Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2172 กลายเป็นปีศาจ
เทพปีศาจหวนคืนบทที่ 2172 กลายเป็นปีศาจ
ถ้าปีศาจคลั่งชั้นที่แปด
โลกใบใหญ่และโลกใบเล็กหลอมรวมกันอย่างรวดเร็วภัยพิบัติทุกประเภทอาละวาดอย่างไม่หยุดยั้งการต่อสู้ระหว่างผู้อมตะด่าเนินไปอย่างร้อนแรงเช่นกัน
ผู้อ่อนแอเสียชีวิตจากคลื่นกระแทกของการปะทะระหว่างผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังกระทั่งผู้
แข็งแกร่งก็ไม่สามารถป้องกันตัวเองในการต่อสู้ที่วุ่นวายครั้งนี้ พวกเขาเหมือนเรือล่าเล็กที่เผชิญหน้ากับพายุใหญ่หากประมาทเพียงเล็กน้อยพวกเขาจะถูกพลิกคว่ําและเผชิญหน้ากับความตาย “อ่อนแออ่อนแอเกินไป”
“ผู้ใดสามารถหยุดข้า
“ตาย!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
ปู้เทียนกงยังยั่วยุศัตรูของมันอย่างต่อเนื่องมันพุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่หยุดยั้งไม่มีผู้ใดในสนามรบที่สามารถหยุดมัน
มันเป็นบุตรแห่งโชคของถ้ำปีศาจคลั่ง หลังจากได้รับความช่ายเหลือจากวังสวรรค์ความแข็งแกร่งของมันยิ่งเพิ่มมากขึ้น
เนี่ยกวงเฟิงและตวนหูก็เช่นกัน ทั้งสามเป็นผู้อมตะที่โดดเด่นที่สุดในสนามรบแห่งนี้ “เดรัจฉาน!อย่ายโสให้มากนัก!”สี่ผู้ใต้บังคับบัญชาระดับแปดของฟางหยวนปิดล้อมวานรหินปู่เทียนกงเอาไว้
ปู้เทียนกงรู้สึกถึงแรงกดดันแต่มันยังเลียริมฝีปากด้วยความตื่นเต้นและเผยแววตาที่ดุร้าย “ดีมาก พวกเจ้าเป็นผู้ใด?”
“ราชสีห์สายฟ้า!” นักรบราชสีห์สายฟ้ากล่าวขณะเปลี่ยนร่างเป็นนักรบร่างมนุษย์ศีรษะราชสีห์
“จ๋าไว้ว่าข้าคือนักรบราชสีห์ผู้ผดุงความยิตุธรรม!”นักรบราชสีห์อีกคนกล่าวขณะเปลี่ยนร่างเป็นนักรบร่างมนุษย์ศีรษะราชสีห์เช่นเดียวกับคนก่อนหน้า
“ข้าคือนักรบแรดเขาเหล็ก!” นักรบแรดเขาเหล็กกล่าวขณะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์แรด “ผีเสื้อน้ำแข็ง!” นักรบผีเสื้อน้ำแข็งกล่าวขณะที่ร่างกายของนางหดเล็กลงและกลายเป็นผีเสื้อร่างมนุษย์
ทั้งสี่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถต่อสู้ร่วมกันได้อย่างราบรื่นโดยไม่เกิดความขัดแย้งระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋านอกจากนี้พวกเขายังคุ้ยเคย กันดีเพราะทั้งสี่ล้วนมีต้นกําเนิดมาจากถ้ำสวรรค์นักรบอสูร
เดิมทีพวกเขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดแต่ด้วยความช่วยเหลือจากฟางหยวนพวกเขากลายเป็นผู้อมตะระดับแปดเรียบร้อยแล้ว
สี่นักรบอสูรพุ่งเข้าปิดล้อมและต่อสู้กับปู่เทียนกงอย่างห้าวหาญ
การต่อสู้ของพวกเขาดําเนินไปจนฟ้ามืดและดูราวกับพวกเขาจะสามารถต่อสู้ต่อไปจนกว่าท้องฟ้าจะสว่างอีกครั้ง
ปู้เทียนกงได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะที่การต่อสู้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
หมัด เท้า ศีรษะ ลำตัว เข่า ศอก ทุกส่วนในร่างกายล้วนเป็นอาวุธของปู่เทียนกงปู้เทียนกงส่งศัตรูบินออกไปทีละคน แต่นักรบอสูรทั้งสี่เป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงร่างกายของพวกเขาแข็งแกร่งมากแม้พวกเขาจะถูกส่งลอยกลับหลังพวกเขาก็ยัง
สามารถกลับมาได้อย่างรวดเร็ว นี่ทําให้ปู้เทียนกงรู้สึกกดดันมาก
การต่อสู้ของทั้งห้าเริ่มจากบนท้องฟ้าลงไปยังพื้นดินก่อนจะกลับขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง
ทุกคนที่อยู่บนเส้นทางการเคลื่อนที่ของพวกเขาต้องหลบออกไปทั้งหมด
“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม!”
