Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2193 การตื่นขึ้นของเทพปีศาจ
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2193 การตื่นขึ้นของเทพปีศาจ
ฟางหยวนนึกถึงโชคของเขา
เมฆสีดําาที่เป็นตัวแทนของเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกเมฆแสงดาวกลืนกิน
‘ลองดูอีกครั้ง’ ฟางหยวนกระตุ้นใช้งานหม้อปรุงโชค
โชคเสาแสงสีเงินของเขาหดตัวลงเล็กน้อย ฝุ่นรอบๆฐานของเสาแสงหนา แน่นขึ้นเรื่อยๆ สําหรับเมฆทั้งสามก้อนที่ลอยอยู่ด้านบน เมฆแสงดาวและเมฆสี ด่าแทบจะรวมกันเป็นหนึ่ง เมฆสีทองของเทพอมตะตะวันเดือดถูกกดลงมาด้านล่าง
เมฆแสงดาวและเมฆสีดําเริ่มกัดกร่อนเสาแสงสีเงินของฟางหยวนแล้ว
การเปลี่ยนแปลงนี้บ่งชี้ถึงปัญหาอย่างชัดเจน
“วังสวรรค์เตรียมการมากมายไว้ในถ้ําปีศาจคลั่ง ตอนนี้ดูเหมือนเทพปีศาจจิต วิญญาณจะกลายเป็นพันธมิตรของเทพอมตะกลุ่มดาว’
‘สถานการณ์ปัจจุบัน วังสวรรค์มีความได้เปรียบมากเกินไป
‘มีโอกาสสูงมากที่เทพอมตะกลุ่มดาวจะเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย’
ก่อนหน้านี้มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์เป็นปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อเสาแสงสีเงิน
แต่ตอนนี้มันไม่มีอยู่อีกต่อไป
แท้จริงแล้วในระดับของฟางหยวนมีปัจจัยภายนอกน้อยมากที่สามารถส่งอิทธิพลต่อเขาและการต่อสู้ในถ้ําปีศาจคลั่ง
มีเพียงปัจจัยภายนอกเช่นมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์เท่านั้นที่ทําได้
‘ดูเหมือนข้าต้องพึ่งพาตัวเองในสถานการณ์นี้’ ฟางหยวนตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว
แสงสีรุ้งส่องประกายขึ้นบนร่างของเขา
จากนั้นแสงสีรุ้งยังเชื่อมต่อไปถึงบรรพชนทะเลปราณและเจิ้งปู้ตู้อีกด้วย
“สิ่งนี้จะช่วยปกป้องพวกเจ้าเมื่อพวกเราเข้าไปในประตูแห่งชีวิตและความ
ตาย” ฟางหยวนกล่าวกับลั่วเว่ยหยิน เฉินซาน และปีศาจอมตะฉีเจีย
ปีศาจอมตะฉีเจียยิ้ม “ข้ามีวิธีของตนเอง”
เฉินซานและลั่วเว่ยหยินพยักหน้าและรับการปกป้องจากแสงสีรุ้ง
อีกด้านหนึ่ง ผีดิบอมตะเก็บแท่นบูชาแห่งโชคไว้ในมิติช่องว่างของเขา
ร่างกายของเขาเรืองแสงสีทองออกมา
เขามองไปยังเหนือศีรษะของฟางหยวน
ผู้อมตะทั่วไปไม่สามารถมองเห็นหม้อปรุงโชคที่ซ่อนอยู่ แต่ผีดิบอมตะตะวันเดือดเป็นผู้สร้างมันขึ้นมา เขาสามารถสัมผัสถึงการคงอยู่ของมัน
กลิ่นอายของหม้อปรุงโชคสร้างความประหลาดใจให้กับผีดิบอมตะตะวันเดือด
แต่เมื่อนึกถึงการต่อสู้ที่ผ่านมาและความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม ของฟางหยวน ผีดิบอมตะตะวันเดือดจึงไม่รู้สึกแปลกใจ
