Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2185 ฟางหยวนเข้าสู่แดนแรกกําเนิด
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2185 ฟางหยวนเข้าสู่แดนแรกกําเนิด
กลุ่มของมนุษย์คนแรกมาถึงริมแม่น้ํา
มนุษย์คนแรกสังเกตก่อนจะชี้นิ้วไปยังน้ําแข็งลอย “น้ําแข็งลอยเหล่านี้ไม่ใหญ่ไม่เล็กและมีพื้นผิวราบเรียบ เราสามารถเหยียบพวกมัน”
ต้าลี่เจิ้นอู่กล่าว “แต่พวกมันเล็กเกินไปสําหรับพวกเราสามคน”
เซียวเหยาจื่อซินส่ายศีรษะ “น้ําแข็งลอยเหล่านี้ค่อนข้างใหญ่แต่มีหนาน แหลมอยู่มากมาย พวกมันจะแทงเท่าของเรา”
แม้ความจริงจะมีหนึ่งเดียว แต่การมองผ่านมุมมองของผู้คนที่ต่างกัน พวกเขา ก็จะเห็นสิ่งที่แตกต่างกันไป
กลุ่มของมนุษย์คนแรกพูดคุยกันก่อนที่พวกเขาจะเลือกน้ําแข็งลอยบางก่อนและเหยียบลงไป
เมื่อมนุษย์คนแรกเหยียบน้ําแข็งลอยก้อนนี้ เขาร้องไห้และหอบหายใจอย่าง หนักหน่วง ต้าลี่เจิ้นอู่คํารามด้วยความโกรธ ขณะที่เซียวเหยาจื่อซินหัวเราะอย่าง มีความสุข
ความจริงเดียวกันกลับทําให้ผู้คนรู้สึกแตกต่าง
มนุษย์คนแรกและลูกๆของเขาต้องอดทนกับมัน
“น้ําแข็งลอยทุกก้อนที่อยู่ในสายธารแห่งกาลเวลาคือความจริงที่เย็นเยียบ
และเงียบเชียบที่สุด แต่มนุษย์มีหัวใจ เรามีอารมณ์ความรู้สึกเมื่อตระหนักถึง ความจริงบางอย่าง พวกมันจะสร้างสถานการณ์ที่แตกต่างกันสําหรับแต่ละคน”เซียวเหยาจื่อซินหวนนึกถึงความรู้ที่อยู่ในใจของนาง
น้ําแข็งลอยรองรับน้ําหนักของพวกเขาอยู่ชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆหดตัวและจมลงใต้น้ํา
“กระโดดไปยังน้ําแข็งก้อนถัดไป” มนุษย์คนแรกชี้นิ้วไปด้านซ้ายตรงหน้าของเขา
ก่อนที่น้ําแข็งใต้เท้าของทั้งสามจะจมลงไปใต้น้ํา พวกเขาก็กระโดดไปยังน้ําแข็งลอยก้อนที่สอง
พวกเขาเกิดความรู้สึกที่แตกต่างกันอีกครั้ง ยิ่งพวกเขายืนอยู่นานเท่าใด อารมณ์ที่เกิดขึ้นก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น
“ข้าทนไม่ไหวแล้ว ข้ารู้สึกแย่มาก” มนุษย์คนแรกจับหัวใจของเขาและกล่าว “กระโดดไปยังน้ําแข็งลอยก้อนต่อไปกันเถอะ”
ในไม่ช้าเซียวเหยาจื่อซินก็เปิดปากกล่าว “ข้าไม่สามารถอดทนต่อ สถานการณ์นี้ได้อีก ข้ารู้สึกแย่มาก ข้ากระทั่งรู้สึกอยากตาย”
กลุ่มสามคนของมนุษย์คนแรกกระโดดไปยังน้ําแข็งลอยก้อนต่อไป
ไม่ว่าพวกเขาจะพบความจริงเรื่องใด พวกเขาก็ทําได้เพียงกัดฟันอดทนและยอมรับมันเท่านั้น แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความทุกข์ทรมานที่อยู่ในหัวใจ
หากหัวใจทนไม่ไหว คนผู้นั้นจะไม่สามารถก้าวต่อไปข้างหน้า
หลังจากเปลี่ยนน้ําแข็งลอยหลายก้อน ต้าลี่เจิ้นอู่อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด “ข้ายังสบายดี”
วิญญาณความเข้มแข็งตะโกนด้วยความภาคภูมิใจ “มีสถานการณ์มากมายเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ แต่คนที่เข้มแข็งจะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆได้ดีกว่าคน อ่อนแอ”
วิญญาณความอดทนกรีดร้อง “นี่เป็นความดีความชอบของข้าเพราะข้าช่วยเจ้าตั้งแต่เริ่มต้น”