“เข้ามาอีก เข้ามาอีก!”
ปู้เทียนกงรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ แรงบันดาลใจทุกประเภทพุ่งผ่านจิตใจของมันอุปสรรคที่เคยรู้สึกก่อนหน้านี้เริ่มคลี่คลายในช่วงเวลานี้
แรงกดดันจากภายนอกบีบเค้นศักยภาพของมัน
วานรหินดุร้ายขึ้นเรื่อยๆ เดิมทีมันยังไม่เชี่ยวชาญท่าไม้ตายที่วังสวรรค์มอบให้แต่ตอนนี้มันเชี่ยวชาญมากมันยังสามารถผสานท่าไม้ตายเหล่านั้นเข้ากับรูปแบบการต่อสู้ของตนเองได้อย่าง
กลมกลืน
“วานรหินตัวนี้น่ากลัว แม้พวกเราจะทํางานร่วมกัน แต่พวกเรากลับไม่สามารถสังหารมัน” นักรบราชสีห์สายฟ้าและคนอื่นๆรู้สึกกังวล
แม้พวกเขาจะเป็นฝ่ายปิดล้อมวานรหินแต่พวกเขารู้สึกเหมือนพวกเขากําลังพยายามหยุดภูเขาไฟจากการระเบิด
ภูเขาไฟลูกนี้กําลังสะสมกําลังเมื่อมันปะทุขึ้นมันจะทําให้โลกตกใจ
“เร็ว ฆ่ามัน!”
“ใช้วิธีการของนายท่าน ใช้ประโยชน์จากภัยพิบัติ!”
สี่นักรบอสูรลอบสื่อสารกัน
ตลอดมาท่าไม้ตายอมตะสวรรค์อิจฉาอัจฉริยะของฟางหยวนทําให้ภัยพิบัติโจมตีปู้เทียนกงเนี่ยกวงเฟิงและคนอื่นๆอย่างต่อเนื่อง
ภัยพิบัติพยายามหลอมรวมโลกใบใหญ่และโลกใบเล็กให้เป็นหนึ่งเดียว
ในกระบวนการนี้ทุ่งปีศาจคลั่งได้รับประโยชน์มากที่สุด
อย่างไรก็ตามมีโลกใบเล็กที่แยกตัวเป็นอิสระจากทุกสิ่งและดูโดดเด่นที่สุดท่ามกลางโลกใบ
เล็กทั้งหมด ไม่ว่าภัยพิบัติจะโจมตีมันอย่างไร มันก็ยังไม่สั่นไหว
มันคือพื้นที่ที่เก็บมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์!
โลกใบเล็กทั่วไปเหมือนฟองสบู่ทรงกลมขณะที่โลกใบเล็กที่เก็บมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจ
ปล้นสวรรค์มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมลูกบาศก์
ในวังสวรรค์แห่งโชค ผีดิบอมตะตะวันเดือดกําลังจ้องมองโลกทรงลูกบาศก์ใบนั้น
“ปีศาจต่างโลก” เขาก่นเสียงเย็น ความทรงจําผุดขึ้นในใจของเขาขณะที่การแสดงออกของเขาเปลี่ยนเป็นไม่พอใจ
ย้อนกลับไปเมื่อเทพอมตะตะวันเดือดยังเป็นเทพอมตะที่มีชีวิต เขามายังชั้นที่แปดของถ้ำ
ปีศาจคลั่งและเรียนรู้เกี่ยวกับการซ่อมแซมกําแพงมิติของสี่เทพ
เทพปีศาจปล้นสวรรค์เกือบทําให้โลกใบนี้ถูกทําลายด้วยความปรารถนาที่เห็นแก่ตัวของเขา
แม้เขาจะใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งห้วงมิติของตนเพื่อปิดผนึกรูช่องโหว่
เอาไว้ชั่วคราวแต่มันยังไม่สามารถแก้ปัญหาที่แท้จริง
เจตจํานงของอีกสามเทพทุ่มเททุกสิ่งและต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล
นอกจากเจตจํานงของเทพปีศาจไร้ขอบเขต เจตจํานงของเทพอมตะบัวสวรรค์และเทพปีศาจ
คลั่งถูกบังคับให้เข้าสู่การจําศีล
เทพอมตะตะวันเดือดฉวยโอกาสนี้กําจัดเจตจํานงของเทพปีศาจคลั่งและเข้ายึดครองทุ่งปีศาจคลั่ง
“ผู้ใดจะคิดว่าเทพปีศาจปล้นสวรรค์จะทิ้งมรดกที่แท้จริงนี้เอาไว้เบื้องหลังนอกเหนือจากการปิดผนึกรูช่องโหวของกําแพงมิติเขามีแรงจูงใจที่ลึกซึ้งเขาทิ้งมันไว้ให้ฟางหยวน!”
