Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2196 จิตวิญญาณพบสวรรรค์พิภพ
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2196 จิตวิญญาณพบสวรรรค์พิภพ
การต่อสู้ในประตูแห่งชีวิตและความตายหยุดลงทันที
เทพปีศาจจิตวิญญาณหยุดคําราม แขนจํานวนนับไม่ถ้วนหยุดเคลื่อนไหว
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” บรรพชนทะเลปราณสับสน
ในเวลาต่อมาเทพปีศาจจิตวิญญาณก็เปิดปากคํารามเสียงดังด้วยความโกรธและความตื่นเต้นที่ได้พบศัตรูตัวฉกาจ
“เจ้าฟื้นแล้ว…”
“เจ้าฟื้นขึ้นมาเช่นกัน”
“ในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้า เมื่อเจ้าอยู่ที่นี่ก็เข้ามา
“เพื่อให้ข้า…ฆ่าเจ้า!”
เทพปีศาจจิตวิญญาณไม่สนใจฟางหยวนและผีดิบอมตะตะวันเดือดอีกต่อไป
ดวงอาทิตย์สีแดงเลือดปรากฏขึ้นอีกครั้ง นี่คือดวงตาของเทพปีศาจจิตวิญญาณ
เทพปีศาจจิตวิญญาณมีสามหัว ก่อนหน้านี้มีเพียงหัวเดียวที่ตื่นขึ้น แต่ตอนนี้อีกสองหัวตื่นขึ้นแล้ว
ประตูแห่งชีวิตและความตายเปิดออกพร้อมกับพลังดึงดูดอันน่าสะพรึงกลัว
มันเปิดและปิดอย่างรวดเร็ว เมื่อฟางหยวนและคนอื่นๆรู้สึกตัว ผู้อมตะคนใหม่ ก็ถูกดึงเข้ามาเรียบร้อยแล้ว
เขาเป็นชายศีรษะล้านในสวมชุดที่ดูธรรมดา
เขาดูใจดีและมีร่างกายที่ส่องประกาย
“เทพอมตะสวรรค์พิภพ!” ฟางหยวนและผีดิบอมตะตะวันเดือดตะโกนออกมาพร้อมกัน
“นายท่านสวรรค์พิภพ ท่านฟื้นคืนชีพแล้ว!?” ลั่วเว่ยหยินรู้สึกประหลาดใจและ มีความสุข แต่ทันในนั้นเขากลับตะโกน “ระวัง!”
“บึ้ม บึ้ม บึ้ม บึ้ม!”
แขนยักษ์นับร้อยข้างพุ่งเข้าหาเทพอมตะสวรรค์พิภพ
การต่อสู้ปะทุขึ้นอีกครั้ง
อีกด้านหนึ่ง ค่ายกลของถ้ําปีศาจคลั่งกลายเป็นโกลาหล ผู้อมตะของวัง สวรรค์ได้รับบาดเจ็บ
เหตุการณ์นี้เกิดจากการฟื้นคืนชีพของเทพอมตะสวรรค์พิภพ
เทพอมตะกลุ่มดาวแสดงออกด้วยความประหลาดใจ
ตั้งแต่การต่อสู่ในถ้ําปีศาจคลั่งเริ่มขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่นางแสดงอารมณ์เช่นนี้ออกมา
เหตุผลก็คือแม้เทพอมตะสวรรค์พิภพจะฟื้นคืนชีพ แต่วิธีการฟื้นคืนชีพของ
เขาเหนือความคาดหมายของนาง
“ข้าคิดว่าเจ้าจะฟื้นขึ้นมาเป็นเทพอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี แต่ผู้ใดจะคิดว่าเจ้าจะใช้เส้นทางอื่น”
“ข้าประเมินเจ้าต่ําเกินไป”
“เจ้าเปลี่ยนเป็นเส้นทางสวรรค์ สุสานของเจ้าเป็นเพียงเหยื่อล่อ มีเพียงการ ทําลายมันเท่านั้นที่จะทําให้เจ้าฟื้นคืนชีพ”
เทพอมตะกลุ่มดาวถอนหายใจแต่ไม่ได้เดินทางไปยังประตูแห่งชีวิตและความตาย ตอนนี้ค่ายกลของชั้นเก้ากําลังทํางานอย่างหนัก น้ําแข็งลอบหมุนวนราวกับ พายุ นางไม่สามารถออกไปได้โดยง่าย
