Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2222 ธุรกรรมสาธารณะครั้งแรก
เทพปีศาจหวนคืนบทที่ 2222 ธุรกรรมสาธารณะครั้งแรก
ทะเลทรายตะวันตก
สัตว์อสูรที่มีร่างกายใหญ่โตราวภูเขาโผล่ขึ้นมาจากทะเลทรายอันเงียบสงบอย่างกะทันหัน
มันมีศีรษะเป็นจระเข้ร่างกายยาวเหมือนอสรพิษกรงเล็บแหลมคมเหมือนนกอินทรีย์
นี่คือสัตว์อสูรแรกกําเนิดจระเข้มังกร!
จระเข้มังกรคารามด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนก
มันมีความสามารถในการเหยียบย้ำก้อนเมฆเมื่อมันออกจากทะเลทราย มันบินขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยตรง
แต่ระหว่างทางร่างของมันพลันสั่นสะเทือนขณะที่ไฟพุ่งออกมาจากปาก
จระเข้มังกรคํารามด้วยความเจ็บปวดและร่วงหล่นลงสู่พื้น
หลังจากดิ้นรนอยู่สักพักก่อนจะค่อยๆสงบและหยุดเคลื่อนไหวไปอย่างสมบูรณ์ผู้อมตะสามคนออกมาจากปากของมัน
สองชาย หนึ่งหญิง
พวกเขามาจากสามกองกําลังของทะเลทรายตะวันตก ชื่อของพวกเขาก็คือชื่อคัง จ้าวชิวเยี่ยนหมิง และเต๋าป้าเฟิงเยี่ยน
ซื่อคังบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปฐพีขณะที่อีกสองคนบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งไฟ
“จระเข้มังกรตัวสุดท้ายตายแล้ว”
“ตามข้อตกลงของสามตระกูล จระเข้มังกรตัวนี้เป็นของน้องเยี่ยนหมิง”ผู้อมตะหญิงหนึ่งเดียวในกลุ่มนามว่าจ้าวชิวเยี่ยนหมิงพยักหน้าและเก็บจระเข้มังกรไว้ในมิติ
ช่องว่างของนาง
นางตรวจสอบและเผยรอยยิ้ม “ศพจระเข้มังกรแรกกําเนิดตัวนี้มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า
จํานวนมาก ทั้งหมดต้องขอบคุณแผนการของพี่เฟิงเยี่ยน”
“ด้วยความยินดี” เต๋าป้าเฟิงเยี่ยนยิ้ม “หากไม่ใช่เพราะวิธีการของพี่ซื่อคัง เราคงไม่สามารถเข้าไปในท้องของจระเข้มังกร ความดีความชอบนี้ต้องยกให้พี่ซื่อคัง”
“ด้วยความยินดีเช่นกัน แท้จริงแล้วนี่คือความพยายามร่วมกันของพวกเรา” ซื่อคังยิ้ม
จระเข้มังกรแรกกําเนิดอาศัยอยู่ในสวรรค์สีดําแต่ไม่นานมานี้สองสวรรค์เริ่มรวมตัวกันที่อยู่อาศัยของพวกมันได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงฝูงจระเข้มังกรต้องละทิ้งบ้านเกิดและอพยพออกมาฝูงนี้พวกมันเดินทางผ่านฐานทัพของสามตระกูล
ดังนั้นทั้งสามตระกูลจึงเจรจาและตัดสินใจร่วมมือกันจัดการพวกมัน
ชื่อคัง จ้าวชิวเยี่ยนหมิง และเต๋าป้าเฟิงเยี่ยนใช้เวลาสามวันสามคืนเพื่อกวาดล้างจระเข้มังกร
แต่เมื่อพวกเขากําลังจะกลับฐานทัพของตน พวกเขากลับได้รับคําสั่งจากตระกูลพร้อมกัน“โอ้ตระกูลหว่านขอความร่วมมือพวกเขาต้องการโจมตีตระกูลฟางงั้นหรือ?”“ฮ่าฮ่าคนแรกที่เคลื่อนไหวก็คือตระกูลหว่าน”