“อย่างไรก็ตามข้าดําเนินการล่วงหน้าและรื้อถอนมรดกที่แท้จริงส่วนหนึ่งของเขาข้าได้รับท่าไม้ตายอมตะที่สมบูรณ์แบบและวิญญาณเลียนแบบ”
พื้นที่เก็บมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ก็คือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งห้วงมิติของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ที่เขาเคยใช้ปิดผนึกรูช่องโหว่ของกําแพงมิติดังนั้นมันจึงเกิดข้อบกพร่องบางอย่างที่ทําให้เทพอมตะตะวันเดือดสามารถใช้ประโยชน์และฉกฉวยมรดกบางส่วน
“ตั้งแต่มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ปรากฏขึ้นด้วยการครอบครองโชคของตนเองฟางหยวนจะค้นพบว่านี่คือการเผชิญหน้าโดยบังเอิญของเขา”
“เขาจะไปที่นั่นอย่างแน่นอน”
“วังสวรรค์จะส่งกองทัพออกมาหยุดเขา”
“ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดยังเป็นวังสวรรค์!”
เทพอมตะตะวันเดือด บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งโชคในแง่ของการอนุมานเขายังไม่สามารถเปรียบเทียบกับผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่บนเส้นทางแห่งปัญญาที่แท้จริง
ผีดิบอมตะตะวันเดือดตัดสินใจเฝ้ามองความขัดแย้งระหว่างฟางหยวนกับวังสวรรค์และรอเวลา
ที่เหมาะสมเพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์แต่สิ่งสําคัญที่สุดยังเป็นการจัดการวังสวรรค์ยอดเขาต่ารา
เทพธิดาอวี่ซิ่ว ฉินติงหลิง และคนอื่นๆมองไปยังพื้นที่เก็บมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์
“มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ปรากฏขึ้นแล้วในอดีต มันสามารถปิดผนึกรูช่องโหว่ของกําแพงมิติดังนั้นมันจะไม่ถูกทําลายโดยภัยพิบัติเหล่านี้เราต้องรีบจัดการ มันเป็นอุปสรรคของเรา” เทพธิดาอวี่ซิ่วกล่าว
“หือ?” ทันใดนั้นฉินติงหลิงพลันได้รับข้อมูลสําคัญนางรีบกล่าว “สายสืบของเราในปฐพีสี
เหลืองกล่าวว่าฟางหยวนเดินทางไปยังพื้นที่เก็บมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์แล้วแต่ถ้าสวรรค์นิรันดรยังนิ่งเฉย พวกเขาไม่ได้เคลื่อนไหว”
เทพธิดาอวี่ซิ่วไม่แปลกใจ“แน่นอนว่าเขาต้องไปเทพปีศาจปล้นสวรรค์ทิ้งมรดกที่แท้จริงนี้ไว้เพื่อเขาสําหรับผีดิบอมตะตะวันเดือดที่อยู่ในวังสวรรค์แห่งโชเขาจะไปที่นั่นเช่นกัน”
หลังจากนั้นเทพธิดาอวี่ซิ่วก็เผยรอยยิ้ม“ฉินติงหลิง”
“ข้าอยู่นี่” ฉินติงหลิงตอบ
“ไปกันเถอะเราจะไปหาฟางหยวนและผีดิบอมตะตะวันเดือด”เทพธิดาอวี่ซิ่วค่อยๆลุกขึ้นยืนความตื่นเต้นปรากฏขึ้นในดวงตาของฉินติงหลิงนางกล่าวด้วยความลังเล“เราไม่ต้องสนใจการจัดเตรียมของเทพปีศาจไร้ขอบเขตอีกแล้วงั้นหรือ?”