ทั้งสองฝ่ายใช้วิธีของตนและพุ่งเข้าสู่ประตูแห่งชีวิตและความตาย
ด้านหลังประตูแห่งชีวิตและความตายเป็นฉากสีดําที่กว้างใหญ่
เมื่อฟางหยวนและคนอื่นๆเข้ามา มันเหมือนคบเพลิงจํานวนมากที่ถูกจุดขึ้น ท่ามกลางความมืดมิด สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของอสูรวิญญาณจํานวนนับไม่ถ้วนทันที
ฝูงอสูรวิญญาณเริ่มโจมตีขณะที่ฟางหยวนและคนอื่นๆถูกบังคับให้ป้องกันตัว
“อสูรวิญญาณมากมายนัก!” เฉินซานประหลาดใจ
“นี่เป็นสถานที่ที่มีอสูรวิญญาณมากที่สุดในโลก มันอาจมีมากกว่าร้อยล้าน
ตัว!” ลั่วเว่ยหยินกล่าวขณะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายสร้างกําแพงดินขึ้นมา
“มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณมากเกินไป ท่า
ไม้ตายของข้ามีพลังไม่ถึงแม้แต่ห้าสิบส่วน!” ใบหน้าของปีศาจอมตะฉีเจียซีดลง เล็กน้อยหลังจากทดลองใช้ท่าไม้ตายหลายครั้ง
ฝูงอสูรวิญญาณจํานวนมหาศาลพุ่งเข้าหากลุ่มของฟางหยวนราวกับคลื่นยักษ์ที่ต้องการกลืนกินพวกเขาเข้าไป
“เทพอมตะกลุ่มดาวอยู่ที่ใด?” บรรพชนทะเลปราณถาม
“หากเทพอมตะกลุ่มดาวซ่อนตัวอยู่ที่นี่ เราจะพบนางได้อย่างไร?” เจิ้งปู่ดู่
ขมวดคิ้ว
ผีดิบอมตะตะวันเดือดและฟางหยวนยังไม่โจมตี พวกเขาใช้ทุกวิธีเพื่อตรวจ
สอบและค้นหาร่องรอยของเทพอมตะกลุ่มดาว
แต่หลังจากไม่นานพวกเขาก็ต้องยอมแพ้
พวกเขาล้มเหลว!
“ในกรณีนี้…” ผีดิบอมตะตะวันเดือดระเบิดแสงสีทองออกมาจากร่าง
ราวกับดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้นท่ามกลางความมืดมิด อสูรวิญญาณจํานวนนับไม่ ถ้วนละลายราวกับน้ําแข็งโดยไม่แม้แต่จะสามารถกรีดร้อง
กลุ่มผู้อมตะตกตะลึง
“คนผู้นี้!” ดวงตาของเฉินซ่านเบิกกว้าง เขาพึ่งตระหนักถึงตัวของผีดิบอมตะ ตะวันเดือด
ท่าไม้ตายนี้มีพลังเหนือกว่าท่าไม้ตายอมตะลมหายใจออกของบรรพชนทะเลปราณ
ฟางหยวนหรี่ตามองและรู้สึกประหลาดใจ
ตั้งแต่การต่อสู้ในถ้ําปีศาจคลั่งเริ่มขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นผีดิบอมตะตะวัน เดือดโจมตีอย่างจริงจัง สําหรับฟางหยวน เส้นทางแห่งโชคเป็นส่วนสนับสนุน แต่สําหรับผีดิบอมตะตะวันเดือด เขาสามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งโชคได้ทุกแง่มุม ตอนนี้มันกําลังแสดงพลังอํานาจอันน่าสะพรึงกลัวในแง่ของการโจมตีออกมา
สนามรบในรัศมีหลายพันลี้กลายเป็นว่างเปล่า ที่ขอบสนามรบ ทะเลสาบแห่งหนึ่งปรากฏขึ้น
มันเป็นทะเลสาบที่เงียบสงบไร้ระลอกคลื่นใดๆ แม้มันจะเผชิญหน้ากับแสงสีทองแต่มันยังสงบนิ่งเหมือนกระจก
ทะเลสาบวิญญาณสงบ!
