Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2219 ข้าคือเทพอมตะ
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2219 ข้าคือเทพอมตะ
ฟางตี้เฉิงเน้นย้ำ “ท่ามกลางห้าภูมิภาค ภาคเหนือ ภาคกลาง ทะเลตะวันออก และภาคใต้ พวก เขารวมตัวเป็นกองกําลังพันธมิตร มีเพียงทะเลทรายตะวันตกของเราเท่านั้นที่ไม่สามารถสร้าง
ความร่วมมือ”
“อาจกล่าวได้ว่าทะเลทรายตะวันตกอ่อนแอที่สุดในห้าภูมิภาค”
“ในสถานการณ์เช่นนี้เราไม่สามารถเป็นผู้นําและสร้างปัญหาหรือแสดงจุดยืนของเรา”
“หากกองกําลังอื่นขอความร่วมมือจากเรา เราจะพยายามรักษาสมดุลและเข้าร่วมกับพวกเขา อย่างลับๆ ผลประโยชน์คือสิ่งสําคัญที่สุด ย้อนกลับไป ตระกูลฟางของเราถูกโจมตีเพราะเราได้รับ วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ เราไม่สามารถทําผิดซ้ําๆและกลายเป็นเป้าหมายของทุกคนอย่างโง่เขลา”
ฟางกงและฟางฮั่วเฉิงพยักหน้า
แม้ฟางตี้เฉิงจะสูญเสียระดับการบ่มเพาะแต่เขายังมีมุมมองที่หลากหลาย
ภาคใต้
ฐานทัพใหญ่ตระกูลถั่ว
ในห้องโถงใหญ่ตระกูลถั่ว
ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งตระกูลถั่วเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เขามองไปรอบๆก่อนกล่าว “ในยุค ของสามเทพ ความวุ่นวายจะปะทุขึ้น ตระกูลถั่วควรทําอย่างไร? หากพวกเจ้ามีความคิดใดให้พูด ออกมาตอนนี้”
ผู้อมตะตระกูลถั่วมองหน้ากันก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเปิดปากกล่าว
คนผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ เขาเป็นแม่ทัพอันดับหนึ่งของตระกูลถั่ว
ลั่วหรัน
ลั่วหรับกล่าวว่า “ทุกคน ข่าวการปรากฏตัวของสามเทพเป็นเรื่องที่น่าตกใจ หลังจากไตร่ตรอง ข้าตัดสินใจมองมันจากอีกมุมหนึ่ง หากข้าเป็นหนึ่งในสามเทพ ข้าจะกลืนกินภาคใต้และทะเล ทรายตะวันตกเป็นอันดับแรก ท้ายที่สุดผู้อ่อนแอจะตกเป็นเป้าหมายแรก ภาคเหนือ ภาคกลาง และทะเลตะวันออกจะไม่ต่อสู้กันในเวลานี้ พวกเขาจะเสริมกําลังของตนและยึดครองทรัพยากร ให้มากขึ้นก่อนจะต่อสู้กับเทพคนอื่นๆ”
“ตระกูลถั่วของเราอยู่ทางตอนเหนือสุดของภาคใต้ เราอยู่ใกล้ภาคกลางมากที่สุด หากเทพ อมตะกลุ่มดาวต้องการกลืนกินภาคใต้ ตระกูลถั่วของเราต้องเผชิญหน้ากับนางเป็นกองกําลังแรก”
ผู้อมตะตระกูลถั่วมองหน้ากันด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม
ตั้งแต่กําแพงภูมิภาคหายไป แรงกดดันที่พวกเขาได้รับเพิ่มขึ้นทุกวัน พวกเขาต้องคิดแผน สํารองและหาเส้นทางหลบหนี
ลั่วหรับกล่าวต่อ “แม้ผู้อมตะทั้งหมดของภาคใต้จะร่วมมือกัน เราก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเทพทั้ง
สาม เว้นเพียงภาคใต้จะมีเทพปรากฏขึ้น สําหรับกองกําลังอื่นที่อยู่ลึกเข้าไปในภาคใต้ พวกเขา อาจยังเลือกที่จะทําสงคราม แต่ตระกูลถั่วของเรามีอาณาเขตติดกับภาคกลาง เมื่อความขัดแย้ง
เริ่มขึ้น เราต้องเผชิญหน้ากับมันอย่างรวดเร็ว”
ผู้อมตะตระกูลถั่วเต็มไปด้วยความกังวล
หนึ่งในนั้นลุกขึ้นและตโกนด้วยความโกรธ “ท่านลั่วหวั่น ท่านต้องการให้ตระกูลถั่วยอมจํานน งั้นหรือ? ท่านเพิกเฉยต่อความพยายามของบรรพชนที่ก่อตั้งตระกูลลั่วขึ้นมาได้อย่างไร? ตระกูล
ถั่วของเราต้องปกป้องศักดิ์ศรีของตน”
ทุกคนหันหน้าไปมองคนผู้นี้และพบว่านางก็คือลั่วเฟย หลังจากนั้นผู้อมตะหลายคนก็ให้การสนับสนุนลั่วเฟย
“ในช่วงเวลาที่ตระกูลถั่วเจริญรุ่งเรือง เราสามารถแข่งขันกับตระกูลวู แล้วเราจะทําตัวขี้ขลาด
เช่นนี้ได้อย่างไร?”