ยิ่งไปกว่านั้นแม้เทพอมตะสวรรค์พิภพจะฟื้นคืนชีพแต่เขาเปลี่ยนเข้าสู่เส้น ทางสวรรค์ขณะที่สุสานของเขาถูกทําลายล่วงหน้าโดยเทพอมตะกลุ่มดาว ดังนั้นระดับการบ่มเพาะของเขาจึงยังไม่บรรลุระดับเก้า
หากปฐพีสีเหลืองสามารถกลืนกินโลกอีกสองใบ เมื่อสุสานของเทพอมตะ
สวรรค์พิภพถูกทําลาย เทพอมตะสวรรค์พิภพจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาเป็นเทพอมตะ ระดับเก้าที่แท้จริง
ตอนนี้สิ่งสําคัญที่สุดยังเป็นค่ายกลของถ้ําปีศาจคลั่ง เทพอมตะกลุ่มดาวจะไม่ละทิ้งเป้าหมายเพื่อผลประโยชน์ที่น้อยกว่า ยิ่งไปกว่านั้นหากนางจะกลับไปยังประตูแห่งชีวิตและความตาย พลังการต่อสู้ของนางจะถูกระงับเช่นกัน มันไม่คุ้มกับความพยายาม
ในประตูแห่งชีวิตและความตาย
“ระวัง!” เสียงตะโกนของลั่วเว่ยหยินพึ่งมาถึงเมื่อตาข่ายแสงสีขาวปรากฏขึ้นด้านหน้าเทพอมตะสวรรค์พิภพ
ตาข่ายแสงสีขาวรับการโจมตีของเทพปีศาจจิตวิญญาณเอาไว้ได้อย่าง
สมบูรณ์
“นี่เป็นท่าไม้ตายประเภทใด มันมีความสามารถในการป้องกันที่ยอดเยี่ยม!”
“กลิ่นอายนี้ ข้าไม่เคยพบมาก่อน…”
“เดี๋ยว! เทพอมตะสวรรค์พิภพไม่ใช่ผู้อมตะระดับเก้า เขามีการบ่มเพาะระดับ แปดเท่ากับพวกเรา!”
หัวใจของปีศาจอมตะฉีเจีย เจิ้งปู้ตู่ และคนอื่นๆสั่นสะท้าน
“นี่เป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางสวรรค์! เทพอมตะสวรรค์พิภพเปลี่ยนเป็นเส้นทางสวรรค์ เขาฟื้นขึ้นมาแต่ไม่ได้รับระดับการบ่มเพาะเดิม นี่อาจเป็นราคาที่ต้อง จ่าย!” ผีดิบอมตะตะวันเดือดตระหนักถึงสิ่งนี้
อารมณ์ของฟางหยวนค่อนข้างซับซ้อน
เขาเคยคิดที่จะบ่มเพาะเส้นทางแห่งสวรรค์
แต่ผู้ใดจะคิดว่าเทพอมตะสวรรค์พิภพจะเหนือกว่าเขา เทพอมตะสวรรค์พิภพ ฟื้นคืนชีพขึ้นมาเป็นตัวตนกึ่งระดับเก้าบนเส้นทางสวรรค์โดยตรง
เส้นทางสวรรค์มีข้อได้เปรียบ มันไม่ถูกสะกดข่มโดยประตูแห่งชีวิตและความตาย
เทพปีศาจจิตวิญญาณคํารามด้วยความโกรธและใช้แขนนับพันข้างโจมตี
ตาข่ายแสงสีขาวอย่างบ้าคลั่ง
ตาข่ายแสงไม่ขยับเขยื้อนแต่เริ่มสั่นไหวเล็กน้อย
“แม้เขาจะบ่มเพาะบนเส้นทางสวรรค์แต่เขายังเป็นเพียงตัวตนกึ่งระดับเก้า เราต้องช่วยสนับสนุนเขา” ฟางหยวนเข้าใจสถานการณ์และแจ้งเตือนทุกคนทันที
ลั่วเว่ยหยินเป็นคนแรกที่พุ่งไปข้างหน้าแต่ถูกแขนยักษ์กีดขวาง
โชคดีที่ฟางหยวนและคนอื่นๆติดตามไปอย่างใกล้ชิดและสามารถเข้าไปสนับสนุนเทพอมตะสวรรค์พิภพได้ทันเวลา
เทพปีศาจจิตวิญญาณใช้กรงเล็บจํานวนนับไม่ถ้วนฟาดฟันตาข่ายแสงและทําลายมันอย่างต่อเนื่อง
แม้เทพอมตะสวรรค์พิภพจะเป็นตัวตนกึ่งระดับเก้าแต่วิธีการป้องกันของเขาบรรลุระดับเดียวกับเทพอมตะที่แท้จริง มันเป็นเพียงว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณใช้ ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขา ดังนั้นเทพอมตะสวรรค์พิภพจึงถูกบังคับให้ล่าถอย