ทันใดนั้นวิญญาณสองดวงก็เติบโตขึ้นบนฝ่ามือของเซียวเหยาจื่อซิน
วิญญาณที่อยู่บนฝ่ามือข้างซ้ายของนางเรียกว่าวิญญาณดี วิญญาณที่อยู่บนฝ่ามือข้างขวาของนางเรียกว่าวิญญาณเลวร้าย
“มนุษย์ เราสามารถช่วยเจ้าแยกแยะสถานการณ์ที่ดีและสถานการณ์เลวร้าย”
วิญญาณดีและวิญญาณเลวร้ายกล่าวพร้อมกัน
ดังนั้นด้วยความช่วยเหลือจากวิญญาณดีและวิญญาณเลวร้าย กลุ่มของมนุษย์ คนแรกจึงสามารถเลือกน้ําแข็งลอยที่ทําให้พวกเขาพบกับสถานการณ์ที่ดี
ทั้งสามรู้สึกมีความสุขเมื่อยืนอยู่บนน้ําแข็งลอย
เมื่อนําแข็งลอยเริ่มจม สถานการณ์ดีกลายเป็นเลวร้าย ทั้งสามจึงกระโดดไป ยังน้ําแข็งก้อนลอยก้อนต่อไป
พวกเขาก้าวไปบนน้ําแข็งลอยที่ทําให้พวกเขารู้สึกมีความสุข เมื่อพวกเขารู้สึก มีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาก็ไม่ต้องการจากไปอีก นั่นทําให้พวกเขาจมลง ไปใต้น้ําพร้อมกับน้ําแข็งลอย
ถ้ําปีศาจคลั่ง ชั้นที่แปด
แดนซี่!
แดนหู!
แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพทั้งสองปล่อยแสงสีขาวออกมาและหลอมรวมเป็นหนึ่ง มันก่อตัวเป็นเสาแสงแนวนอนที่เชื่อมต่อกัน
“ขั้นตอนสุดท้าย” ฟางหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตาย
วังวนแสงก่อตัวขึ้น ณ จุดศูนย์กลางของเสาแสงก่อนที่มันจะพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และสัมผัสกับพื้นผิวของแดนแรกกําเนิด
ฟางหยวนเคลื่อนที่ไปตามวังวนแสงและเข้าสู่แดนแรกกําเนิด
“อัศจรรย์นัก! แดนแรกกําเนิดอยู่ระหว่างแดนซี่กับแดนหู ด้วยการใช้แดน ศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพทั้งสอง เขาสามารถเข้าสู่แดนแรกกําเนิดได้จริงๆ”ลั่วเว่ยหยินยกย่องและรีบตามฟางหยวนเข้าไปในแดนแรกกําเนิด
ด้านหลังเขายังมีเจิ้งปู้ตู่ ปีศาจอมตะฉีเจีย และบรรพชนทะเลปราณ
หลังจากผู้อมตะเหล่านี้เข้าสู่แดนแรกกําเนิด วังวนแสงก็สลายตัวไปอย่าง
รวดเร็วและสร้างความผิดหวังให้แก่ผู้อมตะคนอื่นๆเป็นอย่างมาก
ฟางหยวนลอยนิ่งอยู่ในแดนแรกกําเนิดด้วยคิ้วที่ขมวดลึก
ทันทีที่เขาเข้ามา เขาได้รับแรงบันดาลใจมากมาย
แต่นี่ไม่ใช่กระบวนการตามธรรมชาติ มันเหมือนการบังคับยัดเยียดบางสิ่งเข้าสู่จิตใจของฟางหยวนและทําให้เขารู้สึกเจ็บปวด
มันเป็นความเจ็บปวดทางจิตใจ
เขารู้สึกราวกับคลื่นยักษ์กําลังปะทุขึ้นในใจของเขาและเคลื่อนที่ไปมาอย่างเกรี้ยวกราด
ความสําเร็จเป็นเรื่องยากที่จะยกระดับ แต่การเข้าสู่แดนแรกกําเนิดทําให้ระดับ ความสําเร็จของฟางหยวนก้าวหน้าขึ้นอย่างผิดปกติ สิ่งนี้ขัดต่อกฎของธรรมชาติ
ฟางหยวนกัดฟันอดทน
ไม่ปรากฏร่องรอยของเทพอมตะกลุ่มดาวและผีดิบอมตะตะวันเดือดที่เข้ามาก่อนหน้านี้ แต่ฟางหยวนไม่สนใจ เขาเร่งตรวจสอบร่างกายของตนและตระหนักถึงบางสิ่ง
“ระดับความสําเร็จหลากหลายเส้นทางของข้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว! เส้นทางแห่งการหลอมรวมเป็นหนึ่งในนั้น แต่ความก้าวหน้าที่รวดเร็วที่สุดคือเส้นทางแห่งกฎ”
ฟางหยวนไตร่ตรองและเริ่มย้ายตําแหน่ง
เขาใช้วิธีการบางอย่างที่ทําให้เขาสามารถบินได้อย่างอิสระในแดนแรกกําเนิด
ทุกที่ที่เขาบินผ่าน แดนแรกกําเนิดจะแตกสลายไป
หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง
แม้แดนแรกกําเนิดจะเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ แต่มันเปราะบางมาก
ฟางหยวนไม่ได้โจมตีมัน เพียงการครอบครองร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจํานวนมหาศาลก็ทําให้แดนแรกกําเนิดไม่สามารถอดทนแล้ว
โชคดีที่ก่อนที่พื้นที่เหล่านั้นจะพังทลาย มันมอบระดับความสําเร็จให้ฟางหยวนเรียบร้อยแล้ว
ฟางหยวนรู้สึกถึงความเร่งด่วน
“ข้าต้องหาเส้นทางที่ถูกต้องโดยเร็ว”
“หากพื้นที่ที่มีความเข้าใจบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมถูกทําลาย มันจะแย่มาก!”
ฟางหยวนไม่คุ้นเคยกับแดนแรกกําเนิด แต่ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาทําให้เขาเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
แดนแรกกําเนิดเต็มไปด้วยความรู้ความเข้าใจในทุกเส้นทาง ผู้บ่มเพาะสามารถใช้ประโยชน์จากมัน
ฟางหยวนก้าวไปข้างหน้าเพื่อค้นหาพื้นที่ที่เก็บความรู้บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเอาไว้มากที่สุด
ในไม่ช้าเขาก็พบตําแหน่งที่มีความรู้บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมอยู่อย่างหนาแน่น
แม้เขาจะรู้สึกเจ็บปวดแต่เขาก็มีความสุขและยิ่งกระหายมากขึ้น
มันเป็นความกระหายความรู้
“ไม่แปลกใจเลยที่มนุษย์คนแรกไม่พอใจแม้จะได้รับความรู้มากมาย เขายัง
ต้องการรับความรู้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆกระทั่งจิตใจของเขาถึงขีดจํากัดและระเบิดออกมา”
ฟางหยวนรู้สึกเช่นเดียวกันกับมนุษย์คนแรก
“เกือบแล้ว!” ฟางหยวนรู้สึกเจ็บปวดแต่ใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยความสุข
สัญชาตญาณบอกเขาว่าความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของเขากําลังจะบรรลุระดับปรมาจารย์สูงสุด
“ครืน…”
แต่ในจังหวะนี้แดนแรกกําเนิดกลับเกิดการสั่นสะเทือน พื้นที่ขนาดใหญ่เริ่มพังทลายลง
ระดับความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของฟางหยวนหยุดเพิ่มขึ้น
ทันที
“ตะวันเดือด! กลุ่มดาว!” ดวงตาของฟางหยวนกลายเป็นเย็นเยียบเมื่อมองเห็นคนทั้งสอง
เขาเห็นผีดิบอมตะตะวันเดือดและเทพอมตะกลุ่มดาวกําลังต่อสู้กันอยู่ห่างออกไป
พวกเขาเลือกสถานที่ต่อสู้ได้ดีจริงๆเพราะมันเป็นพื้นที่หลักของเส้นทางแห่งการหลอมรวม
เมื่อพื้นที่ส่วนนี้ถูกทําลาย ฟางหยวนจะไม่สามารถยกระดับความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม
ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ฟางหยวนค้นหาจุดอ่อนของถ้ําสวรรค์นิรันดรและวัง สวรรค์ ในทํานองเดียวกันรายละเอียดเกี่ยวกับเขาก็ถูกสังเกตเห็นโดยผีดิบอมตะตะวันเดือดและเทพอมตะกลุ่มดาว
พวกเขารู้ว่าฟางหยวนต้องการยกระดับความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม
เมื่อพวกเขามาถึงแดนแรกกําเนิด พวกเขาจะไม่ทําสิ่งใดได้อย่างไร
ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะต่อสู้กันในสถานที่แห่งนี้เพื่อทําลายอนาคตของฟางหยวน!