“เทพเป็นตัวตนบนจุดสูงสุดอย่างไม่ต้องสงสัยแต่ในยุคของสามเทพและมีความเป็นไปได้ที่
เทพคนอื่นๆจะฟื้นคืนชีพขึ้นมา อนาคตไม่แน่นอน เราไม่ควรละทิ้งโอกาสในเวลานี้”
“ในความคิดเห็นของข้า เทพทั้งสามไม่คู่ควรกับการเข้าร่วม วังสวรรค์มีระบบนิกาย หากตระกูล ลั่วเข้าร่วม เราต้องเปลี่ยนระบบตระกูลเป็นระบบนิกาย เทพอมตะตะวันเดือดปกป้องบุตรหลาน ของเขามากที่สุด เผ่าไป่ซูและเผ่าชูกําลังถูกกีดกันโดยตระกูลฮวงจิน ในขณะเดียวกันเทพปีศาจ หลอมรวมสวรรค์ก็มีความขัดแย้งกับตระกูลของเรา หากเราก้มศีรษะให้เขา ข้าจะต้องดูถูกตัวเอง! เมื่อตระหนักถึงอารมณ์ของทุกคน ลั่วหรันเร่งโบกมือ “ทุกคน ข้าเพียงเสนอทางเลือกเท่านั้น” ลั่วเฟยตําหนิ “ท่านลั่วหรัน ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งของตระกูลถั่ว แม้มันจะเป็นเพียง ข้อเสนอ แต่พวกเราก็ยังรู้สึกผิดหวังกับท่าน!”
ลั่วหร้นขอโทษ “ข้าผิดไปแล้ว”
ลั่วเฟยกล่าวเสริม “ตามความคิดเห็นของข้า สถานการณ์ยังไม่อันตรายมากนัก เทพทั้งสาม ต่างระมัดระวังกัน พวกเขาจะไม่เคลื่อนไหวโดยง่าย ในการต่อสู้ที่ถ้ําปีศาจคลั่ง ปีศาจอมตะฉีเจีย และตัวตนเช่นเซียวเหอเจี้ยเสียชีวิตไปแล้ว ฟางหยวนสูญเสียผู้ใต้บังคับบัญชาจํานวนมาก ตอนนี้
ร่างหลักของเขากําลังพักฟื้นอยู่ในทะเลตะวันออกโดยไม่ทําสิ่งใด เขาไม่มีกําลังพอจะเข้ามา
วุ่นวายกับภูมิภาคอื่น”
“นอกจากนี้แม้ภาคใต้ของเราจะไม่มีเทพแต่เรามีกองกําลังพันธมิตรและมีท่านวูหยงเป็นผู้นํา
ในสงครามชะตากรรม ท่านวูหยงไม่เคยทําให้พวกเราผิดหวัง เหตุใดเราไม่พยายามคาดหวังในตัว เขาและตัวของพวกเราเอง”
หลังกล่าวจบค่า ลั่วเฟยก็นั่งลง
ผู้อมตะตระกูลถั่วหลายคนพยักหน้าเห็นด้วยกับคํากล่าวของนาง
ตระกูลถั่วคิดในแง่บวกเกี่ยวกับตระกูลวู
ย้อนกลับไปเมื่อตระกูลถั่วสํารวจถ้ําสวรรค์ฉีเจีย พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลวู
หลังจากไม่นาน ลั่วซูก็ประกาศสิ้นสุดการประชุม มีเพียงลั่วหวั่นเท่านั้นที่ยังอยู่พูดคุยกับเขา ต่ออย่างลับๆ