สถานการณ์ของกลุ่มผู้อมตะยังอันตรายเหมือนก่อนหน้า
หลังจากปิดกั้นการโจมตีของเทพปีศาจจิตวิญญาณอยู่ชั่วครู่ เทพอมตะสวรรค์พิภพก็เปิดปากกล่าว “สภาพของเทพปีศาจจิตวิญญาณแปลกมาก จิตใจของเขา
อาจถูกดัดแปลงโดยเทพอมตะกลุ่มดาว ข้ามีวิธีปัดเป่าอารมณ์และทําให้เขาสงบลง”
วิถีแห่งปัญญามีสามองค์ประกอบคือความคิด เจตจํานง และอารมณ์ความรู้สึก
เทพอมตะกลุ่มดาวอยู่บนจุดสูงสุดของทั้งสามด้านนี้
เทพธิดาเฟิงหยาสามารถอนุมานการจัดเตรียมของเทพปีศาจไร้ขอบเขตได้
เร็วกว่าผู้ใด นี่คือความสําเร็จด้านความคิด
เจตจํานงของเทพปีศาจไร้ขอบเขตถูกผนึกโดยเทพอมตะกลุ่มดาว นี่คือความสําเร็จด้านเจตจํานง
อารมณ์ของเทพปีศาจจิตวิญญารถูกกระตุ้นและกลายเป็นกระวนกระวายไร้
เหตุผล นี่คือความสําเร็จด้านอารมณ์ความรู้สึก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ฟางหยวนและคนอื่นๆพยายามแก้ไขแล้วแต่ยังไม่มีสัญญาณของการฟื้นคืนสติของเทพปีศาจจิตวิญญาณ
หลังจากทั้งหมดเทพอมตะกลุ่มดาวเป็นปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่ง ปัญญา นางเป็นตัวตนอันดับหนึ่งบนเส้นทางแห่งปัญญาของโลกใบนี้ นางมั่นใจ กับวิธีการของนางและเชื่อว่าวิธีนี้จะไม่ถูกทําลายในระยะเวลาอันสั้น
ตอนนี้เทพอมตะสวรรค์พิภพกล่าวถึงแนวคิดนี้ขึ้นมาอีกครั้งแต่ไม่มีผู้ใด
คัดค้าน พวกเขาให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
การปรากฏตัวของเทพอมตะสวรรค์พิภพทําให้เทพปีศาจจิตวิญญาณยิ่ง
กระวนกระวาย
ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณทุกประเภทถูกปลดปล่อยออกมา
กลุ่มผู้อมตะปกป้องเทพอมตะสวรรค์พิภพที่อยู่ตรงกลาง แต่เขายังถูกรบกวนซ้ําแล้วซ้ําอีก นั่นทําให้การกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายของเขาไม่มีความคืบหน้า
หลังจากไม่นานฟางหยวนก็ก่นเสียงเย็น “ทุกคน ถอยออกไป!
กลุ่มผู้อมตะถอยกลับอย่างรวดเร็ว
ฟางหยวนเผชิญหน้ากับฝูงอสูรวิญญาณจํานวนนับไม่ถ้วนอย่างไม่แยแส เขายกแขนขึ้นและคําราม
แสงหลากหลายสีสันพุ่งออกไปและกลายเป็นมังกร พยัคฆ์ หมาป่า ปลา และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
ทั้งหมดคือท่าไม้ตายรอยสัก
รอยสักจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งไปข้างหน้า ไม่ว่าพวกมันจะเคลื่อนที่ไปที่ใด อสูรวิญญาณจะกรีดร้องและถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ถูกเผ่าจนเป็นเถ้าถ่าน จมน้ําตาย หรือถูกฟ้าผ่า
ทุกรอยสักคือท่าไม้ตายอมตะระดับแปด นั่นหมายความว่าฟางหยวนปลด
ปล่อยท่าไม้ตายอมตะระดับแปดนับร้อยท่าออกไปในเวลาเดียวกัน
ไร้เทียมทาน!
