Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2157 บุกพร้อมกัน
เทพปีศาจหวนคืนบทที่ 2157 บุกพร้อมกัน
ลั่วเว่ยหยินลอบอธิบายรายละเอียด“ท่านฟางหยวนท่านอาจไม่รู้เรื่องนี้ความแข็งแกร่งของท่านจะกระตุ้นการจัดเตรียมของเทพปีศาจไร้ขอบเขตเหตุใดวังสวรรค์จึงส่งกองกําลังมายั่วยุพวกเรา?มันคือการตรวจสอบความแข็งแกร่งของเราและพยายามล่อลวงให้ท่านโจมตีนั่นจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขา”
“อธิบายให้ชัดเจน”ฟางหยวนกล่าว
ลั่วเว่ยหยินเผยรอยยิ้มขมขื่น“ข้าไม่แน่ใจสถานการณ์ที่แน่ชัดข้ารู้เพียงว่าเทพปีศาจไร้ขอบเขตสร้างถ้ำปีศาจคลั่งขึ้นมาเพื่อค้นหาเส้นทางสู่ชีวิตนิรันดร์การจัดเตรียมของเขากําลังจะแสดงผลลัพธ์ออกมา”
“ความว่างเปล่าของชั้นที่แปดกําลังหดตัวลงโลกทั้งหมดจะถูกดึงเข้าสู่จุดศูนย์กลางและหลอมรวมกันจนกว่าจะเหลือโลกเพียงใบเดียว”
“โลกใบสุดท้ายอาจเป็นคําตอบสําหรับชีวิตนิรันดร์”
“หากเราโจมตีอย่างกะทันหันและทําให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่มันจะเป็นการขัดขวางถ้ำ
ปีศาจคลั่งในเวลานั้นการจัดเตรียมของเทพปีศาจไร้ขอบเขตจะถูกกระตุ้นและจัดการเรา”
“นั่นจะทําให้เรากลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“วังสวรรค์และถ้ำสวรรค์นิรันดรจะมีความสุขที่ได้เห็นสิ่งนั้นเกิดขึ้น นอกจากเราจะถูกโจมตีโดยการจัดเตรียมของเทพปีศาจไร้ขอบเขตศัตรูยังจะได้รับข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกันมัน”ฟางหยวนไตร่ตรองก่อนกล่าว“ในกรณีนี้เราสามารถเคลื่อนไหวหลังจากโลกใบสุดท้ายก่อตัว
ขึ้นงั้นหรือ?เช่นนั้นเหตุใดวังสวรรค์และถ้ำสวรรค์นิรันดรจึงรีบมาที่นี่”
ลั่วเว่ยหยินอธิบายต่อ“เฉพาะคนที่มีพลังการต่อสู้ระดับเดียวกับท่านเท่านั้นที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวข้ายังสามารถเคลื่อนไหวได้
“หากฝ่ายของเราสามารถควบคุมสถานการณ์ของปฐพีสีเหลืองเราจะได้เปรียบในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายเมื่อโลกใบสุดท้ายก่อตัวขึ้น พื้นที่ที่เราปกครองจะเป็นตัวกําหนดผลลัพธ์ดังนั้นเราต้องยึดครองพื้นที่และขยายอาณาเขตของเรา”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ฟางหยวนก็เข้าใจสถานการณ์ในที่สุด
ปัจจุบันเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวด้วยตนเอง
หากเขาลงมือเขาจะถูกตอบโต้โดยการจัดเตรียมของเทพปีศาจไร้ขอบเขต
แน่นอนว่าฟางหยวนสามารถกดพลังอํานาจของเขาในการต่อสู้แต่นั่นไม่จําเป็นแม้ฟางหยวนจะใช้พลังที่เหนือกว่าศัตรูเพียงเล็กน้อยและสามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้าม แต่มัน
ยังไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์โดยรวมนอกจากนั้นการเคลื่อนไหวซ้ำๆจะทําให้วังสวรรค์และถ้ำสวรรค์นิรันดรได้รับข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการของเขาสิ่งสําคัญอีกประการก็คือเขาจะสูญเสียโชคก่อนเวลาอันสมควร
ลั่วเว่ยหยินเชิญฟางหยวนมาเพื่อรับมือการต่อสู้ครั้งสุดท้าย
เมื่อโลกใบสุดท้ายก่อตัวขึ้นฟางหยวนเทพอมตะกลุ่มดาวและถ้ำสวรรค์นิรันดรต้องต่อสู้กันอย่างจริงจัง
ก่อนหน้านั้นถั่วเว่ยหยินยังสามารถเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนปฐพีสีเหลืองหลังจากทั้งหมดลั่วเว่ยหยินเป็นตัวตันกึ่งระดับเก้าในแง่ของการป้องกันเท่านั้น
ผลลัพธ์ของสงครามครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการต่อสู้ครั้งสุดท้าย
หากลั่วเว่ยหยินประสบความสําเร็จฟางหยวนจะมีความได้เปรียบในภายหลัง
“แม้ปฐพีสีเหลืองจะไม่สามารถชนะสงครามครั้งนี้เราก็ไม่สามารถปล่อยให้อีกสองโลกนําหน้ามากเกินไปตราบเท่าที่เขาปกป้องสุสานศักดิ์สิทธิ์เอาไว้จนถึงการต่อสู้ครั้งสุดท้ายเทพอมตะสวรรค์พิภพจะฟื้นคืนชีพเมื่อเวลานั้นมาถึงความแข็งแกร่งของเราจะเหนือกว่าอีกสองฝ่าย”ลั่วเว่ยหยินอธิบายแผนการของเขา
สรุปคือป้องกันก่อนตอบโต้ภายหลัง
นี่เป็นวิธีการที่สมเหตุสมผลและเหมาะสมกับธรรมชาติของลั่วเว่ยหยิน
แต่…
นี่ไม่ใช่ธรรมชาติของฟางหยวน
ฟางหยวนมองผู้อมตะของปฐพีสีเหลืองที่คุกเข่าอยู่ด้านหน้าก่อนจะเผยรอยยิ้มให้กับลั่วเว่ยหยิน “การป้องกันไม่ใช่วิธีการของข้า เราไม่สามารถใช้พลังการต่อสู้ระดับสูงสุดนั่นหมายความว่า
วังสวรรค์จะใช้ประโยชน์จากข้อเท็จจริงที่ว่าเราขาดผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อจัดการพวกเรา”
“ในกรณีนี้…”ฟางหยวนเผยรอยยิ้มและมองไปทางทุ่งบัวเขียว “ทุกคนออกมาทันใดนั้นผู้อมตะจํานวนมากก็บินออกมาจากมิติช่องว่างจักรพรรดิ
“คารวะนายท่าน!” ผู้อมตะหลายสิบคนทําความเคารพฟางหยวนพร้อมกัน
เสียงของพวกเขาดังมาก ทั้งหมดแสดงออกด้วยความตื่นเต้น
“รายละเอียดอยู่บนหอภารกิจแล้วไปเถอะ”ฟางหยวนโบกมืออย่างไม่เป็นทางการ
ผู้อมตะเหล่านี้แบ่งออกเป็นสองกลุ่มและพุ่งเข้าสู่สองสนามรบทันทีผู้อมตะของปฐพีสีเหลืองตกตะลึง
“ผู้อมตะจํานวนมากปรากฏขึ้นพร้อมกันได้อย่างไร?”
“หลายคนดูเหมือนนักปราชญ์เช่นกัน”
“พวกเรารอดแล้ว ปฐพีสีเหลืองรอดแล้ว!”
ผู้อมตะของปฐพีสีเหลืองรู้สึกผ่อนคลายลงบางคนกระทั่งร้องไห้ด้วยความยินดีแท้จริงแล้วไม่เพียงพวกเขากระทั่งลั่วเว่ยหยินยังตกใจ
เขาเคยเห็นฟางหยวนส่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ออกไปรวบรวมภูเขาที่ภาคใต้เขารู้ว่าฟางหยวนเป็นผู้นํากองกําลังพันธมิตรเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์แต่หลังจากเห็นกองกําลังหลักที่ฟางหยวนส่งออกมาครั้งนี้ลั่วเว่ยหยินยังรู้สึกตกใจมาก
ผู้อมตะมากมายนักพวกเขามีมากกว่าห้าสิบคน!’