“ขอโทษที่ต้องทําเช่นนี้” ลั่วซูกล่าว
ลั่วหรับส่ายศีรษะ “การเข้าร่วมวังสวรรค์เป็นความตั้งใจที่แท้จริงของข้าตั้งแต่เริ่มต้น วันนี้ข้า เพียงตรวจสอบพวกเขาแต่ดูเหมือนตระกูลถั่วยังไม่ยอมแพ้ พวกเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องขี้ขลาด ใน ทางกลับกัน วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนั้นมาจากนิกายกระเรียนอมตะ หากตระกูล ถั่วต้องการเข้าร่วมกับภาคกลาง พวกเราต้องติดต่อวังสวรรค์โดยตรง”
ลั่วซูถอนหายใจ “ตระกูลถั่วของเราเป็นกองกําลังฝ่ายธรรมะ ข้าไร้ประโยชน์เกินกว่าจะเป็น ผู้นําาของทุกคน ข้ากังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตระกูลถั่ว แต่เจ้าพูดถูก ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา
เราจําเป็นต้องติดต่อนิกายกระเรียนอมตะอย่างลับๆต่อไป”
ภาคกลาง
นิกายกระเรียนอมตะ
ในศาลาบนภูเขา ผู้อมตะหนุ่มกําลังเป่าขลุ่ยของเขา
เสียงขลุ่ยกระจายออกไปขณะที่นกกระเรียนนําเขาบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
ผู้อมตะวัยเยาว์ผู้นี้อยู่ในชุดคลุมขาว เขามีคิ้วสีเขียวที่ยาวลงไปถึงเอว เขาก็คือผู้อมตะบนเส้น ทางแห่งทาส อี้ฟงหยาง
“ข้าประสบความสําเร็จในการก้าวข้ามภัยพิบัติและกลายเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่ผู้ใดจะคิดว่า ในช่วงเวลาที่ข้าปิดประตูบ่มเพาะ เทพสามคนจะปรากฏตัวขึ้น’
“ไม่เพียงเทพอมตะกลุ่มดาวและเทพอมตะตะวันเดือดแต่ยังรวมถึงเทพปีศาจหลอมรวม
สวรรค์!’
‘ฟางหยวน…’
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อารมณ์ของอี้ฟงหยางก็กลายเป็นซับซ้อน
ย้อนกลับไปเขาเป็นคนสั่งให้จักรพรรดิกระเรียนสวรรค์ไปยังหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลของ
ภาคใต้ เขายังพยายามจัดการฟางหยวนเพื่อยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์ไปหู
“ในเวลานั้นหากข้าตัดสินใจลงมือด้วยตนเอง ข้าจะสามารถฆ่าฟางหยวนได้หรือไม่?