“ดูเหมือนว่ามันเป็นเพราะพวกเราอยู่ใกล้ตระกูลหว่านมากที่สุด พวกเราจึงได้รับคําสั่งนี้”
สามผู้อมตะพูดคุยกันก่อนจะตัดสินใจเดินทางไปด้วยกัน
“แม้ที่นี่จะอยู่ไม่ไกลจากตระกูลหว่านแต่เรายังต้องพักผ่อนและจัดระเบียบตัวเองใหม่”
“แท้จริงแล้วเราต้องรักษาอาการบาดเจ็บของเราก่อน”
“เราต้องจัดการศพจระเข้มังกรเช่นกัน”
ซื่อคังคิดก่อนเผยรอยยิ้ม “ระหว่างทางเราจะผ่านทะเลทรายหมื่นแร่ แหล่งทรัพยากรแห่งนี้อยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลซื่อเราสามารถไปพักผ่อนที่นั่น”
แน่นอนว่าแหล่งทรัพยากรย่อมปลอดภัยกว่าสถานที่ทุรกันดาร
จ้าวชิวเยี่ยนหมิงและเต๋าป้าเฟิงเยี่ยนมองหันกันก่อนจะพยักหน้าตกลง คนหลังกล่าว “ครั้งนี้ต้องรบกวนท่านแล้ว”
ชื่อคังหัวเราะ “ด้วยความยินดี”
ทะเลทรายหมื่นแร่ค่อนข้างเรียบง่ายมันดูเหมือนพื้นที่แห้งแล้งและไร้พืชพรรณ
แต่ใต้ดินกลับเต็มไปด้วยสายแร่มนุษย์หินหนึ่งแสนคนอาศัยอยู่ที่นี่ในฐานะแรงงานพวกขาต้องขุดแร่ทุกประเภทให้กับผู้อมตะ
มนุษย์หินเหล่านี้เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา มีไม่กี่คนที่เป็นผู้ใช้วิญญาณดังนั้นพวกเขาจึงสามารถขุดแร่ระดับมนุษย์เท่านั้น
ซื่อกงเป็นผู้อมตะที่ดูแลที่นี่
ซื่อกงส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในสวรรค์สีเหลือง
สิ่งที่สะดุดตาที่สุดในเวลานี้คือแดนแรกกําเนิด
“นี่คือแดนแรกกําเนิดในตํานาน! ในการต่อสู้ที่ถ้ําปีศาจคลั่ง เทพอมตะตะวันเดือดขายสิ่งนี้ให้ กับเทพปีศาจหลอมรวมสวรรค์ หากข้าได้รับมันสักเล็กน้อยมันจะยอดเยี่ยมเพียงใด”
ซื่อกงรู้สึกอิจฉามาก
เหตุผลที่เขารู้เกี่ยวกับที่มาของแดนแรกกําเนิดเป็นเพราะฟางหยวนเผยแพร่ข่าวนี้ออกมา
เขาต้องการให้โลกทั้งใบรู้ว่าแม้แต่เทพอมตะตะวันเดือดยังทําธุรกรรมกับเขา
แน่นอนนว่าตอนนี้เทพอมตะตะวันเดือดถูกเปิดเผยว่าเป็นผู้สร้างและบ่มเพาะเส้นทางแห่งเลือดเขาถูกวังสวรรค์ตราหน้าว่าเป็นเทพปีศาจเช่นกัน
เหนือแดนแรกกําาเนิดมีเจตจํานงร่างมนุษย์ในชุดคลุมขาวเส้นผมสีดําใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติยืนอยู่เขาก็คือฟางหยวนเทพปีศาจหลอมรวมสวรรค์…
‘หากข้าขอให้เขาหลอมรวมวิญญาณ ข้าจะได้รับวิญญาณความมั่งคั่งหรือไม่?
“ไม่ มันเสี่ยงเกินไป
‘วิญญาณความมั่งคั่งเป็นความหวังเดียวของข้า ข้าจะมอบเคล็ดลับการหลอมรวมให้ฟางหยวน
ได้อย่างไร หากเขาประสบความสําเร็จในการหลอมรวมแต่ไม่ส่งมอบวิญญาณอมตะให้ข้าข้าจะกลายเป็นตัวโง่งมและไม่สามารถทําสิ่งใด!”
