Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2224 ความสามารถของเทพ
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2224 ความสามารถของเทพ
กองไฟลุกไหม้อย่างเงียบๆอยู่บนฝ่ามือของฟางหยวน
ไฟมีขนาดเท่ากําปั้นเด็กทารกสีของมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หากผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเห็นสิ่งนี้พวกเขาจะอุทานออกมาด้วยความตกใจ
สีของเปลวเพลิงที่แตกต่างหมายถึงเปลวเพลิงที่แตกต่าง
ฟางหยวนก๋าหมัดเบาๆและทําให้เปลวเพลิงหายไปทันที
เขาไตร่ตรองก่อนจะกระพริบตาและปัดเป่าความคิดต่างๆออกไป
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาหลอมรวมวิญญาณอมตะโดยไม่ต้องใช้สระหลอมรวมสี่ธาตุแห่งความโศกเศร้าเขาหลอมรวมวิญญาณอมตะมากกว่าสิบดวงส่วนใหญ่เป็นวิญญาณอมตะระดับหกและวิญญาณอมตะระดับเจ็ดนี่ไม่ถือเป็นความสําเร็จที่น่าภาคภูมิใจสําหรับตัวตนเช่นเขา
แต่ในกระบวนการนี้ฟางหยวนได้ประโยชน์บางอย่าง
ปัจจุบันความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของฟางหยวนอยู่ในระดับปรมาจารย์สูงสุด
ไม่มีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะดวงใดที่เขาไม่เข้าใจ
เขาสามารถดัดแปลงเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะส่วนใหญ่ได้ด้วยสัญชาตญาณหลังจากหลอมรวมวิญญาณอมตะหลายดวง เขาสามารถยืนยันสัญชาตญาณนี้ว่าเป็นค่าตอบที่ถูกต้องและแน่นอน
นี่ยังรวมไปถึงการดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะเมื่อฟางหยวนหลอมรวมวิญญาณอมตะเขาจะได้รับแรงบันดาลใจและสามารถคิดค้นท่าไม้ตายใหม่ๆเขายังประสบความสําเร็จในการทดลองครั้งแรก
เมื่อฟางหยวนหลอมรวมวิญญาณด้วยตนเอง เขาจะรับรู้ได้ถึงอัตราความสําเร็จในการหลอมรวมอย่างชัดเจน
แม้การหลอมรวมจะล้มเหลว เขาก็ยังสามารถควบคุมสถานการณ์และทํานายความล้มเหลวได้ล่วงหน้า
ท้ายที่สุดกระทั่งผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางการหลอมรวมก็อาจพบกับความล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณ
ตัวอย่างเช่นการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไฟ เนื่องจากฟางหยวนมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งไฟต่ำกว่าเส้นทางแห่งการหลอมรวมมันจึงมีโอกาสที่จะล้มเหลว
“แต่หากข้าพยายามหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมโดยพื้นฐานแล้ว
ข้าสามารถรับประกันความสําเร็จถึงหนึ่งร้อยส่วน แน่นอนว่านี่ไม่รวมวิญญาณอมตะระดับเก้าบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม’
ฟางหยวนยืนยันประเด็นนี้เรียบร้อยแล้ว
ในแง่มุมนี้ ไม่ว่าจะเป็นบรรพชนผมยาว ผู้อมตะเฒ่ากงจื่อ หรือเฒ่าสายฟ้าเทียนหนานไม่มีผู้ใดสามารถแข่งขันกับฟางหยวน
เนื่องจากฟางหยวนเป็นเทพบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม เขาจึงสามารถปรับแต่งร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่อยู่ในสภาพแวดล้อม
ทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมประกอบไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า
บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม ดังนั้นฟางหยวนจึงสามารถควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์
ตราบเท่าที่ไม่มีเรื่องไม่คาคคิดเกิดขึ้นระหว่างการหลอมรวม ด้วยทรัพยากรอมตะเพียงไม่กี่ชิ้น
จากเส้นทางสายอื่นการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมจะประสบความสําเร็จอย่างแน่นอน
ในแง่ของโอกาสประสบความสําเร็จการหลอมรวมของฟางหยวนนําหน้าสระหลอมรวมสี่ธาตุแห่งความโศกเศร้าไปแล้ว
นอกจากนั้นสิ่งนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เขาฝึกฝนเพียงเล็กน้อยและยังไม่ชํานาญท่าไม้ตายต่างๆบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมมากนัก
แม้ฟางหยวนจะเป็นเทพบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมแต่เขายังต้องฝึกฝนอีกมาก
‘ข้าต้องฝึกฝนเพื่อให้ได้รับประสบการณ์มากขึ้นในอนาคตเมื่อความสําเร็จบนเส้นทางสายอื่น
ของข้าเพิ่มขึ้นโอกาสประสบความสําเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะของเส้นทางเหล่านั้นจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน
น่าเสียดายที่ข้ายังไม่สามารถนําแดนแรกกําเนิดออกมาจากสวรรค์สีเหลือง’
ฟางหยวนไม่มีวิธีดึงแดนแรกกําเนิดออกมาจากสวรรค์สีเหลืองดังนั้นเขาจึงต้องเก็บแดนแรก
กําเนิดไว้ที่นั่นและจ่ายค่าธรรมสําหรับการเก็บรักษา
เมื่อคิดถึงสวรรค์สีเหลืองฟางหยวนก็นึกถึงผู้อมตะสามคนที่ทําธุรกรรมกับเขาก่อนหน้านี้
คนทั้งสามมาจากภาคใต้ภาคกลางและภาคเหนือ
พวกเขาทําธุรกรรมสาธารณะโดยใช้ชื่อจริงของตนเองดังนั้นผู้อมตะทั้งหมดจึงรับรู้เรื่องนี้
ผู้อมตะภาคใต้เป็นสมาชิกตระกูลเฉียวการทําธุรกรรมระหว่างผู้อมตะตระกูลเฉียวกับฟาง
หยวนมีความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นเพราะแรงกดดันจากวูหยง
นอกจากนั้นยังมีผู้บ่มเพาะสันโดษของภาคเหนือและปีศาจอมตะของภาคกลาง
ความจริงก็คือหลังการทําธุรกรรมของวูหยงผู้อมตะจํานวนมากลอบติดต่อฟางหยวนอย่างลับๆเพื่อขอให้เขาหลอมรวมวิญญาณอมตะ
แต่กฎของฟางหยวนคือต้องทําธุรกรรมแบบเปิดดังนั้นผู้อมตะหลายคนจึงลังเล
มีผู้อมตะเพียงไม่กี่คนที่เผชิญหน้ากับแรงกดดันจากภายนอกและยอมรับกฎการทําธุรกรรม
ของฟางหยวน
นอกจากผู้อมตะตระกูลเฉียวฟางหยวนยังหลอมรวมวิญญาณอมตะให้อีกสองคนพวกเขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับหกอาจกล่าวได้ว่าเพราะตัวตนของพวกเขาอยู่ด้านล่างสุดของโลกผู้อมตะดังนั้นพวกเขาจึงต้องเสี่ยงและพยายามเปลี่ยนสถานการณ์ของตนเอง
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าวังสวรรค์และถ้ำสวรรค์นิรันดรจะทําอย่างไรหลังจากคนทั้งสองทําธุรกรรมกับฟาง
หยวน แต่คนทั้งสองไม่โง่ พวกเขาหลบหนีออกจากภาคเหนือและภาคกลางทันที
