Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2162 ร่วมมืออีกครั้ง
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2162 ร่วมมืออีกครั้ง
จุดประสงค์การมาเยือนของปิงชายฉวนชัดเจนมาก เขาต้องการร่วมมือกับฟางหยวนเพื่อต่อต้านวังสวรรค์
ฟางหยวนไม่ต้องการเสียเวลาเขากล่าวถึงอุปสรรคในการสร้างความร่วมมือออกมาโดยตรง
สุสานของเทพอมตะสวรรค์พิภพใหญ่โตราวกับภูเขาถ้ำสวรรค์นิรันดรและวังสวรรค์รู้เรื่องนี้มานานแล้วเหตุผลที่พวกเขาโจมตีปฐพีสีเหลืองก่อนหน้านี้ก็เป็นเพราะสิ่งนี้
ปิงชายฉวนเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์เขาสามารถสงบจิตใจและรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว“ฟางหยวนเจ้ารู้หรือไม่ว่าภูเขาตํารามาจากที่ใด?”ฟางหยวนกล่าว“ภูเขาตําราไม่ใช่การจัดเตรียมของวังสวรรค์งั้นหรือ?”
ปิงชายฉวนพยักหน้า “เป็นเช่นนั้นจริง อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้นภูเขาตําราอยู่ที่ชั้นเก้าของถ้ำปีศาจคลั่งแต่ด้วยรากฐานที่ยิ่งใหญ่ของวังสวรรค์ พวกเขาจึงสามารถนํามันออกมาล่วงหน้า” “โอ๋”ฟางหยวนไม่ยอมรับหรือปฏิเสธแต่การแสดงออกของลั่วเว่ยหยินเปลี่ยนไป
นี่เป็นสิ่งที่ผู้อมตะของปฐพีสีเหลืองไม่รู้
ท้ายที่สุดเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นในทุ่งบัวเขียว
“วังสวรรค์เข้าใจชั้นที่เก้าและสามารถนําภูเขาตําราออกมา พวกเขามีวิธีรับมือการจัดเตรียม
ของเทพปีศาจไร้ขอบเขตงั้นหรือ?”
ปิงชายฉวนถอนหายใจ“เพราะเหตุนี้เราจึงมาที่นี่เพื่อสร้างความร่วมมือ”
ฟางหยวนตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง“เจ้าเคยเห็นเทพอมตะกลุ่มดาวหรือไม่?”
ปิงชายฉวนส่ายศีรษะ“ไม่แม้แต่ครั้งเดียว”
ฟางหยวนถามต่อ “เช่นนั้นเทพธิดาหมิงห่าวมีความสัมพันธ์ใดกับเทพอมตะกลุ่มดาว?” ปิงชายฉวนตอบอย่างตรงไปตรงมา “ก่อนถึงเวลาที่เหมาะสม เราจะไม่ใช้กําลังบังคับให้เทพ อมตะกลุ่มดาวปรากฏตัว แต่ผู้อมตะหญิงสามคนของวังสวรรค์มีพลังการต่อสู้กึ่งระดับเก้า เทพ ธิดาหมิงห่าวเป็นหนึ่งในนั้น”
“ผู้อมตะหญิงทั้งสามประกอบด้วยเทพธิดาหมิงห่าว เทพธิดาอวี่ซิ่ว และเทพธิดาเฟิงหยา พวก นางบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญญาและเส้นทางแห่งดวงดาว พวกเจ้าเห็นความแข็งแกร่งของ เทพธิดาหมิงห่าวแล้ว เทพธิดาอวี่ซิ่วกระทั่งแข็งแกร่งกว่านาง หลายวันก่อนเราเคยต่อสู้กับนาง
มาแล้ว”
“สําหรับเทพธิดาเฟิงหยา ดูเหมือนนางจะแข็งแกร่งที่สุด แต่นางไม่เคยเคลื่อนไหว นางกําลัง ทําความเข้าใจชั้นที่เก้าของถ้ำปีศาจคลั่ง”
