลับและสูญเสียกําาลังคน”
ปิงชายฉวนไม่กลัวการโต้กลับของฟางหยวน เขากังวลเกี่ยวกับภาพรวม
สถานการณ์ปัจจุบันซับซ้อนกว่าก่อนหน้า โลกสามใบต่อต้านกันและกัน หากสองฝ่ายต่อสู้และพบกับความสูญเสีย ฝ่ายที่สามจะได้รับประโยชน์
“ให้ข้าอนุมาน” ชายอ้วนขยับนิ้วทั้งห้าและแสร้งอนุมาน
“ชาอนุมานเรียบร้อยแล้ว ดําเนินการตามแผนเดิมต่อไป” กุ้ยเหม่ยกล่าว
ปิงชายฉวนตกตะลึง “เจ้าอนุมานอย่างรอบคอบแล้วหรือไม่?”
กุ้ยเหม่ยกระพริบตาอย่างไร้เดียงสา “อันใด? ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าแสร้งท่า ท่านฉลาดจริงๆ เหตุใดท่านไม่เปลี่ยนมาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญญา?”
เส้นเลือดบนหน้าผากของปิงชายฉวนปูดโปนขึ้น “เจ้าคิดว่าตนเองคือวูหยงของภาคใต้นั้นหรือ? เจ้าไม่มีวิธีเก็บซ่อนกลิ่นอาย รีบอนุมาน!”
กุ้ยเหม่ยสะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง เขากําลังจะอนุมานแต่ทันใดนั้นเขากลับถอยหายใจ “เห้อ…ข้าลืมไป ท่าไม้ตายเป็นเรื่องยากที่จะใช้งาน เหตุใดเราไม่ลองถามบรรพชนของเรา?”
ปิงชายฉวนตะโกนด้วยความโกรธ “ไม่อย่างแน่นอน! นายท่านของเรากําลังทําางานร่วมกับคลื่นปฐพี คลื่นทมิฬ และคลื่นมิติเพื่อสรุปแผนการของเทพปีศาจไร้ขอบเขต เราจะรบกวนพวกเขาได้อย่างไร?”
“ตอนนี้วังสวรรค์ได้รับภูเขาตําราไปแล้ว เราต้องพึ่งพานายท่านเพื่อความหวังในอนาคต คลื่นสวรรค์ เจ้ามองไม่เห็นภาพใหญ่งั้นหรือ?”
กุ้ยเหม่ยขมวดคิ้วไม่พอใจ “หยุดเรียกข้าว่าคลื่นสวรรค์ ข้าไม่ได้อยากเป็นคลื่นสวรรค์ พวกเขาบังคับบ้า!”
ผู้อมตะคลื่นอ่าพันเจียวห่าวที่นั่งอยู่ด้านข้างกุ้ยเหม่ยพยายามโน้มน้าว “พี่กุ้ยช่วยเราอนุมานด้วย มันไม่ใช่เพียงปฐพีสีเหลืองแต่มันยังเกี่ยวกับฟางหยวน”
“ปีศาจฟางหยวนไม่สนใจตัวตนของเขาในฐานะมนุษย์ ข้ากังวลว่าเขาอาจย้ายผู้อมตะพื้นเมืองของปฐพีสีเหลืองและผู้อมตะที่เขาจับได้เข้าสู่มิติช่องจักรพรรดิ ดูสิ่งที่เขาทําในห้าภูมิภาค เขาคัดเลือกผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เป็นลูกน้องและแทบไม่มีผู้ใดปฏิเสธ ในความคิดเห็นของข้า
มีแนวโน้มว่าเขาจะทําสิ่งเดียวกันที่นี่”
“ในกรณีนั้นมันอาจทําลายแผนการของนายท่าน”
เจียวอ่าวพยายามโน้มน้าวกุ้ยเหม่ยอย่างสุดความสามารถแต่ฝ่ายหลังยังส่ายศีรษะ “แท้จริง แล้วพวกเจ้าไม่จําเป็นต้องกังวล วังสวรรค์กําลังกังวลเช่นกัน มาดูกันว่าวังสวรรค์จะทําสิ่งใดต่อไป เทพอมตะกลุ่มดาวเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งบนเส้นทางแห่งปัญญา นางเก่งกว่าข้ามาก”
การแสดงออกขงเจียวฮ่าวเปลี่ยนไป “ถึงกระนั้นหากวังสวรรค์ชิงลงมือก่อน เราอาจเสียโอกาส”
“ข้าจะไม่ทํางาน!” กุ้ยเหม่ยกลอกตาและกลับไปนอนต่อ
เจียวฮ่าวและปิงชายฉวนมองเขาด้วยความโกรธแต่เขากลับไม่แยแส
“โจมตี!”