มีเทือกเขาอยู่ด้านข้างทะเลสาบวิญญาณสงบ มันสูง กว้างใหญ่ และทอดตัวยาวออกไปจนสุดสายตา
“มีเทือกเขาอยู่ที่นี่ด้วยงั้นหรือ?”
“ตํานานมนุษย์คนแรกไม่ได้กล่าวถึงมัน”
“เทือกเขาลูกนี้มืดมิดมาก มันยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายของภูตผี มันแปลกเกินไป”
“เทพอมตะกลุ่มดาวอยู่บนเทือกเขาลูกนี้หรือไม่? บางทีเทือกเขาลูกนี้อาจ
เป็นการจัดเตรียมของวังสวรรค์?”
กลุ่มผู้อมตะพูดคุยกัน ในจังหวะนี้ผีดิบอมตะตะวันเดือดพลันเปิดปากกล่าว
“พบนางแล้ว”
การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไปเช่นกัน
พวกเขาค้นพบเทพอมตะกลุ่มดาวในที่สุด
นางยืนอยู่บนยอดเขา แสงดาวส่องประกายระยิบระยับอยู่รอบตัวนาง แขนเสื้อของนางสะบัดตัวขึ้นสู่อากาศ ทั้งหมดทําให้นางดูงามสง่าและยิ่งใหญ่
เทพอมตะกลุ่มดาวมองกลุ่มผู้อมตะและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ศัตรูอยู่ที่นี่แล้ว
เทพปีศาจจิตวิญญาณ เจ้าควรตื่นได้แล้ว”
เสียงของนางสงบแต่ดังกังวาลเหมือนเสียงสะท้อนในหุบเขาที่ว่างเปล่า
ในเวลาต่อมาเทือกเขาที่มืดมิดก็สั่นสะเทือนขณะที่เสียงสายหนึ่งดังขึ้น “ผู้ใดรบกวนการนอนของข้า?”
เทือกเขาสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้นแสงสีแดงเลือดราวกับดวงอาทิตย์สองดวงก็ปรากฏขึ้น
มันคือดวงตาของเทพปีศาจจิตวิญญาณ!
เทือกเขาก่อนหน้านี้ก็คือร่างกายของเทพปีศาจจิตวิญญาณ!
“ศัตรูที่แข็งแกร่ง? เจ้าคือผู้ใด…ฆ่า ข้าจะฆ่าเจ้า!” เทพปีศาจจิตวิญญาณ
พึมพํา เสียงของเขาทําให้เกิดพายุกรรโชกแรง
เทพปีศาจจิตวิญญาณดูค่อนข้างผิดปกติ
ผีดิบอมตะตะวันเดือดและฟางหยวนตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าเขาสูญเสีย
สติสัมปชัญญะ
“ครืน…”
เทพปีศาจจิตวิญญาณลุกขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง แต่กระทั่งเขาจะนั่ง ผู้อมตะ
ทั้งหมดยังแทบมองไม่เห็นศีรษะที่สูงเสียดฟ้าของเขา
ลั่วเว่ยหยิน ปีศาจอมตะฉีเจีย และคนอื่นๆหน้าซีดด้วยความตกใจ
ในความเป็นจริงร่างกายของเทพปีศาจจิตวิญญาณไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่กลิ่นอายของเขาทําให้ทุกคนรู้สึกหายใจไม่ออก ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาหนาแน่นเกินไป แม้แต่ฟางหยวนยังไม่สามารถเปรียบเทียบ
เทพปีศาจจิตวิญญาณอ้าปากพ่นลมหายใจออกมา
จากนั้นพายุวิญญาณสีดําก็พุ่งเข้าสู่สนามรบ
พายุวิญญาณไม่ได้โจมตีร่างกายของพวกเขาแต่โจมตีดวงวิญญาณของเป้าหมายโดยตรง
ในช่วงเวลาสําคัญ ฟางหยวนคํารามและระเบิดแสงสีรุ้งออกมาปกป้องดวงวิญญาณของพวกเขาเอาไว้
“ฟางหยวน!” ปีศาจอมตะฉีเจียไม่สามารถอดทนต่อไป เขารีบขอความช่วย
เหลือ
ฟางหยวนส่งแสงสีรุ้งออกไปช่วยปีศาจอมตะฉีเจียทันที
เมื่อเทพปีศาจจิตวิญญาณเห็นว่าไม่มีผู้ใดถูกเป่าออกไป เขาจึงคํารามด้วย
ความโกรธและฟาดฝ่ามือออกมา
ฝ่ามือของเขาใหญ่โตและทรงพลังมาก
เป้าหมายของมันคือปีศาจอมตะฉีเจีย
ท่ามกลางกลุ่มตัวตนกึ่งระดับเก้า กลิ่นอายของฉีเจียอ่อนแอที่สุด หลังจาก
ทั้งหมดเขาถูกผนึกอยู่ในภาพวาดมาเป็นเวลานาน ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจํานวนมากของเขาถูกดึงออกไป
ปีศาจอมตะฉีเจียต้องการหลบแต่ฝ่ามือของเทพปีศาจจิตวิญญาณสามารถ
ปลูกฝังความหวาดกลัว นั่นทําให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวในช่วงเวลาสั้นๆและทําได้เพียงป้องกันมันเท่านั้น
“บึ้ม!”