ความคิดนี้ผุดขึ้นในใจของเขาอย่างช่วยไม่ได้
แต่ในไม่ช้าอี้ฟงหยางก็ส่ายศีรษะ มันมีโอกาสล้มเหลวค่อนข้างมากเพราะเบื้องหลังฟางหยวน
คือเจตจํานงสวรรค์และเทพอีกหลายคน
ปัจจุบันอี้ฟงหยางพึ่งก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ดแต่ฟางหยวนกลายเป็นเทพปีศาจไปแล้ว
อี้ฟงหยางรู้สึกหดหู่อยู่ภายในแต่เขายังมีความรู้สึกอื่นเช่นความอิจฉา
เขาทํางานหนักมานานหลายปีแต่เขากลับไม่สามารถแข่งขันกับการเติบโตของฟางหยวน
ฟางหยวนเหนือกว่าเขามากเกินไป เขาไม่แม้แต่จะสามารถมองเห็นเงาของคนผู้นี้
แต่ด้วยเสียงขลุ่ย อี้ฟงหยางจึงสามารถสงบจิตใจลงในที่สุด
ทุกคนมีโอกาสของตนเอง’
“ฟางหยวนสามารถบรรลุระดับนี้ นอกจากการเผชิญหน้าโดยบังเอิญ เขายังมีสติปัญญาและ
ความกล้าหาญ เขามองเห็นโอกาสจากสถานการณ์อันตรายเสมอ
แต่ข้ายังไม่หมดหวัง ในช่วงเวลาสงบสุข ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งทาสเป็นความสิ้นเปลืองของ
นิกาย แต่เมื่อสงครามห้าภูมิภาคปะทุขึ้น ในฐานะผู้อมตะบนเส้นทางแห่งทาส นิกายจะผลักดันข้า พวกเขาจะมอบทรัพยากรให้ข้ามากขึ้น
‘นอกจากนี้ข้ายังลอบส่งวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับตระกูลถั่วในนามของ
นิกายกระเรียนอมตะเพื่อรับสมัครพวกเขา ตั้งแต่ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลถั่วยังไม่ได้ ทําลายวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูล เขาก็แสดงทัศนคติที่ชัดเจนออกมาแล้ว
‘หากสิ่งนี้สําเร็จ มันจะเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ ข้าจะได้รับแต้มผลงานจํานวนมากจากนิกาย เมื่อ เวลานั้นมาถึง ข้าจะสามารถแลกเม็ดยาอมตะจากวังสวรรค์เพื่อทําให้เสี่ยวจิ่วกลายเป็นสัตว์อสูรบรรพกาล’
อี้ฟงหยางมองกระเรียนเก้ามงกุฎของเขาและเผยรอยยิ้มมีความสุข
กระเรียนเก้ามงกุฎตัวนี้เป็นสัตว์อสูรเดียวดายที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอี้ฟงหยาง ย้อนกลับ
ไปเมื่อกระเรียนเก้ามงกุฏได้รับบาดเจ็บสาหัส อี้ฟงหยางพยายามทําทุกวิถีทางเพื่อรักษามันโดย
ไม่คํานึงถึงค่าใช้จ่าย
ทะเลตะวันออก
ควันห้าสีหดตัวลงและลอยกลับเข้าสู่มิติช่องว่างจักรพรรดิ
ฟางหยวนนั่งไขว้ขาอยู่บนเกาะนิรนามแห่งนี้เพียงลําพัง
หลังจากไม่นาน ผู้อมตะกลุ่มใหญ่ก็บินเข้ามาหาเขา เมื่อพวกเขาอยู่ห่างจากเกาะประมาณหนึ่ง พันก้าว พวกเขาก็หยุดยืนอยู่บนผิวทะเลและคุกเข่าคํานับเพื่อแสดงให้เห็นถึงการยอมจํานน
ผู้อมตะเหล่านี้คือผู้อมตะฝ่ายธรรมะของทะเลตะวันออก ผู้อาวุโสสูงสุดลําาดับที่หนึ่งของกอง
กําลังต่างๆรวมอยู่ในกลุ่มนี้เช่นกัน
แน่นอนว่าพวกเขานําโดยเฉินซานและลั่วเว่ยหยิน
ฟางหยวนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นและหัวเราะ “คนฉลาดย่อมสามารถโอนอ่อนไปตามสถานการณ์ ทุก คน เชิญลุกขึ้น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะปฏิบัติต่อทุกคนเหมือนผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆของข้า”
กลุ่มผู้อมตะตอบรับพร้อมกัน “เราจะภักดีต่อเทพปีศาจหลอมรวมสวรรค์ เรายินดีมอบชีวิตให้
กับท่าน!”
แต่ฟางหยวนกลับส่ายศีรษะอย่างช้าๆ “ณ จุดนี้ข้าจะประกาศให้โลกได้รับรู้”
เขาเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลืองและเริ่มประกาศ
“อันใด!? เทพปีศาจหลอมรวมสวรรค์งั้นหรือ? ข้าไม่ยอมรับชื่อนี้!”
