Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2161 หัวใจแห่งปัญญาไร้กังวล
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2161 หัวใจแห่งปัญญาไร้กังวล
มนุษย์หมึกอาวุโสบอกมนุษย์คนแรก“แม้วิญญาณสติปัญญามักอยู่ในกําแพงเฉียนคุนแต่มันจะซ่อนตัวอยู่อย่างลับๆเพื่อค้นหามันเจ้าต้องเข้าไปในส่วนลึกของกําแพงเฉียนกุนมันจะไม่สามารถทําได้ด้วยการใช้เพียงข้อความหมึกและรอยเท้าของเจ้ารอยเท้าเหล่านี้จะบันทึกข้อมูล
ทุกประเภทเอาไว้ในระดับผิวเผินเท่านั้นข้อความหมึกที่อยู่บนรอยเท้าจะหายไปอย่างรวดเร็ว”
“มนุษย์ เจ้าต้องเปลี่ยนข้อมูลทั้งหมดให้เป็นความรู้มีเพียงความรู้เท่านั้นที่จะทําให้เจ้าสามารถอธิบายข้อมูลได้อย่างชัดเจนเจ้าจะสามารถเขียนมันออกมาเป็นคําพูดและช่วยเจ้าสร้างเส้นทางที่แท้จริง”
มนุษย์คนแรกรู้สึกกังวล“ข้าจะเปลี่ยนพวกมันเป็นความรู้ได้อย่างไร?”
มนุษย์หมึกอาวุโสหัวเราะ“มีหนอนหนังสือมากมายอยู่บภูเขาตํารา พวกมันบันทึกความรู้ที่มนุษย์หมึกรุ่นก่อนทิ้งไว้เบื้องหลังมนุษย์ ไปศึกษาพวกมัน”
“มันไม่ใช่เรื่องยากเช่นกันที่จะรวบรวมความรู้ด้วยตนเองอันดับแรกเจ้าต้องมีวิญญาณความ
ทรงจําเพื่อเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ในใจของเจ้า จากนั้น…”
ก่อนที่มนุษย์หมึกอาวุโสจะกล่าวจบวิญญาณความเข้าใจก็บินออกมา “จากนั้นข้าจะช่วยเจ้า
หลอมรวมความรู้”
มนุษย์หมึกอาวุโสพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม“แท้จริงแล้วความเข้าใจสามารถสร้างความรู้มนุษย์คนแรกกล่าว“เช่นนั้นข้าก็ต้องขอบคุณล่วงหน้า”
มนุษย์หมึกอาวุโสส่ายศีรษะ“ไม่จําเป็นต้องมากพิธี”
วิญญาณความเข้าใจกล่าว “อย่างพูดเช่นนั้นมนุษย์เราเป็นสหายที่ดีมาตลอดสถานการณ์นี้เป็นประโยชน์ต่อข้าเช่นกัน”
หากวิญญาณความเข้าใจไม่ได้รับข้อมูลใหม่ๆมันจะล้าสมัยอย่างรวดเร็ว มีเพียงการได้รับข้อมูลใหม่และไตร่ตรองเท่านั้นที่จะสร้างความเข้าใจใหม่ๆที่มีประโยชน์
มนุษย์คนแรกรวบรวมหนอนหนังสือจํานวนมากบนภูเขาตําราและได้รับข้อมูลใหม่มากมาย
ต่อมา ด้วยความช่วยเหลือจากวิญญาณความเข้าใจเขาสามารถสร้างความรู้ใหม่จํานวนมหาศาล
เขาใช้ข้อความหมึกเพื่อบันทึกความรู้ของเขาและสร้างเส้นทางสีดํา มนุษย์คนแรกและต้าลี่เจิ้นอู่เดินไปบนเส้นทางสายนี้
“ข้าไม่เหลือความรู้แล้ว”มนุษย์คนแรกรู้สึกท้อแท้และหงุดหงิดเขาใช้ความรู้ไปหมดแล้วแต่ยังไปไม่ถึงส่วนลึกของกําแพงเฉียนคุน
ตาราเติม
ความพยายามครั้งแรกของมนุษย์คนแรกและต้าลี่เจิ้นอู่ล้มเหลว พวกเขาต้องกลับไปที่ภูเขา
ต้าลี่เจิ้นอู่รวบรวมข้อความหมึกขณะที่มนุษย์คนแรกรวบรวมหนอนหนังสือและสร้างความรู้เพิ่มด้วยความรู้ที่เพิ่มขึ้นมนุษย์คนแรกรู้สึกว่าจิตใจของเขาถูกเติมเต็ม
“ตอนนี้ข้ามีความรู้มากมาย”มนุษย์คนแรกพอใจและมั่นใจมาก “ไปกันเถอะข้ามั่นใจว่าคราวนี้เราจะไปถึงส่วนลึกของกําแพงเฉียนคน!”
