Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2167 จักรพรรดิรูปปั้นไม้
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2167 จักรพรรดิรูปปั้นไม้
ฝนพึ่งตกเมื่อไม่นานนี้ท้องฟ้าของภาคเหนือกลายเป็นสีขาวซีด
ผู้อมตะบินอยู่เหนือพื้นดินเพียงสามเมตรขณะตรวจสอบพื้นที่ด้านล่าง
ผู้อมตะผู้นี้เปลือยอก ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อเขามีใบหน้าธรรมดาจมูกโด่งริมฝีปากหนาและปลดปล่อยกลิ่นอายของบุรุษที่มีความพากเพียรออกมาเขามองทุ่งหญ้าสีเขียวและพบรอยแตกร้าวบนพื้น
ก่อนหน้านี้เขาสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติดังนั้นเขาจึงมาที่นี่เพื่อตรวจสอบ
ทันใดนั้นเงาสายหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาจากรอยแยกของพื้นดิน
“พบแล้ว!” ดวงตาของผู้อมตะส่องประกายขึ้นเขาบินลงไปราวกับนกอินทรีย์ที่ออกล่าเหยื่อ
“บึม!”
ผู้อมตะภาคเหนือพุ่งชนพื้นโดยตรงและทําให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่
“หือ?” ในเวลาต่อมา รูม่านตาของเขาก็หดเล็กลง
พื้นดินแยกออกและเผยให้เห็นร่างใหญ่โตที่ซ่อนอยู่ภายใน
มันดูคล้ายมังกรสีเหลือง
แต่เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน มันกลับไม่ใช่มังกรแต่เป็นต้นโสมขนาดมหึมาต้นโสนเคลื่อนที่ราวกับมังกร
“บึ้ม บึ้ม บึ้ม บึ้ม”
พื้นดินแตกออกอีกครั้งผู้อมตะภาคเหนือบินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าและเห็นร่างกายทั้งหมดของ
ต้นโสม รากโสมสีเหลืองโผล่ขึ้นมาเหนือพื้นดินทําให้ทุ่งหญ้ากลายเป็นป่ารากไม้จํานวนมากโจมตีผู้อมตะภาคเหนืออย่างบ้าคลั่ง
ร่างของผู้อมตะภาคเหนือกลายเป็นเงาสีเทาราวกับภาพลวงตา เขาสลับไปมาระหว่างร่างกายภาพกับร่างภูตผีทําให้การโจมตีของรากไม้กลายเป็นไร้ประโยชน์
ผู้อมตะภาคเหนือฉวยโอกาสปลดปล่อยท่าไม้ตายและตรึงรากไม้เอาไว้บนพื้น
“ดี!” ผู้อมตะภาคเหนือผู้นี้มีนามว่าอู๋กวงเขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งไม้ที่มีฉายาว่าจักรพรรดิรูปปั้นไม้
หลังจากสังเกตต้นโสมอยู่ชั่วครู่ดวงตาของเขาก็ส่องประกายขึ้น
โสมสีเหลืองต้นนี้เป็นสิ่งลึกลับกระทั่งผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไม้เช่นอู๋กวงก็ยังไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับมันมากนัก
แต่นี่เป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างธรรมดากระแสลมปราณทําให้ทรัพยากรทุกประเภทปรากฏขึ้นท่ามกลางพวกมันมีสิ่งลึกลับและแปลกประหลาดมากมาย
พืชอสูรบรรพกาลต้นนี้เป็นหนึ่งในนั้น
มันถูกค้นพบโดยจักรพรรดิรูปปั้นไม้อู๋กวงโดยบังเอิญ
โสมต้นนี้มีค่ามหาศาล หากอู๋กวงได้รับมันมันจะกลายเป็นแหล่งรายได้ที่สามารถทํากําไรระยะยาวแต่การปราบปรามมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายพืชอสูรบรรพกาลต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งทาส ในการกําหราบแต่นี่ไม่ใช่ความเชี่ยวชาญของอู๋กวงดังนั้นเขาจึงตัดสินใจฆ่ามันและเก็บเกี่ยวทรัพยากรอมตะอย่างไรก็ตามสถานที่แห่งนี้อยู่ในอาณาเขตของกองกําลังตระกูลฮวงจินหากพวกเขาค้นพบ
อู๋กวงที่เป็นผู้บ่มเพาะสันโดษจะไม่ได้รับสิ่งใด
ท่าไม้ตายอมตะการสลายตัวของไม้ที่ตายแล้ว!