ความคิดนี้พุ่งผ่านจิตใจของซือกง
ซื่อกงได้รับเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณความมั่งคั่งที่ไม่สมบูรณ์มาโดยบังเอิญ
วิญญาณความมั่งคั่งเป็นวิญญาณในตํานานหากซื่อกงสามารถหลอมรวมมันเขาจะร่ำรวยและสามารถรวบรวมทรัพยากรจํานวนมากเมื่อเวลานั้นมาถึงเขาจะสามารถออกจากตระกูลซื่อเพื่อหลอมรวมวิญญาณความมั่งคั่งซื่อกงลอบใช้มนุษย์ในการหลอมรวมหากการกระทําของเขาถูกเปิดเผยเขาจะเดือดร้อนมาก
แม้มันจะเสี่ยงแต่เขาก็พยายามหลอมรวมมันมาแล้วมากกว่าร้อยครั้ง อย่างไรก็ตามมันยังห่างไกลจากความสําเร็จ
ซื่อกงได้ยินค่าประกาศของฟางหยวนแต่ไม่กล้าเสี่ยง
ท้ายที่สุดวิญญาณความมั่งคั่งก็เป็นความหวังทั้งหมดของเขา
“โอ้ มีผู้อมตะเข้ามาใกล้”เป็นเพียงเวลานี้ที่ค่ายกลวิญญาณอมตะแจ้งเตือนการแสดงออกของซือกงเปลี่ยนไปเขาออกจากสวรรค์สีเหลืองและกลับไปควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะ
ซื่อคังกับผู้อมตะอีกสองคนลอยอยู่กลางอากาศ
หลังจากชื่อคังกับผู้อมตะอีกสองคนยืนยันตัวตนกับซื่อกงที่ควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะพวกเขาก็สามารถผ่านเข้าไป
“ข้าดีใจมากที่พี่ชื่อคังมาที่นี่ เชิญเข้ามา” ซื่อกงกล่าวอย่างกระตือรือร้น
ซื่อกงจัดงานเลี้ยงต้อนรับเล็กๆให้กับแขกทั้งสาม
เขายังมอบเก้าอี้ตัวหลักให้กับชื่อคังอีกด้วย
เมื่อผู้อมตะอีกสองคนเห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาก็นึกถึงข่าวลือและเข้าใจเหตุผลที่ซ่อนอยู่ซื่อคังมีชื่อเสียงมากกว่า
ในการเดินทางครั้งนี้หลังจากสังหารจระเข้มังกร ชื่อคังไม่จําเป็นต้องส่งมอบพวกมันให้กับตระกูลเขาสามารถขายพวกมันในสวรรค์สีเหลืองได้โดยตรง
จ้าวชิวเยี่ยนหมิงและเต๋าป้าเฟิงเยี่ยนรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก
“คราวนี้ตระกูลหว่านต้องการรวบรวมผู้คนเพื่อโจมตีตระกูลฟาง พวกท่านคิดเห็นอย่างไร?”
หลังจากดื่มกินสักพัก ชื่อคังก็เปิดปากถาม
จ้าวชิวเยี่ยนหมิงตอบ “ตระกูลหว่านและตระกูลฟางมีความแค้นฝังลึก ไม่แปลกที่พวกเขาจะเป็นผู้นําในเรื่องนี้พวกเขาใช้ข้ออ้างที่เหมาะสมการกระทําของพวกเขาจึงไม่มีปัญหาแต่ข้าคิดว่าการตัดสินใจของตระกูลหว่านจะทําให้เกิดปัญหาในอนาคต”
“ถูกต้อง ข้าก็คิดเช่นเดียวกัน” เต๋าป้าเฟิงเยี่ยนกล่าว“ประการแรก ด้วยการหายไปของกําแพงภูมิภาคกองกําลังของหลายตระกูลที่ตั้งอยู่รอบนอกของทะเลทรายตะวันตกจะไม่เคลื่อนไหวโดยง่าย”
“ประการที่สอง ตระกูลฟางไม่อ่อนแอผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของพวกเขาเป็นผู้อมตะระดับแปดนอกจากนั้นพวกเขายังเชี่ยวชาญด้านคฤหาสน์วิญญาณอมตะ”
“ประการที่สามตระกูลฟางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลายกองกําลัง ระหว่างสงครามชะตากรรมพวกเขานําผู้คนเข้าสู่การต่อสู้นั่นทําให้ชื่อเสียงของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก”
“ประการที่สี่ซึ่งเป็นเหตุผลสําคัญที่สุดเหตุผลที่ตระกูลหว่านใช้เป็นข้ออ้างคือตระกูลฟางทําธุรกรรมกับฟางหยวนแต่นี่ก็เป็นความกังวลของเราเช่นกันผู้ใดจะรู้ว่าความสัมพันธ์ที่แท้จริงของ
ตระกูลฟางกับฟางหยวนเป็นอย่างไร?”