อย่างไรก็ตามพวกเขายังล้มเหลวในความพยายามครั้งที่สอง
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?จิตใจของข้าเต็มไปด้วยความรู้”มนุษย์คนแรกกล่าวด้วยครามโศกเศร้า“นี่คือความรู้ทั้งหมดที่ข้าสามารถแบกรับ”
“ไม่ มนุษย์ ดูให้ดี”ทันใดนั้นวิญญาณตัวตนก็กล่าวเตือน
มนุษย์คนแรกตรวจสอบจิตใจของตนและพบวิญญาณดวงหนึ่งซ่อนอยู่ภายใน
มนุษย์คนแรกตระหนักได้ทันที“ดังนั้นเจ้าก็กําลังครอบงําจิตใจของข้าและทําให้ข้าไม่สามารถรับความรู้เพิ่มเติมเจ้าคือสิ่งใด?”
วิญญาณตอบ“ข้าคือวิญญาณความภาคภูมิใจ”
มนุษย์คนแรกกล่าวด้วยความกังวล“เจ้ารีบออกไปซะเจ้ากําลังครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่ในจิตใจของข้าข้าต้องการเติมความรู้
ไป
แต่ไม่ว่ามนุษย์คนแรกจะกังวลหรือกระตุ้นเพียงใดวิญญาณความภาคภูมิใจก็ปฏิเสธที่จะจากต้าลี่เจิ้นอู่กล่าว“ท่านพ่ออย่ากังวลอย่าลืมว่าข้ามีวิญญาณความอ่อนน้อมถ่อมตนข้าจะมอบให้ท่าน”
ต้าลี่เจิ้นอู่มอบวิญญาณความอ่อนน้อมถ่อมตนให้มนุษย์คนแรก
วิญญาณความภาคภูมิใจถูกขับไล่โดยวิญญาณความอ่อนน้อมถ่อมตน มันบินออกจากจิตใจของมนุษย์คนแรกและเข้าไปหาต้าลี่เจิ้นอู่
วิญญาณความเข้มแข็งมีความสุขมาก “ผู้แข็งแกร่งมีความภาคภูมิใจของตนเอง”
มนุษย์คนแรกรับความรู้จากภูเขาตําราต่อไป
หลังจากมนุษย์คนแรกได้รับวิญญาณความอ่อนน้อมถ่อมตน เขาตระหนักว่ายิ่งเขามีความรู้มากเท่าใดเขาก็ยิ่งขาดความรู้มากเท่านั้น
ยิ่งเขารู้สึกขาดความรู้มากเท่าใดเขาก็ยิ่งต้องการเติมเต็มความรู้มากเท่านั้นจิตใจของมนุษย์คนแรกเต็มอย่างรวดเร็ว
วิญญาณตัวตนกล่าว “มนุษย์ ตอนนี้จิตใจของเจ้าเต็มไปด้วยความรู้แล้ว”
มนุษย์คนแรกตอบกลับ “แต่ข้าคิดว่ามันยังไม่เพียงพอ มีอีกหลายสิ่งที่ข้ายังไม่รู้ ข้าต้องรับ
ความรู้ต่อไป”
มนุษย์คนแรกได้รับความรู้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจิตใจของเขาเริ่มบวมนั่นทําให้เขารู้สึกเจ็บปวดและไม่สามารถเก็บข้อมูลได้อีกต่อไปแต่วิญญาณควาอ่อนน้อมถ่อมตนยังทําให้เขารู้สึกว่ากระหายความรู้เล็กทันใดนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้น
ในที่สุดจิตใจของมนุษย์คนแรกก็ถึงขีดจํากัดความรู้ระเบิดออกมาและกลายเป็นเด็กหญิงตัว
“ท่านพ่อ”เด็กหญิงตัวเล็กกอดขาของมนุษย์คนแรกอย่างมีความสุข “ข้าคือหัวใจแห่งปัญญาไร้กังวลเซียวเหยาจื่อซินข้าเป็นลูกสาวของท่าน”
ภาคเหนือทุ่งหญ้าซื่อสัตย์
เฉินเฉิงแต่งกายด้วยชุดสีเขียวเขายืนมือไพล่หลังด้วยความเย่อหยิ่ง
เขามองผู้อมตะหญิงที่อยู่ตรงหน้าและตะโกน“เจ้าคือผู้ใดเหตุใดเจ้าถึงมาพบข้าที่นี่?”