“อย่ากังวล พื้นที่ของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการจัดเตรียมของเทพปีศาจไร้ขอบเขตเขาต้องการให้เราทําลายมันหรือให้ฟางหยวนรับสืบทอดมรดกนี้เพื่อทําให้มันหายไป
เพราะสิ่งนี้เป็นอุปสรรคต่อเป้าหมายของเขา เทพปีศาจไร้ขอบเขตจะยินดีหากเราสามารถทําลายมัน” เทพธิดาอวี่ซิ่วตอบกลับ
ด้วยเหตุนี้กองกําลังของวังสวรรค์จึงเริ่มเคลื่อนไหว
เมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์นําเทพธิดาอวี่ซิ่วฉินติงหลิงและคนอื่นๆออกจากภูเขาตํารา
ในเวลาเดียวกันหอพิพากษาปีศาจนําเทพธิดาหมิงห่าวและฟางเจิ้งออกไปเป็นแนวหน้ากองทัพของโลกใบใหญ่ทั้งสามยังต่อสู้กันอย่างไม่หยุดยั้ง
ท่าไม้ตายอมตะวายุใบมีดสีเขียว!
ใบไม้จํานวนนับไม่ถ้วนราวกับใบมีดหมุนวนอยู่รอบตัวเนี่ยกวงเฟิง
เนี่ยกวงเฟิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและพุ่งเขาหาศัตรูโดยตรง
เซียวเหอเจี้ยนกัดฟันและมองเนี่ยกวงเฟิงที่ใกล้เข้ามาด้วยความรู้สึกกดดัน
เขาต่อสู้กับเนี่ยกวงเฟิงมานานแล้ว
แม้ท่าไม้ตายอมตะสวรรค์อิจฉาอัจฉริยะจะสามารถหยุดยั้งเนี่ยกวงเฟิงแต่มันไม่สามารถกําจัดเป้าหมายเนิ่นกวงเฟิงได้รับความช่วยเหลือจากวังสวรรค์และสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วตอนนี้มันกําลังปฏิบัติต่อเซียวเหอเจี้ยเช่นเหยื่อของตน
“ตาย!” เนี่ยกวงเฟิงตะโกน
“เจ้าตกหลุมพรางแล้ว!” ในช่วงเวลาสําคัญสองร่างปรากฏขึ้นด้านข้างเซียวเหอเจี้ยน
หนึ่งคือผู้อมตะเผ่ามนุษย์จิ๋วนักพรตป่าเขียวอีกหนึ่งคือราชาตั๊กแตนทมิฬจากถ้ำสวรรค์ตั๊กแตนยักษ์ทั้งสองต่างบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งไม้ทั้งสามร่วมมือกัน นั่นทําให้พลังการต่อสู้ของพวกเขาเพิ่มขึ้นทันที
พายุใบไม้กลายเป็นเถาวัลย์จํานวนนับไม่ถ้วนมัดเนี่ยกวงเฟิงเอาไว้อย่างแน่นหนา
เนี่ยกวงเฟิงมีร่างกายเป็นพายุหมุนแต่มันยังถูกมัดด้วยเถาวัลย์เหล่านี้
เถาวัลย์ยังขัดขวางการใช้พลังงานอมตะของมันนี่ทําให้ท่าไม้ตายของมันเริ่มไม่มั่นคง
“อย่า…บังคับข้า” เนี่ยกวงเฟิงดิ้นรนแต่มันยังอ่อนแอลงเรื่อยๆ
“ในที่สุดเราก็จับชายผู้นี้ได!”ราชาตั๊กแตนทมิฬดีใจมาก
สามผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไม้มองหน้ากันและแสดงออกด้วยความยินดี
เซียวเหอเจี้ยนมีความสุขที่สุดเพราะจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งเคยพ่ายแพ้ให้กับเนี่ยกวงเฟิงขณะที่เขาสามารถเอาชนะดังนั้นมันก็เหมือนกับเซียวเหอเจี้ยนสามารถเอาชนะจักรพรรดิผลึกน้ำแข็ง
แต่ในจังหวนะนี้กลิ่นอายของเนี่ยกวงเฟิงกลับเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด
เถาวัลย์กลายเป็นกรงขังขนาดใหญ่ขณะที่เสียงของเนี่ยกวงเฟิงดังออกมาจากภายใน “ข้าจะทําลายล้างทุกสิ่ง…ทุกครั้งที่ข้าตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง ข้าจะกลายเป็นปีศาจ”
ล้าง!”
“ข้าไม่ต้องการสร้างปีศาจเพราะเมื่อปีศาจปรากฏตัวข้าจะหมดสติจนกว่าทุกสิ่งจะถูกทําลาย
“แต่พวกเจ้าบังคับข้า พวกเจ้าบังคับข้า…”
“อ๊าก…”