“จากกลิ่นอายของพวกเขามีผู้อมตะระดับแปดจํานวนสิบแปดคน ที่เหลือเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดทั้งหมด’
‘มีผู้อมตะระดับแปดมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร?’
‘ผู้อมตะระดับเจ็ดเหล่านั้นก็เข้าใกล้ระดับแปดมากแล้ว’
“ไม่ ไม่มีทางที่ฟางหยวนจะไม่มีผู้อมตะระดับหกนี่หมายความว่าคนเหล่านี้ยังไม่ใช่กองกําลังหลักของเขางั้นหรือ?’
‘ถูกต้อง อู๋ส่วยที่เป็นร่างแยกของฟางหยวนก็ยังไม่ปรากฏตัวเช่นกัน’
ลั่วเว่ยหยินวิเคราะห์ด้วยหัวใจเต้นแรง
‘ฟางหยวนใช้เวลาทั้งหมดของเขาเลี้ยงดูคนเหล่านี้งั้นหรือ? ตามบุคลิกของเขา เขาไม่ควรทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้…
‘นอกจากนั้นแม้ผู้อมตะเหล่านี้จะมีการบ่มเพาะสูงแต่ผู้ใดจะรู้ว่าพลังการต่อสู้ของพวกเขาจะเป็นเช่นไร?
คนที่ลั่วเว่ยหยินมั่นใจในพลังการต่อสู้มีเพียงเซียวเหอเจี้ยนและจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งเท่านั้น
ที่แนวหน้าของสนามรบ
“ไปตายซะ!” ชิงฮ่าวจื่อสังหารผู้อมตะของปฐพีสีเหลืองอีกคน
แต่มันก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเช่นกัน
มันต้องหยุดเคลื่อนไหวชั่วคราว
มู่ชาหลางใช้ท่าไม้ตายสายรักษาทําให้ชิงฮ่าวจื่อฟื้นตัวขึ้น
“ขอบคุณมากสหาย” ชิงฮ่าวจื่อมีความสุข
มู่ชาหลางกล่าวชื่นชม “นี่เป็นความเชี่ยวชาญของข้า เจ้ายอดเยี่ยมมากที่สามารถสังหารศัตรู
จํานวนมาก แต่อย่ารีบร้อนเกินไปและลืมป้องกันตัว การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของศัตรูไม่ง่ายที่จะรับมือ
หากเจ้าถูกโจมตี…”
“อย่ากังวล” ชิงฮ่าวจื่อชิงตัดบท “ข้าจะพยายามฆ่าคนที่สี่”
“พวกเจ้า ใจเย็น เหลือให้ข้าบ้าง” ชิงฮ่าวจื่อตะโกนขณะพุ่งเข้าสู่สนามรบอีกครั้ง
ในจังหวะนี้กลุ่มผู้อมตะที่นําโดยจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งก็บินมาจากขอบฟ้า
เขาตะโกน “เราเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนักปราชญ์จากปฐพีสีเหลือง เรามาที่นี่เพื่อช่วยพวก
เจ้าและสังหารผู้อมตะของทุ่งบัวเขียว!”
กลุ่มผู้อมตะในสนามรบตกตะลึง
ผู้อมตะของปฐพีสีเหลืองรู้สึกยินดี
ผู้อมตะของทุ่งบัวเขียวเริ่มกังวล
นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เมื่อรวมกับมู่ชาหลางและชิงฮ่าวจื่อ พวกเขาก็มีเพียงแปดคนเท่านั้น
แต่กําลังเสริมของปฐพีสีเหลืองมีมากกว่ายี่สิบคน!