แรงกดดันของกลุ่มผู้อมตะลดลงทันที
ฝูงอสูรวิญญาณถูกกวาดล้าง แม้แต่แขนยักษ์ของเทพปีศาจจิตวิญญาณยังถูกโจมตีและถูกทําลาย
‘พลังงานอมตะสามสิบส่วนของข้าถูกใช้ไปแล้ว!’ ฟางหยวนสูดหายใจลึกและบินกลับไปรวมกลุ่ม
ท่าไม้ตายรอยสักเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายที่น่ากลัว
ตามการประเมินของฟางหยวน เขาสามารถใช้ท่าไม้ตายนี้ได้เพียงสามครั้ง
ผู้อมตะทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นตัวตนกึ่งระดับเก้า แต่พวกเขายังรู้สึกสั่นไหว
เมื่อเห็นการโจมตีของฟางหยวน
ท่าไม้ตายรอยสักทั้งรวดเร็ว ทรงพลัง และสะดวกสบาย นอกจากนี้ฟางหยวนยังปลดปล่อยรอยสักจํานวนนับไม่ถ้วนออกไปในครั้งเดียว นี่เป็นสิ่งที่ทําให้พวกเขารู้สึกตกใจจริงๆ
กล่าวได้ว่าวิธีการของฟางหยวนสามารถทําลายล้างกองกําลังใหญ่ทุกกอง
กําลังของโลกใบนี้
กระทั่งผีดิบอมตะตะวันเดือดยังจ้องฟางหยวนอยู่ชั่วครู่
เขารู้จักท่าไม้ตายรอยสัก ดังนั้นเขาจึงเข้าใจข้อดีและข้อด้อยของท่าไม้ตายนี้
ท่าไม้ตายรอยสักรวดเร็วและสะดวกสบายแต่มันยากที่จะบ่มเพาะ
อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับครอบครองรอยสักจํานวนมาก นี่ทําให้ผีดิบอมตะตะวันเดือดรู้สึกตกใจกับความมั่งคั่งของฟางหยวน
“วิธีที่ดี!” เทพอมตะสวรรค์พิภพยกย่องและกลับไปจดจ่ออยู่กับการเตรียมท่าไม้ตายของตนอีกครั้ง
เทพปีศาจจิตวิญญาณอ้าปากพ่นแม่น้ําภูตผีออกมา
รอยสักพุ่งเข้าปะทะแม่น้ําภูตผี
ความเร็วของแม่น้ําลดลงขณะที่กลิ่นอายของรอยสักก็อ่อนแอลงเช่นกัน
ฟางหยวนส่งรอยสักออกไปอย่างบ้าคลั่ง พลังงานอมตะของเขาถูกใช้ไป
อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามรอยสักของฟางหยวนต่อต้านแม่น้ําภูตผีได้เพียงยี่สิบลมหายใจ
ในที่สุดเขาก็ต้องดึงรอยสักที่เหลืออยู่เพียงสิบสองรอยกลับมา
ฟางหยวนถอยกลับเข้าไปรวมกลุ่ม เขาต้องการเวลาพักฟื้นเล็กน้อย
ผีดิบอมตะตะวันเดือดก้าวออกไปแทนฟางหยวน
เขาเตรียมท่าไม้ตายไว้แล้วและใช้มันอย่างไม่ลังเล
ท่าไม้ตายอมตะภัยพิบัติที่คาดไม่ถึง!
ฝ่ามือของผีดิบอมตะตะวันเดือดเรืองแสงสีทองก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีแดง
เขายิงดวงแสงสีแดงออกไป
ดวงแสงสีแดงคือกลุ่มก้อนของโชคร้าย มันกลายเป็นเมฆสีแดงลอยอยู่ด้านบน
เมฆสีแดงแต่ละก้อนมีขนาดไม่ใหญ่นักแต่ไม่ว่าพวกมันจะเคลื่อนที่ไปที่ใด ฝูงอสูรวิญญาณที่อยู่ในรัศมีหนึ่งร้อยลี้จะกรีดร้องก่อนจะเสียชีวิตทันที แม่น้ําภูตผีถูกแยกออกจากกัน
ผีดิบอมตะตะวันเดือดส่งเมฆโชคร้ายออกไปอย่างต่อเนื่อง
ปีศาจจิตวิญญาณจึงกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชคเพื่อเมื่อถูกโจมตีด้วยวิธีการของผีดิบอมตะตะวันเดือด ศีรษะข้างซ้ายของเทพเพิ่มโชคให้กับตนเอง
ผีดิบอมตะตะวันเดือดโจมตีอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหยุดเคลื่อนไหว
ไม่ใช่ว่าพลังงานอมตะของเขาไม่พอหรือจิตใจของเขาอ่อนล้าแต่เป็นเพราะเขาใช่โชคร้ายทั้งหมดไปแล้ว