ลั่วเว่ยหยินถอนหายใจ “วังสวรรค์เป็นกองกําลังอันดับหนึ่งของโลก รากฐานของพวกเขาลึก เกินหยั่งถึง หลังจากราชันมังกรเสียชีวิต พวกเขายังไม่ขาดตัวตนกึ่งระดับเก้า เทพธิดาทั้งสาม ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำปีศาจคลั่งมาตลอด นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าวังสวรรค์ให้ความสําคัญกับถ้ำ ปีศาจคลั่งมากเพียงใด”
ปิงชายฉวนกล่าวเสริม “นอกจากเทพธิดาทั้งสามยังมีฉินติงหลิง เมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ หอ พิพากษาปีศาจ และหอคอยดวงตาสวรรค์ ด้วยรากฐานของวังสวรรค์ มันไม่แปลกหากพวกเขาจะ น่าคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกมามากกว่านี้”
ลั่วเว่ยหยินกัดฟันแน่น “วังสวรรค์ย้ายสุสานอมตะส่วนหนึ่งมาที่นี่ หากผู้อมตะที่หลับใหลอยู่ใน สุสานอมตะตื่นขึ้นมา พวกเขาจะกลายเป็นกองทัพที่ยิ่งใหญ่”
“ถูกต้อง” ปิงชายฉวนสรุป “ฟางหยวน ลั่วเว่ยหยิน พวกเราต้องร่วมมือกัน มิฉะนั้นเราจะบังคับ ให้เทพอมตะกลุ่มดาวแสดงตัวได้อย่างไร? เราะจเอาชนะเทพธิดาทั้งสามได้อย่างไร? เราจะ
แน่ใจได้อย่างไรว่าเทพอมตะสวรรค์พิภพจะสามารถฟื้นคืนชีพ?”
ความตั้งใจของปิงชายฉวนชัดเจนมาก
ข้อได้เปรียบของวังสวรรค์ยิ่งใหญ่เกินไป หากพวกเขาไม่สามารถรักษาสถานการณ์ วังสวรรค์ จะได้รับชัยชนะก่อนที่เทพอมตะสวรรค์พิภพจะฟื้นคืนชีพ
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องร่วมมือกัน
ลั่วเว่ยหยินมองฟางหยวน ทั้งสองเห็นด้วยที่จะสร้างความร่วมมือ
ทุ่งปีศาจคลั่งกับปฐพีสีเหลืองหยุดต่อสู้และส่งกําลังออกไปโจมตีทุ่งบัวเขียว
แม้พวกเขาจะร่วมมือกันแต่ความร่วมมือยังค่อนข้างจํากัด
ฟางหยวนเสนอให้พวกเขาแลกเปลี่ยนมรดกที่แท้จริง เขาต้องการใช้มรดกที่แท้จริงของเหล่า
เทพแลกเปลี่ยนกับมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งโชคของเทพอมตะตะวันเดือด
อย่างไรก็ตามปิงชายฉวนปฏิเสธด้วยน้ำเสียงที่สุภาพแต่แน่วแน่
ฟางหยวนเสนอให้พวกเขาแลกเปลี่ยนทรัพยากรอมตะเขาต้องการทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งโชคแต่ปิงชายฉวนปฏิเสธเช่นกัน
กระทั่งผู้ใต้บังคับบัญชาของฟางหยวนก็ยังทําให้ปิงชายฉวนรู้สึกตกตะลึงแล้วฟางหยวนจะ
แข็งแกร่งขึ้นถึงระดับใด
ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้ำสวรรค์นิรันดรจะทําธุรกรรมกับฟางหยวนได้อย่างไร นั่นไม่ใช่การช่วยให้เขาเติบโตขึ้นอีกงั้นหรือ?