เทพอมตะกลุ่มดาวมองเห็นร่างหลักของฟางหยวนและชี้นิ้วไปที่เขาทันที
แสงดาวหลายร้อยสายพุ่งเข้าหาฟางหยวน
ฟางหยวนค่ารามและปลดปล่อยแสงเจ็ดสีออกมา
ท่าไม้ตายอมตะรุ้งเจ็ดสีสังหาร!
แสงสีเหลืองคือเส้นทางแห่งโลหะ แสงสีเขียวคือเส้นทางแห่งไม้ แสงสีฟ้าคือ
เส้นทางแห่งวารี แสงสีแดงคือเส้นทางแห่งไฟ แสงสีน้ําตาลคือเส้นทางแห่ง ปฐพี แสงสีครามคือเส้นทางแห่งวายุ และแสงสีน้ําเงินคือเส้นทางแห่งสายฟ้า แสงทั้งเจ็ดสีหมุนวนและพุ่งออกไปข้างหน้าเหมือนสว่าน
“บึม!”
สายรุ้งทําลายแสงดาวส่วนใหญ่และพุ่งต่อไปยังเทพอมตะกลุ่มดาว
แสงดาวส่องประกายขึ้นบนร่างของเทพอมตะกลุ่มดาวและปิดกั้นการโจมตีนี้แต่นางยังเดินโซเซขณะที่ใบหน้าเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจ
“นี่คือท่าไม้ตายชนิดใด?”
แน่นอนว่ามันเป็นท่าไม้ตายผสม
รุ้งเจ็ดสีสังหารถูกดัดแปลงและพัฒนามาจากท่าไม้ตายผสมเดิมหลังจากความสําเร็จบนเส้นทางสายต่างๆของฟางหยวนยกระดับขึ้น
มันเป็นเรื่องยากที่เทพอมตะกลุ่มดาวจะป้องกันท่าไม้ตายเช่นนี้
เพื่อป้องกันท่าไม้ตายนี้ นางต้องคํานึงถึงเส้นทางแห่งโลหะ เส้นทางแห่งไม้เส้นทางแห่งวารี เส้นทางแห่งไฟ เส้นทางแห่งปฐพี เส้นทางแห่งวายุ และเส้นทางแห่งสายฟ้า
หลังจากทั้งหมดท่าไม้ตายอมตะรุ้งเจ็ดสีสังหารเป็นการหลอมรวมพลังอํานาจและจุดเด่นของเส้นทางเจ็ดสายให้เป็นหนึ่งเดียว
ด้วยการแลกเปลี่ยนกระบวนท่าเพียงครั้งเดียว เทพอมตะกลุ่มดาวตระหนักถึงความยากลําบากในการต่อสู้กับฟางหยวนทันที
ด้านหนึ่งคือความยากลําบากในการป้องกันท่าไม้ตายผสม อีกด้านหนึ่งคือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจํานวนมหาศาลของฟางหยวน
เขามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามากเกินไป กระทั่งเทพอมตะกลุ่มดาวเมื่อครั้งยังมีชีวิตก็ยังไม่สามารถแข่งขันกับเขาโดยไม่ต้องกล่าวถึงตัวนางที่พึ่งฟื้นคืนชีพ
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของเทพอมตะกลุ่มดาวในปัจจุบันได้รับมาจากรากฐานของเทพธิดาทั้งสาม
แต่เห็นได้ชัดว่ามันด้อยกว่าฟางหยวนมาก