ผู้อมตะหญิงสวมหน้ากากครึ่งหน้าปิดปากจมูกและแก้มนางเผยให้เห็นเพียงครึ่งบนของใบหน้าเท่านั้น
นางปลดปล่อยกลิ่นอายที่กล้าหาญและแข็งแกร่งออกมา
นางอยู่ในชุดเกราะสีทองดําที่ปกคลุมทั้งร่างทําให้นางดูดุดัน
“เรียกข้าว่าเทพธิดาจันทร์ทมิฬ”ผู้อมตะหญิงกล่าว
“เทพธิดาจันทร์ทมิฬงั้นหรือ?”เฉินเฉิงยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง เจ้ามาจากที่ใด?”
เมื่อห้าภูมิภาครวมเป็นหนึ่งกลิ่นอายของผู้อมตะก็ไม่ถูกแบ่งแยกได้อีกต่อไปนั่นคือเหตุผลที่เฉินเฉิงถามคําถามนี้
เทพธิดาจันทร์ทมิฬเผยรอยยิ้มบาง“ตัวตนและที่มาของข้าไม่สําคัญเฉินเฉิงเจ้ามีฉายาว่าผู้อมตะซื่อสัตย์เจ้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกฎย้อนกลับไปเจ้าทําข้อตกลงกับสหายของเจ้าหาก เจ้าแพ้ในการต่อสู้เจ้าจะเป็นทาสของผู้ชนะเจ้าจ่าเรื่องนี้ได้หรือไม่?”
รูม่านตาของเฉินเฉิงหดเล็กลง “เวลานั้นข้ายังเด็กและหยิ่งผยอง ข้าไม่รู้ว่ามันหมายถึงสิ่งใด นั่นคือสาเหตุที่ข้าท่าข้อตกลงตอนนี้ข้ายังเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณ เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?เหตุใดเจ้าถึงรู้เรื่องนี้!”
เทพธิดาจันทร์ทมิฬเผยรอยยิ้มเย็นชา “ข้าขอถามเจ้าเฉินเฉิงข้อกตลงนี้ยังมีผลบังคับใช้หรือไม่?”
หลังกล่าวจบค่า นางก็ส่งป้ายหยกให้กับเฉินเฉิง
เฉินเฉิงตรวจสอบก่อนที่การแสดงออกของเขาจะเปลี่ยนแปลงไป “ป้ายหยกชิ้นนี้เป็นของจริง
เจ้าได้รับมันมาจากที่ใด? เจ้ามีความสัมพันธ์ใดกับสหายของข้า?”
เทพธิดาจันทร์ทมิฬกล่าวอีกครั้ง“ข้าบอกไปแล้วว่าสิ่งเหล่านี้ไม่สําคัญ”
เฉินเฉิงสูดหายใจลึกและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าต้องการต่อสู้เจ้าต้องการให้ข้าเป็นทาสของเจ้า! เมื่อเจ้ามาหาข้า นั่นก็หมายความว่าเจ้ามีความมั่นใจแต่ข้าขอเตือนเจ้าแม้ข้าจะเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษข้าก็มีไพ่ตายมากมายหากเจ้าชนะการต่อสู้ครั้งนี้ ข้าจะยอมรับเจ้า
เป็นเจ้านาย หากเจ้าแพ้ข้าจะเป็นเจ้านายของเจ้า!”