“ส่งศัตรูกลับไป!”
“บุก!”
ผู้ใช้วิญญาณหลายพันคนต่อสู้อยู่บนพื้นดิน
บนท้องฟ้าเป็นสนามรบของผู้อมตะ
บนพื้น กองทัพผู้ใช้วิญญาณของปฐพีสีเหลืองบุกไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ บนท้องฟ้า การต่อสู้ระหว่างผู้อมตะติดอยู่ในสภาวะชะงักงัน
นักปราชญ์ของปฐพีสีเหลืองมาถึงแล้ว กลุ่มผู้ใช้วิญญาณของพวกเขาเต็มไปด้วยขวัญกําลังใจ
แต่ในการต่อสู้ระหว่างผู้อมตะ กําลังใจเพียงอย่างเดียวไม่สามารถชดเชยความแตกต่างของความแข็งแกร่ง
ท้ายที่สุดปฐพีสีเหลืองก็มีผู้อมตะน้อยกว่าทุ่งบัวเขียว
นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
โลกทั้งสามถูกสร้างขึ้นในเวลาที่แตกต่างกัน ทุ่งปีศาจคลั่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุด ทุ่งบัวเขียวเป็นอันดับสอง ขณะที่ปฐพีสีเหลืองเป็นอันดับสุดท้าย นี่เป็นเพราะเทพอมตะสวรรค์พิภพเป็นเทพอมตะคนสุดท้ายในประวัติศาสตร์
ปฐพีสีเหลืองมีผู้อมตะน้อยที่สุด มันถูกโจมตีโดยการร่วมมือของโลกสองใบ ดังนั้นสถานการณ์ของมันจึงค่อนข้างเลวร้าย
“นักปราชญ์ของเรามาถึงแล้ว ยังมีความหวัง”
“ข้าจะปกป้องปฐพีสีเหลือง ข้าจะปกป้องบ้านเกิดของข้า!”
ผู้อมตะของปฐพีสีเหลืองตะโกน
“แม้นักปราชญ์ของพวกเจ้าจะมาถึง พวกเขาก็ไม่สามารถหยุดพวกเราจากการฆ่าพวกเจ้า!”
“เจ้ามีนักปราชญ์แต่เราก็มีเช่นกัน ผลลัพธ์ของการต่อสู้จะไม่เปลี่ยนแปลง!”
“เราจะฆ่าพวกเจ้าและกึนกินโลกทั้งใบเพื่อป้องกันไม่ให้วันสิ้นโลกเกิดขึ้น!”
ผู้อมตะของทุ่งบัวเขียวหัวเราะเสียงเย็น
ทันใดนั้นชิงฮ่าวจื่อและมู่ชาหลางก็ปรากฏตัวขึ้น
ท่าไม้ตายอมตะฤดูใบไม้ผลิของต้นไม้ที่เหี่ยวเฉา!
มู่ชาหลางตะโกน ใบไม้สีเขียวปรากฏขึ้นบนกิ่งไม้ทั่วร่างของมันก่อนจะร่วงหล่นลงบนร่างของผู้อมตะจากทุ่งบัวเขียว
อาการบาดเจ็บของผู้อมตะจากทุ่งบัวเขียวฟื้นตัวขึ้นทันที
ท่าไม้ตายอมตะผลาญชีวิตสีเขียว!
ชิงฮ่าวจื่อพุ่งผ่านอากาศและเจาะทะลวงร่างของผู้อมตะจากปฐพีสีเหลือง
ผู้อมตะจากปฐพีสีเหลืองผู้นั้นเป็นหมีสีดํา มันยกมือขึ้นกุมหน้าอกที่ว่างเปล่าของมันก่อนจะล้มลงบนพื้น
จากนั้นชิงฮ่าวจื่อก็เปิดปากกล่าว “พวกเจ้าต้องตายทั้งหมด!”