เฉินซานและคนอื่นๆตกตะลึง
“ข้าไม่ใช่ปีศาจอมตะ ข้าเป็นสมาชิกฝ่ายธรรมะ การกระทําในอดีตของข้าคือความพยายาม แสวงหาพรอันประเสริฐให้แก่โลกใบนี้ ข้าละเลยชีวิตของตนและเผชิญหน้ากับวิกฤตมากมายเพื่อ ทําลายวิญญาณชะตากรรม ข้ามอบอิสรภาพให้กับทุกชีวิตบนโลกใบนี้! อย่างไรก็ตามกองกําลัง
ชั่วร้ายเช่นวังสวรรค์พยายามกดขี่และใส่ร้ายข้า กระทั่งตอนนี้พวกเขาก็ยังพยายามต่อต้านข้า!”
“ข้าเป็นสหายที่ดีที่สุดของเทพอมตะสวรรค์พิภพ ในการต่อสู้ที่ถ้ําปีศาจคลั่ง เขาฝากฝังความ
ปรารถนาของเขาไว้กับข้าก่อนตาย หลังจากกลายเป็นเทพ ข้าจะทําตามเจตนารมณ์ของเทพ
อมตะสวรรค์พิภพ ข้าจะทํางานอย่างหนักเพื่อความเท่าเทียมและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของทั้ง
ห้าภูมิภาค!”
“ทุกคน อย่าเชื่อข่าวลือ เทพอมตะสวรรค์พิภพไม่ได้ถูกข้าสังหารแต่เป็นเทพอมตะกลุ่มดาว และเทพอมตะตะวันเดือดที่ร่วมมือกันจบชีวิตเขา!”
ฟางหยวนกล่าวด้วยน้ําเสียงที่ชอบธรรม
เฉินซานและลั่วเว่ยหยินมองเขาด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า
ผู้นํากองกําลังฝ่ายธรรมะของทะเลตะวันออกฟังเรื่องราวเหล่านี้และรู้สึกราวกับกําลังอยู่ใน
ความฝัน
ฟางหยวนเพิ่มระดับเสียงขึ้น “ทุกคน ข้าต้องการให้พวกท่านจดจ่าข้า ฟางหยวน ในนามของ
เทพอมตะแห่งความรัก!”
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะสร้างกองกําลังพันธมิตรสวรรค์พิภพแห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ ข้าจะ น่าผลประโยชน์และสันติภาพมาสู่โลกใบนี้!”
ในไม่ช้าข่าวก็แพร่กระจายออกไป ผู้อมตะทั้งหมดต่างได้ยินเรื่องนี้
ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิสวรรค์ไปซูและชูตู้ที่กําลังย่างจั๊กจั่น ผู้อมตะตระกูลฟางที่พูดคุยกันอย่าง
ลับๆ ผู้อมตะตระกูลถั่ว หรืออี้ฟงหยาง พวกเขาต่างได้รับข่าวที่น่าตกใจนี้ทั้งสิ้น
แต่ฟางหยวนไม่หยุดเพียงเท่านี้ เขายังดําเนินการต่อ
เขาวางรายชื่อวิญญาณระดับมนุษย์และวิญญาณอมตะจํานวนมากไว้ในสวรรค์สีเหลือง หากผู้
ใช้วิญญาณหรือผู้อมตะคนใดจ่ายราคาที่เหมาะสม เขาสามารถหลอมรวมวิญญาณให้กับคนเหล่า
นั้น เขาสามารถหลอมรวมกระทั่งวิญญาณอมตะระดับแปดที่ผู้ซื้อต้องการ
ห้าภูมิภาคตกสู่ความโกลาหลทันที
“นี่คือคําสัญญาของข้าในฐานะเทพอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม!
“วิญญาณเป็นปัจจัยสําคัญในการบ่มเพาะ พวกมันเป็นรากฐานของเรา แต่ตลอดเวลที่ผ่านมา
พวกมันหายากและเป็นเรื่องยากที่จะหลอมรวมโดยเฉพาะวิญญาณอมตะ”
“ด้วยเหตุนี้ สิ่งแรกที่ข้าจะทําเพื่อผลประโยชน์ของโลกใบนี้ก็คือการหลอมรวมวิญญาณอมตะ ให้กับทุกคน ไม่ว่าเราจะมีความแค้นใดๆต่อกันในอดีต ไม่ว่าเราจะเป็นมิตรหรือศัตรู ข้าจะไม่ใส่ใจ ข้าจะหลอมรวมวิญญาณให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม นี่คือการพิสูจน์ความรักอันยิ่งใหญ่จากข้าเทพอมตะแห่งความรัก!”