ท่ามกลางพวกเขายังมีผู้อมตะระดับแปดถึงเก้าคน
ด้านทุ่งบัวเขียว พวกเขามีเพียงมู่ชาหลาง ชิงฮ่าวจื่อ และผู้อมตะเฒ่าป่าตะไคร้น้ำเท่านั้นที่
เป็นผู้อมตะระดับแปด
มู่ชาหลางกัดฟันตะโกน “อย่ากลัวจํานวน ผู้ใดจะรู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งเพียงใด”
ขวัญกําลังใจของผู้อมตะของทุ่งบัวเขียวฟื้นคืนกลับมาเมื่อได้ยินเรื่องนี้
ระดับการบ่มเพาะเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่ส่งอิทธิพลต่อพลังการต่อสู้ มันยังมีปัจจัยอื่นอีก
มากมาย
หากพวกเขาหวาดกลัวและล่าถอยทันที พวกเขาจะเผชิญหน้ากับนักปราชญ์ของพวกเขาได้
อย่างไร
ผู้อมตะของทุ่งบัวเขียวไม่สนใจผู้อมตะของปฐพีสีเหลืองอีกต่อไปและพุ่งเข้าเผชิญหน้ากับ
กลุ่มของจักรพรรดิผลึกน้ำแข็ง
ท่าไม้ตายอมตะหิมะถล่ม!
ท่าไม้ตายอมตะหินถล่ม!
ท่าไม้ตายอมตะปฐพีแตกสลาย!
ท่าไม้ตายอมตะปรับแต่งชีวิต!
ท่าไม้ตายอมตะพิษห้าชั่น!
“บึ้ม บึ้ม บึ้ม บึ้ม…”
ผู้อมตะของปฐพีสีเหลืองที่ถูกมองข้ามอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
กลุ่มของจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งปลดปล่อยการโจมตีที่รุนแรงออกมาตั้งแต่แรก
ท่าไม้ตายจํานวนมากถูกส่งออกไปราวกับดอกไม้ไฟ
ผู้อมตะของทุ่งบัวเขียวใช้ท่าไม้ตายเช่นกันแต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาด้อยกว่ามาก
ในครั้งเดียว ผู้อมตะของทุ่งบัวเขียวพบความสูญเสียครั้งใหญ่
“ถอย!” ผู้อมตะเฒ่าป่าตะไคร้ ตะโกน
“นี่เป็นไปได้อย่างไร? ฝ่ายตรงข้ามมีผู้อมตะระดับแปดจํานวนมากเช่นนี้ได้อย่างไร!?” ชิงห่า
วจื่ออุทาน
เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดมานานแล้ว แต่เขาไม่เคยเห็นผู้อมตะระดับแปดมากมายเช่นนี้มา
ก่อน
จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งยังไม่พอใจ เขาตําหนิ “อย่าแย่งกันลงมือ มันสิ้นเปลือง ท่าไม้ตายของ
เราขัดแย้งกันเอง พลังอํานาจครึ่งหนึ่งของมันกลายเป็นสูญเปล่า มีเพียงสามสิบส่วนที่สามารถโจมตีศัตรูค้นหาเป้าหมายของตนเองและอย่าปล่อยให้พวกเขาหลบหนี!”
ผู้อมตะของทุ่งบัวเขียวสูญเสียขวัญกําลังใจและต้องการหลบหนี
แต่กลุ่มของจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งมีข้อได้เปรียบด้านจํานวนคน พวกเขาแยกย้ายกันไปปิดล้อมศัตรู
การต่อสู้ค่าเนินต่อไป
ในไม่ช้าผู้อมตะของทุ่งบัวเขียวก็ถูกทุบตีอย่างรุนแรง
“ผู้อมตะเหล่านี้แข็งแกร่งเกินไป!”ชิงห่าวจื่อตะโกน
“เราเชี่ยวชาญเพียงด้านเดียวแต่พวกเขามีวิธีการที่หลากหลาย” มู่ชาหลางกล่าวด้วยความขมขื่น
“พวกเขามีท่าไม้ตายมากเกินไปพวกมันล้วนเป็นวิธีการที่น่าทึ่ง!” ผู้อมตะคนอื่นๆของทุ่งบัวเขียวตะโกน
ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของฟางหยวนเป็นอันดับหนึ่งของโลกวังสวรรค์และถ้ำสวรรค์นิรันดรไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
หลังจากได้รับทรัพยากรมากมายจากถ้ำสวรรค์ต่างๆกองกําลังของฟางหยวนจึงกลายเป็นกองกําลังที่ครอบครองวิญญาณอมตะมากที่สุดของโลกใบนี้