เทพธิดาจันทร์ทมิฬหัวเราะเสียงดัง“ทุกคนเรียกเจ้าว่าผู้อมตะซื่อสัตย์เจ้าเป็นคนที่รักษาคําพูดและคําสัญญาของตนเองหลังจากพบเจ้าดูเหมือนเจ้าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆมาสู้กันเถอะ!”
เฉินเฉิงตะโกนด้วยความโกรธ“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ใดแสดงความสามารถของเจ้าออกมา!”การต่อสู้ของสองผู้อมตะทําให้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างไม่รู้จบสิ้นมิติช่องว่างจักรพรรรดิ
เหอชุนชิวอยู่ที่สระหลอมรวมสี่ธาตุแห่งความโศกเศร้า
วิญญาณอมตะระดับแปดก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและบินลงบนฝ่ามือของเขา
“ดี วิญญาณอมตะระดับแปดที่ถูกทําลายทั้งหมดได้รับการหลอมรวมขึ้นมาอีกครั้งแล้ว”เหอชุนชิวพยักหน้าด้วยความพอใจ
ความสามารถในการหลอมรวมวิญญาณอมตะของฟางหยวนเหนือจินตนาการของผู้คนไปไกลมากเขาสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดที่ถูกทําลายในการต่อสู้ได้อย่างง่ายดายแต่เขายังไม่พอใจกับความสําเร็จในปัจจุบัน
หลายวันผ่านไปแล้วตั้งแต่เทพธิดาหมิงห่าวเอาชนะลั่วเว่ยหยินและคนอื่นๆ
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาทั้งสามโลกเงียบสงบการต่อสู้หยุดลงชั่วคราว
ฟางหยวนใช้เวลานี้สํารวจสุสานของเทพอมตะสวรรค์พิภพแต่เขายังไม่สามารถคลี่คลายมันได้ในเวลาอันสั้นเขายังใช้เวลาส่วนใหญ่เพื่อทําความเข้าใจโลกใบใหญ่และโลกใบเล็กเพื่อยกระดับความ
เข้าใจบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม
“ทูตของทุ่งปีศาจคลั่งขอพบท่านนักปราชญ์” เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะของปฐพีสีเหลืองเข้ามารายงาน
“มันควรเป็นปิงชายฉวน” ลั่วเว่ยหยินเข้ามาเช่นกัน
ฟางหยวนยิ้ม “ถึงเวลาที่พวกเขาต้องมาที่นี่แล้ว”
ก่อนหน้านี้ความพ่ายแพ้ของจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งและเซียวเหอเจี้ยนเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของฟางหยวน
แม้วังสวรรค์จะเคยพ่ายแพ้มาก่อน แต่ฟางหยวนไม่เคยประมาทพวกเขา
วังสวรรค์ให้ความสําคัญกับถ้ําปีศาจคลั่ง พวกเขาถึงกับนําเมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มาที่นี่
เพียงจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งและเซียวเหอเจี้ยนจะสามารถเอาชนะพวกเขาได้อย่างไร
ในสถานการณ์ปัจจุบันวังสวรรค์ยังเป็นฝ่ายได้เปรียบ
ด้วยเหตุนี้ปิงชายฉวนจึงต้องการสร้างความร่วมมือกับฟางหยวนขณะที่ฟางหยวนรอคอยการมาของอีกฝ่ายอย่างอดทน
ปิงชายฉวนเป็นหนึ่งในสี่ทูตที่มาพบฟางหยวน
สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความจริงใจของถ้ําสวรรค์นิรันดร
“สหายฟางหยวน เจ้าสบายดีหรือไม่?” ปิงชายฉวนยิ้ม
แต่ฟางหยวนกลับแสดงออกอย่างเย็นชา “ข้าทํางานร่วมกับเทพอมตะสวรรค์พิภพเพื่อช่วยให้เขาฟื้นคืนชีพปิงชายฉวนมันไม่ฉลาดที่ถ้ําสวรรค์นิรันดรของเจ้าจะสร้างความร่วมมือกับข้า เมื่อเทพอมตะสวรรค์พิภพฟื้นคืนชีพความแข็งแกร่งของเราจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเราสามารถกาหราบวังสวรรค์”
“นี่…” ใบหน้าของปิงชายฉวนกลายเป็นแข็งค้าง