มู่ชาหลางหัวเราะเสียงดัง “แม้นักปราชญ์ของพวกเจ้าจะอยู่ที่นี่ แล้วอย่างไร? ผู้ชนะยังเป็นทุ่งบัวเขียวของเรา!”
ในสนามรบอื่น
กองทัพหลักของทุ่งปีศาจคลั่งกําลังต่อสู้กับกองทัพของปฐพีสีเหลือง
“ตาย!”
เสือด่าหกขาพุ่งขึ้นสู่อากาศและคว้าร่างของผู้อมตะจากปฐพีสีเหลืองเอาไว้
“ในที่สุดข้าก็จับเจ้าได้” เสือดําหกขาหัวเราะและใช้กรงเล็บฉีกร่างของผู้อมตะผู้โชคร้ายออกเป็นชิ้นๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่า” เสือดําหกขาหัวเราะเสียงดังและเลียเลือดสดๆด้วยท่าทางบ้าคลั่งและกระหายเลือด
“ราชาหินน้อยถูกไห่ลิ่วเปียวสังหาร!”
“ถอย เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา”
“นักปราชญ์ของเรามาถึงแล้ว กลับไปหาพวกเขากันเถอะ”
กองทัพผู้ใช้วิญญาณยังต่อสู้อยู่บนพื้น แต่บนท้องฟ้า ผู้อมตะของปฐพีสีเหลืองสูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ไปแล้วและต้องการล่าถอย
ทันใดนั้นเสียงนกอินทรีย์ก็ดังขึ้นพร้อมกับแสงสีขาวที่พุ่งเข้ามาจากระยะไกล
ทุกคนหันไปมองและเห็นอินทรีย์หิมะกําลังกลืนกินผู้อมตะของปฐพีสีเหลืองผู้หนึ่ง
“เซี่ยลี่ตู่!”
“เขากินอีกคนแล้ว!”
ผู้อมตะของปฐพีสีเหลืองทั้งโกรธและตกใจ
อินทรีย์หิมะเซี่ยลี่ตู่กล่าวเสียงแหลม “ต้องการหนีงั้นหรือ? อย่าแม้แต่จะคิด!”
ขวัญกําลังใจของผู้อมตะจากปฐพีสีเหลืองร่วงหล่นลงทันที
ที่สุสานของเทพอมตะสวรรค์พิภพ
“กังเค่อหลาคารวะนักปราชญ์ทั้งสอง!”
“ราชาหินใหญ่คารวะนักปราชญ์ทั้งสอง เราขอร้องท่าน โปรดช่วยปฐพีสีเหลืองของเราด้วย!”
กลุ่มผู้อมตะคุกเข่าลงบนพื้น
ทั้งหมดอยู่ในรูปลักษณ์ของสัตว์หรือพืช บางส่วนยังดูแปลกประหลาดเหมือนก้อนดินเหนียวหรือภาพวาดที่ไม่สมบูรณ์
ผู้อมตะเหล่านี้ได้รับบาดเจ็บในระดับที่แตกต่างกัน
ฟางหยวนช่าเลืองมองพวกเขาและเห็นบางคนที่คุ้นเคย
มันคือปลาทองสีเทา
เมื่อฟางหยวนเข้าสู่ชั้นที่แปดของถ้ําปีศาจคลั่งครั้งแรก เขาพบปลาทองสีเทาตัวนี้และจับมันเป็นทาส
ตอนนี้ปลาทองสีเทารู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อเห็นฟางหยวน มันต้องการกล่าวบางคําแต่ใน
สถานการณ์นี้มันเลือกที่จะนิ่งเงียบ
ฟางหยวนพยักหน้า “ข้าอยากเห็นคนที่อยู่เบื้องหลังทุ่งบัวเขียวเช่นกัน” “ท่านฟางหยวน ท่านไม่ความโจมตีโดยประมาท” ลั่วเว่ยหยินลอบส่งเสียงไปหาฟางหยวน ฟางหยวนมองลั่วเว่ยหยินด้วยสายตาแปลกประหลาดราวกับต้องการกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าเจ้า
เชิญข้ามาที่นี่เพราะต้องการให้ข้าต่อสู้งั้นหรือ?”