อู๋กวงปลดปล่อยท่าไม้ตายของเขาและทําให้รากไม้จํานวนมากล้มลงบนพื้นทันที
“มันจบแล้ว” กวงยิ้มแต่ทันใดนั้นการแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนแปลงไป
“ครืน…”
วินาทีถัดมา พื้นดินเกิดการสั่นสะเทือนรากโสมจํานวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นอีกครั้งและยิ่งทรงพลังกว่าก่อนหน้า
“พืชอสูรบรรพกาลต้นนี้มีชีวิตอยู่มานับหมื่นปี มันเกือบกลายเป็นพืชอสูรแรกกําเนิดแล้ว!”อู๋กวงตกใจมาก
รากไม้พุ่งเข้าโจมตีอู๋กวงท่าให้เขาต้องหลบเลี่ยง
แต่ในจังหวะนี้วิญญาณอมตะป่าที่อาศัยอยู่ในต้นโสมกลับระเบิดพลังออกมาทําให้ความเร็วของอู๋กวงลดลงโดยพลัน
ในช่วงเวลาสําคัญอู๋กวงเปลี่ยนร่างเป็นเงาสีเทาอีกครั้งแต่รากไม้ยังโจมตีเขาอย่างต่อเนื่อง
“ไม่!” อู๋กวงรู้สึกถึงความตายที่ใกล้เข้ามาขณะที่พลังงานอมตะของเขาถูกใช้จ่ายไปอย่างรวดเร็วอู๋กวงตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
เขารู้สึกขมขื่น
“สายเกินไปที่จะเสียใจตอนนี้ข้าอู๋กวงกําลังจะตายด้วยน้ำมือของพืชอสูรบรรพกาล”
อู๋กวงรู้สึกสิ้นหวัง
“โฮก…”
ทันใดนั้นพยัคฆ์สีดําาที่ดุร้ายก็พุ่งเข้ามา
มันฉีกรากไม้ออกเป็นชิ้นๆอย่างง่ายดาย
“มันคือสัตว์อสูรบรรพกาลงั้นหรือ? ไม่เดี๋ยวนี่เป็นท่าไม้ตาย!”อู๋กวงจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้างเขาทั้งประหลาดใจและสงสัย
พยัคฆ์สีดาต่อสู้กับรากไม่ได้อย่างเท่าเทียม
“ครืน…”
วินาทีต่อมาพื้นดินก็สั่นสะเทือนอีกครั้ง
รากไม้ทั้งหมดร่วงลงบนพื้นและไม่ขยับเขยื้อนอีก
“อันใด?พืชอสูรบรรพกาลต้นนี้ถูกสังหารในครั้งเดียว!”อู๋กวงตกใจและกังวลมากอู๋กวงไม่ต้องคิดมากเขารู้ว่าผู้อมตะที่สังหารพืชอสูรบรรพกาลต้นนี้ต้องแข็งแกร่งมากเมื่ออู๋กวงรอดพ้นจากความตายเขาเห็นผู้อมตะในชุดคลุมเขียว
อู๋กวงรู้จักคนผู้นี้เขารีบป้องหมัดขึ้น“ดังนั้นก็เป็นเจ้าที่ช่วยชีวิตข้า เฉินเฉิง”
ผู้อมตะเฉินเฉิงโบกมือ “ข้าเพียงให้การสนับสนุน คนที่ช่วยชีวิตเจ้าคือเจ้านายของข้า”
“เจ้านาย?เจ้ากลายเป็นทาสของผู้ใด?”อู๋กวงตกใจอีกครั้ง
เป็นเพียงเวลานี้ที่ร่างหนึ่งบินขึ้นมาจากรอยแยกบนพื้น
อู๋กวงเบิกตากว้างเมื่อเห็นผู้อมตะหญิงที่สวมหน้ากากปิดใบหน้าครึ่งล่างของนางเอาไว้
คิ้วของนางแหลมคมดวงตาส่องประกายสว่างไสว นางสวมชุดเกราะสีทองด่าและปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงอํานาจออกมา
คนที่สังหารพืชอสูรบรรพกาลก็คือไห่ลั่วหลัน
“โฮก…”
พยัคฆ์สีดําคํารามและกระโดดกลับไปหาไห่ลั่วหลันก่อนจะกลายเป็นรอยสักอยู่บนร่างกายของนางมันคือท่าไม้ตายรอยสักพยัคฆ์ทมิฬ
อู๋กวงไม่เคยเห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับท่าไม้ตายเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นฉากนี้จึงทําให้เขารู้สึกตกใจมากขึ้นไห่ลั่วหลันมองอู๋กวง “ข้าช่วยเจ้าแล้ว เจ้าจะตอบแทนข้าอย่างไร?”