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
ซื่อคังพยักหน้าอย่างต่อเนื่องก่อนจะถอนหายใจ “การวิเคราะห์ของเจ้าถูกต้องและชัดเจนข้า
ซื่อดังคิดเช่นเดียวกันแต่เขายังต้องถามคําถามนี้
เขาต้องตรวจสอบความคิดของอีกสองตระกูล
ตอนนี้เขาเข้าใจความคิดของฝ่ายตรงข้ามแล้ว เมื่อความคิดสอดคล้องกัน เขาจึงรู้สึกสบายใจ
“มาดื่มสุรากันเถอะ” ซื่อคังยกถ้วยสุราขึ้นและเผยรอยยิ้มอบอุ่น
หลังมื้ออาหาร สามผู้อมตะขอบคุณซื่อกงก่อนจะออกเดินทางไปยังตระกูลหว่านซื่อกงรู้สึกหนักใจ
ซื่อคังได้รับการดูแลอย่างดีจากตระกูล นี่แตกต่างจากซื่อกงเป็นอย่างมากการเดินทางไปยังตระกูลหว่านไม่มีความเสี่ยง ในความเป็นจริงผลลัพธ์ถูกตัดสินไว้แล้ว ภารกิจนี้เหมือนกับการมอบ
รางวัลให้เขา
“เห้อ…ความหวังของข้ายังอยู่กับวิญญาณความมั่งคั่ง เมื่อใดที่ข้าจะสามารถหลอมรวมวิญญาณดวงนี้ได้สําเร็จ”
“เทพปีศาจหลอมรวมสวรรค์…ไม่ ข้าจะไม่ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น ความเสี่ยงมีมากเกินไป”
แม้ซื่อกงจะมีความตั้งใจที่แน่วแน่ แต่หลังจากประสบความล้มเหลวมานับร้อยครั้ง เขายังรู้สึกหดหู่ใจ
สัญชาตญาณบอกเขาว่าด้วยความสามารถของเขา โอกาสประสบความสําเร็จมีน้อยมาก
ดังนั้นเขาจึงส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่สวรรค์สีเหลืองอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
ในสวรรค์สีเหลือง เจตจํานงของฟางหยวนเปิดเปลือกตาขึ้นและกล่าวเสียงดัง “วิญญาณอมตะระดับเจ็ดสายเคลื่อนไหว วิญญาณเคลื่อนวายุได้รับการหลอมรวมเรียบร้อยแล้วผู้ร้องขอคือวูหยง จากภาคใต้เรากําลังจะทําธุรกรรมกันเดี๋ยวนี้!”
“อันใด!?” ซือกงตกใจ
ผู้อมตะทั้งหมดในสวรรค์สีเหลืองอ้าปากค้าง
ภายใต้สายตาของทุกคน เจตจํานงของวูหยงเข้าไปหาเจตจํานงของฟางหยวนและทําธุรกรรมกันอย่างเปิดเผย
เจตจํานงของวูหยงพยักหน้าแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดก่อนจะออกจากสวรรค์สีเหลืองพร้อมกับวิญญาณอมตะดวงใหม่
“มีคนทําธุรกรรมกับฟางหยวน! เขายังเป็นวูหยงของภาคใต้!” ซื่อกงตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์