ด้วยการร่วมมือของฟางหยวนกับถ้ำสวรรค์นิรันดรสถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไป
อย่างไรก็ตามดูเหมือนวังสวรรค์จะทํานายเรื่องนี้ไว้แล้วแม้ศัตรูจะโจมตีอย่างเต็มกําลังแต่พวกเขายังสามารถปกป้องอาณาเขตของตนเองเอาไว้ได้อย่างมั่นคง
บางครั้งเทพธิดาหมิงห่าวและเทพธิดาอวี้ซิ่วจะออกมาต่อสู้ด้วยตนเองนั่นทําให้ฟางหยวนเห็นความแข็งแกร่งของเทพธิดาอวี่ซิ่วในที่สุด
เทพธิดาอวี่ซิ่วมีระบบการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมนางอาศัยความแตกต่างระหว่างระดับความสําเร็จของทั้งสองฝ่ายยิ่งความแตกต่างมากเท่าใด พลังโจมตีของนางก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของฟางหยวนไปถึงภูเขาตําราพวกเขาก็ไม่เคยไปถึงที่นั่นอีก
สถานการณ์กลายเป็นชะงักงัน วันเวลาค่อยๆผ่านไป
ผู้ใช้วิญญาณและผู้อมตะเสียชีวิตและถูกดูดซับโดยโลกทั้งสามใบ พื้นที่เชื่อมต่อระหว่างสามโลกกว้างใหญ่ขึ้น
วันนี้ที่ยอดเขาตารา
เทพธิดาอวี่ซิ่วรวบรวมผู้อมตะของวังสวรรค์มาที่นี่ “ตอนนี้ฟางหยวนและถ้ำสวรรค์นิรันดรร่วมมือกันแล้วมันสร้างแรงกดดันให้กับพวกเรามากขึ้นสุสานอมตะมีกําลังเสริมของเราจําศีลอยู่แต่ร่างแยกอู๋ส่วยของฟางหยวนก็ยังไม่ปรากฏถ้ำสวรรค์นิรันดรก็เก็บซ่อนความแข็งแกร่งเช่นกัน”“เนื่องจากสถานการณ์อยู่ในสภาวะชะงักงันโลกใบเล็กที่อยู่รอบๆจะเป็นกุญแจสู่ชัยชนะของเรา”
“โลกใบเล็กเหล่านี้อาจอ่อนแอแต่มันก็มีผู้อมตะหากพวกเขาร่วมมือกับเรา เราจะมีความได้เปรียบในการต่อสู้”
โจวซ่งซินถอนหายใจ “โลกใบเล็กเหล่านี้ยากที่จะบุกโจมตี เราพยายามมาหลายครั้งแล้วและได้รับชัยชนะไม่มาก มีผู้อมตะเพียงไม่กี่คนที่ตัดสินใจเข้าร่วมกับพวกเรา”
องค์ชายฟงเซียนกล่าวเสริม “ผู้อมตะเหล่านั้นขาดสติปัญญา นอกจากนี้พวกเขายังดื้อรั้นมากพวกเขาเกลียดชังโลกใบใหญ่ทั้งสามใบ พวกเขาคิดว่าการรวมโลกของพวกเขาเข้ากับโลกใบใหญ่จะทําให้บ้านเกิดของพวกเขาถูกทําลายพวกเขามีทัศนคติที่แน่วแน่”
เทพธิดาอวี่ซิ่วยิ้ม“ดังนั้นข้าจึงจะใช้ภูเขาตํารามอบบทเรียนให้กับพวกเขาไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้วิญญาณหรือผู้อมตะทุกคนสามารถเข้าร่วมเขา!”
“ท่านจะทําสิ่งใด?”หว่านซื่อหงถาม
เทพธิดาอวี่ซิ่วอธิบายรายละเอียดและทําให้การแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนไป
“ท่านหญิงอวี่ซิ่วมีวิธีการที่น่าเหลือเชื่อ!”