“ข้ารู้ว่าทุกคนกังวลสิ่งใด แต่ในความเป็นจริงข้าเคยทําธุรกรรมกับกองกําลังต่างๆและผู้อมตะ
มากมาย ข้าเคยหลอมรวมวิญญาณอมตะจํานวนมากให้กับพวกเขามาแล้ว” “ตัวอย่างเช่นข้าหาธุรกรรมกับตระกูลฟางของทะเลทรายตะวันตกมาแล้วหลายครั้งนี่คือหลักฐาน!”
ที่ทะเลทรายตะวันตก ดวงตาของฟางกงฟางตี้เฉิงและฟางฮั่วเฉิงเบิกกว้างราวกับไข่ห่านฟางตี้เฉิงที่เคยเน้นย้ำว่าพวกเขาไม่ควรสร้างปัญหากลายเป็นหน้าซีดเผือดทันที
“อีกตัวอย่างหนึ่งคือตระกูลวูของภาคใต้ข้าเคยหลอมรวมวิญญาณอมตะให้วูหยงมาแล้วมากกว่าหนึ่งดวงนี่คือหลักฐาน!”
วูหยงตะลึง “…”
สมาชิกตระกูลถั่วกลายเป็นพูดไม่ออก “…
ลั่วเฟยใช้มือจิกเส้นผมบนศีรษะของนางและรู้สึกหัวใจแตกสลาย “เพราะเหตุใด? ท่านวูหยง
ท่านร่วมมือกับฟางหยวนได้อย่างไร? เพราะเหตุใด!?”
ฟางหยวนกล่าวต่อ “อีกตัวอย่างหนึ่งคือเผ่าไป่ซูของภาคเหนือข้าร่วมมือกับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูในหลายๆด้านเราติดต่อกันอย่างใกล้ชิดมาตลอด
ร่างของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูแข็งค้างราวกับรูปปั้นไม้เสียบจั๊กจั่นในมือของเขาลุกเป็นไฟ
ชูตู้มองเขาราวกับต้องการกล่าวว่า“พี่ไป่ซูท่านติดต่อฟางหยวนมาตลอดเหตุใดยังต้องการใช้ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับเขา?”
ฟางหยวนยังพูดไม่จบ “ไม่เพียงภาคเหนือแต่ภาคกลางก็เช่นกัน อี้ฟงหยางแห่งนิกายกระเรียนอมตะกับข้าติดต่อกันมาตั้งแต่ข้ายังเด็ก เราคุ้นเคยกันดีจากความขัดแย้งในอดีต” “ใส่ร้าย!นี่เป็นการใส่ร้าย!” อี้ฟงหยางทุบขลุ่ยหยกในมือจนแตกด้วยความโกรธ สุดท้ายฟางหยวนยังกล่าวว่า“ทุกท่านจะเชื่อข้าหรือไม่นั่นขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง ความเสี่ยงมีอยู่เสมอแต่หากมันเป็นเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร? เหตุใดไม่ลองดูก่อน?” “ทุกท่านโปรดมอบความเป็นธรรมและไว้ใจข้าบ้าง!”
“ผู้คนมากมายเข้าใจข้าผิดมานานแล้วดังนั้นทั้งหมดนี้จะเป็นการพิสูจน์ว่าข้าคือเทพอมตะแห่งความรักของโลกใบนี้!”
หลังการประกาศของฟางหยวน
ลมพัดผ่านผิวทะเล
ผู้อมตะของทะเลตะวันออกเงยหน้าขึ้นและจ้องมองฟางหยวนด้วยความมึนงง
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มจริงใจ “ทุกคนเชิญลุกขึ้นพวกเจ้าเข้าร่วมกองกําลังพันธมิตรสวรรค์พิภพแห่งความรักที่ยิ่งใหญ่เรียบร้อยแล้ว พวกเจ้าจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษในฐานะสมาชิกกลุ่มแรก”
“ข้ารับประกัน!”