แผ่นดินสั่นสะเทือน
ทุกคนหลบได้เว้นเพียงปีศาจอมตะฉีเจีย
เขาใช้ท่าไม้ตายสายป้องกันแต่ยังถูกฝ่ามือยักษ์บดขยี้เหมือนมดตัวน้อย
กลิ่นอายของปีศาจอมตะฉีเจียตกลงจนถึงจุดต่ําสุด
ฝ่ามือของเทพปีศาจจิตวิญญาณยังไม่ขยับ มันวางนิ่งอยู่บนพื้นราวกับภูเขาที่มั่นคง
“มือเพียงข้างเดียวของเทพปีศาจจิตวิญญาณสามารถกําหราบตัวตนกึ่งระดับเก้างั้นหรือ?” กระทั่งผีดิบอมตะตะวันเดือดยังรู้สึกประหลาดใจ “ช่วยเขาเร็ว! เทพปีศาจจิตวิญญาณพยายามปิดผนึกฉีเจีย!”
แม้จะไม่ได้รับการแจ้งเตือนแต่เจิ้งปู้ตู่ก็พุ่งออกไปแล้ว
เขาเหมือนอุกกาบาตที่เจาะทะลวงแขนของเทพปีศาจจิตวิญญาณ
เจิ้งปู้ตู้หัวเราะเสียงดังและกําลังจะโจมตีอีกครั้ง แต่มืออีกข้างของเทพปีศาจจิตวิญญาณกลับพุ่งลงมาด้วยความเร็วสูง
“บึม!”
เจิ้งปู้ตู้ถูกตบลงบนพื้น
“ใหญ่โตแต่รวดเร็วนัก
“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“ช่วยพวกเขาเร็วเข้า!”
บรรพชนทะเลปราณ ลั่วเว่ยหยิน และคนอื่นๆโจมตีพร้อมกัน
ท่าไม้ตายอมตะวายุกาลเวลาสิบลี้!
ฟางหยวนผลักฝ่ามือออกไป
ทันใดนั้นสายลมกรรโชกแรงก็พุ่งเข้าปิดกั้นแขนจํานวนมากของเทพปีศาจจิตวิญญาณ
นี่เป็นท่าไม้ตายผสมที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งกาลเวลา เส้นทางแห่งกฎ
และเส้นทางแห่งวายุ
สายลมเหล่านี้เหมือนกรงเล็บที่สามารถจําากัดศัตรูและหยุดเวลา
อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายของฟางหยวนกลับไม่สามารถหยุดแขนยักษ์หลาย
สิบข้างของเทพปีศาจจิตวิญญาณ มันทําได้เพียงชะลอความเร็ว เขาไม่สามารถหยุดเวลาได้อย่างสมบูรณ์
“ทําได้ดีมาก!” ผีดิบอมตะตะวันเดือดยกย่องขณะที่ร่างของเขากลายเป็นสายฝนสีทอง