“ในกรณีนี้เราก็ไม่ต้องกังวลอีกว่าพวกเขาจะไม่เข้าร่วมกับพวกเราอย่างจริงใจ”
“พวกเขาช่างโชคดีนักที่มีโอกาสได้รับบทเรียนจากท่านหญิงอวี่ซิ่ว นี่ดีเกินไปสําหรับพวก
“ฮ่าฮ่าฮ่าพวกเขาเป็นเพียงเหยื่อสังเวย พวกเขาจะถูกบูชายัญในที่สุด การทําเช่นนี้ไม่มีอันตราย”
ผู้อมตะของวังสวรรค์พูดคุยกันด้วยบรรยากาศที่ผ่อนคลาย
เมืองจักรพรรดศักดิ์สิทธิ์
โลกภาพวาดสัตว์อสูรคาราม
ขอทานกลุ่มหนึ่งยืนอยู่รอบๆขอทานฟางตี้เฉิง พวกเขากําลังเผชิญหน้ากับช้างตัวใหญ่
มันเป็นช้างเผือกสีขาวบริสุทธิ์ ขาทั้งสี่ของมันราวกับภูเขาที่ไม่สามารถเคลื่อนย้าย
กลุ่มขอทานติดอยู่ในทางตันเป็นเวลานาน ขวัญกําลังใจของพวกเขาลดลงอย่างมาก
ขอทานฟางตี้เฉิงขมวดคิ้วลึก ‘อสูรปราณตัวนี้เกิดจากปราณคุณธรรมยิ่งเราต่อสู้กับมันนานเท่าใด เรายิ่งตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากเท่านั้น
อสูรปราณสามารถเกิดจากพลังปราณทุกชนิดและมีความสามารถที่แตกต่างกัน
แม้ขอทานฟางตี้เฉิงจะเป็นร่างแยกของฟางหยวนและแบ่งปันความสําเร็จกับร่างหลักแต่เขาสูญเสียร่างกายและดวงวิญญาณไปแล้ว ตอนนี้เขาเหลือเพียงเจตจํานงที่อาศัยอยู่ในวิญญาณขอทานเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่สามารถต่อต้านช้างเผือกที่เกิดจากพลังปราณคุณธรรมะ
โชคดีที่ช้างเผือกคุณธรรมไม่อาละวาดมันยืนนิ่งโดยไม่เคลื่อนไหว
“ข้ามาแล้ว!” ในที่สุดเฉินซานก็มาถึง
หลังจากก่าจัดศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเขาก็รีบให้ความช่วยเหลือขอทานฟางตี้เฉิง
เฉินซานต่อสู้กับช้างเผือกโดยใช้วิธีบนเส้นทางมนุษย์
แต่เมื่อเขากําลังจะกําจัดช้างตัวนี้ พื้นดินกลับเกิดการสั่นสะเทือน
อสูรปราณร่างวัวกระทิงนับหมื่นตัวพุ่งเข้ามาจากด้านหลัง
การแสดงออกของเฉินซานและขอทานฟางตี้เฉิงเปลี่ยนแปลงไป
ช้างเผือกกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกและรีบหลบหนี
เฉินซานไม่สนใจมัน เขาคว้าร่างขอทานฟางตี้เฉิงและวิ่งไปอีกทาง
พวกเขาพยายามเอาชีวิตรอดขณะเฝ้ามองฝูงวัวกระทิงทําลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้า
“อสูรปราณฝูงนี้มีจํานวนมากเกินไป ผู้ใดจะสามารถต่อต้านพวกมัน?” เฉินซานถอนหายใจขอทานฟางตี้เฉิงตอบ “ฝูงกระทิงกําลังวิ่งไปยังค่ายพักแรมที่อยู่ใกล้ที่สุดผู้ใดจะรู้ว่าผู้คนจะตกตายมากเพียงใด แต่ไม่ว่าอย่างไรค่ายนั้นก็ต้องถูกทําลาย”
เฉินซานพยักหน้า “เมื่อค่ายพักแรมถูกทําลายเราต้องล่าถอยกลับไปยังค่ายอื่นการสํารวจของเราจะยากลําบากมากขึ้น”