ร่างของอู๋กวงสั่นสะท้านขึ้นเขารีบแสดงความขอบคุณ“ข้าจะไม่ลืมหนี้ชีวิตในครั้งนี้!ข้าสงสัยว่าข้าสามารถทําสิ่งใดเพื่อท่านตราบเท่าที่ท่านบอกข้าข้าจะพยายามทําอย่างเต็มที่แต่ไห่ลั่วหลันกลับหัวเราะและมองไปที่เฉินเฉิง“ข้าเห็นว่าเจ้าคุ้นเคยกับเขาคนผู้นี้มีประโยชน์อย่างไร?”
เฉินเฉิงตอบ “นายท่านเรากําลังมุ่งหน้าไปยังเนินจันทร์เสี้ยวเพื่อท้าทายหยินอู๋ชิวคนผู้นี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเขาเขาสามารถนําทางให้เรา
อู๋กวงเร่งกล่าวเสริม“ข้าคุ้นเคยกับพี่หยินจริงๆแต่การท้าทาย…”
เฉินเฉิงยิ้มและอธิบาย“นายท่านประสบความสําเร็จในการฝึกฝน ท่านพึ่งออกจากการปิดประตูฝึกตนและต้องการท้าทายผู้เชี่ยวชาญของโลกใบนี้ ท่านต้องการต่อสู้กับอัจฉริยะข้าแพ้ท่านและกลายเป็คนรับใช้ของท่าน”
อู๋กวงสูดหายใจลึก“เป็นเช่นนั้น…”
เขาลังเล
หยินอู๋ชิวเป็นสหายที่ดีของเขาหากเขานําผู้เชี่ยวชาญผู้นี้ไปท้าทายสหายของตนไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรเขาก็ยังรู้สึกล่าบากใจ
แต่ไห่ลั่วหลันไม่สนใจความรู้สึกของอู๋กวงนางกล่าว“นําทางไป”
หัวใจของอู๋กวงสั่นสะท้าน
น้ำเสียงของไห่ลั่วหลันเต็มไปด้วยอํานาจและไม่ยอมให้เขาปฏิเสธ
อู๋กวงมั่นใจว่าหากเขาท้าทายนางเขาจะจบลงเหมือนพืชอสูรบรรพกาลก่อนหน้านี้
“โปรดตามข้ามา”เพื่อรักษาชีวิตของตนเองอู๋กวงต้องนําทางพวกเขามิติช่องว่างจักรพรรดิน้ำทะเลสีขาวถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบ
ท่ามกลางหมอกสีขาวเงาร่างมนุษย์เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
จิตใจของซื่อจงปั่นป่วนเขาสับสนและมึนงงบางครั้งเขาจมลงไปใต้น้ำบางครั้งเขาลอยอยู่ในหมอกสีขาว
เขาได้ยินเสียงเรียก “ซื่อจงเมื่อเจ้าตื่นแล้วเหตุใดไม่ออกมา?”
เขาติดตามเสียงสายนี้ไปและบินออกจากทะล
เขาอยู่ในร่างที่เปลือยเปล่าเมื่อออกจากทะลมนุษย์เขาก็สะดุ้งตกใจและฟื้นคืนสติทันที
เขามองหมอกสีขาวและทะลที่อยู่รอบๆก่อนจะตรวจสอบร่างกายของตน
เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ“ไม่ใช่ว่าข้าตายไปแล้วงั้นหรือ?”
“ซื่อจง เจ้าฟื้นคืนชีพขึ้นมาในทะเลมนุษย์ แต่เจ้าสูญเสียระดับการบ่มเพาะ เจ้ากลายเป็นคน
ธรรมดาและต้องเริ่มต้นบ่มเพาะใหม่อีกครั้ง”ผู้อมตะที่นําเขาออกมากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ซื่อจงมึนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะคุกเข่าลง
“ข้าสามารถฟื้นคืนชีพด้วยความเมตตาของนายท่าน!”ซื่อจงเงยหน้าขึ้นและตะโกนด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเพราะความตื่นเต้น