หากเป็นก่อนหน้านี้การกระทําดังกล่าวอาจมีข้อเสียมากมาย
แต่ด้วยการสลายตัวของกําแพงภูมิภาคห้าภูมิภาครวมเป็นหนึ่ง ทุกอย่างจึงแตกต่างออกไป
ผู้อมตะสามารถเดินทางไปที่ใดก็ได้พวกเขาจะไม่ถูกหยุดโดยปราณสวรรค์พิภพอีกต่อไป
‘หลังจากนี้จะเป็นช่วงเวลาสําคัญ’ฟางหยวนไม่รู้ว่าเทพอมตะกลุ่มดาวและเทพอมตะตะวันเดือดจะทําอย่างไรแต่เขากําลังทําให้เทพทั้งสองกังวลและระวังตัว
ตามการคาดเดาของเขามีความเป็นไปได้สี่ประการ
ประการแรก พวกเขาจะส่งผู้ใต้บังคับบัญชาออกมาสังหารผู้อมตะระดับหกทั้งสองหากคนทั้ง
สองตายด้วยน้ํามือของวังสวรรค์และถ้ำสวรรค์นิรันดร ฟางหยวนจะมีความสุขมาก
ประการที่สอง เทพทั้งสองร่วมมือกันโจมตีฟางหยวนฟางหยวนระวังเรื่องนี้มากแต่เขาก็ต้องการเห็นสิ่งนี้เช่นกัน
ประการที่สามเทพทั้งสองจะโจมตีสวรรค์สีเหลืองนี่จะเป็นการทําลายแผนการของฟางหยวน
แต่ความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นมีค่อนข้างน้อย หลังจากทั้งหมดสวรรค์สีเหลืองเป็นการดํารงที่ลึกลับไม่ว่าจะเป็นวังสวรรค์ถ้ำสวรรค์นิรันด์นิกายเงาหรือผู้เชี่ยวชาญที่ต้องการค้นหาสวรรค์สีเหลือง พวกเขาล้วนล้มเหลวทั้งหมด
กระทั่งฟางหยวนก็ไม่รู้ว่าสวรรค์สีเหลืองซ่อนอยู่ที่ใด
ประการที่สี่ กรณีนี้มีโอกาสเกิดขึ้นมากที่สุดมันคือเทพทั้งสองเพิกเฉยต่อธุรกรรมของฟางหยวนเนื่องจากพวกเขาไม่สามารถหยุด พวกเขาก็จะโจมตีด้านอื่นเช่นการยกระดับการบ่มเพาะกองกําลัง และแผนการต่างๆของฟางหยวน
‘ในความเป็นจริงตั้งแต่เราออกจากถ้ำปีศาจคลั่งการแข่งขันระหว่างข้าเทพอมตะกลุ่มดาวและเทพอมตะตะวันเดือดก็เริ่มต้นขึ้นแล้วผู้ใดที่สามารถพัฒนาได้ดีที่สุดจะเป็นฝ่ายได้เปรียบเมื่อการต่อสู้ปะทุขึ้น’
‘ความได้เปรียบอาจไม่ใช่ชัยชนะแต่เมื่อความได้เปรียบสะสมมากขึ้น มันจะส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์
ฟางหยวนเข้าใจจุดยืนของตนเองอย่างชัดเจน
เขารู้ว่าชัยชนะในถ้ำปีศาจคลั่งเกิดจากกลยุทธ์ของเขา
เนื่องจากฟางหยวนแสดงตัวเป็นตัวตนกึ่งระดับเก้ามาตลอด เทพเหล่านั้นจึงไม่คิดมากเกี่ยวกับเขาสิ่งนี้ทําให้เขามีโอกาสผลิกสถานการณ์และได้รับชัยชนะ
แต่เทพไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกง่ายๆ
ดังนั้นฟางหยวนจึงจงใจเปิดเผยความทะเยอทะยานที่จะเป็นเทพบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมต่อเทพทั้งสอง
เขาจงใจยอมแพ้ในแดนแรกกําเนิด เมื่อแดนแรกกําเนิดถูกทําลาย เทพทั้งสองคิดว่าฟาง
หยวนไม่สามารถเป็นเทพได้ในระยะเวลาสั้นๆ ดังนั้นพวกเขาจึงละเลยเขา
ฟางหยวนยังเปิดเผยจุดอ่อนของเขาต่อไป
ด้วยนํามือของเทพอมตะตะวันเดือด
ตัวอย่างเช่นเจิ้งปู้ตู้ที่ทําให้เทพอมตะกลุ่มดาวปวดหัวมาตลอด ฟางหยวนปล่อยให้เจิ้งปู้ตู้ตาย
นอกจากนั้นเขายังตั้งใจละทิ้งท่าไม้ตายเกราะหวนคืน คฤหาสน์วิญญาณอมตะป้อมปราการบน
ภูเขาที่สงบสุข และวิธีการอื่นๆเพื่อทําให้เทพทั้งสองคลายความระวังตัว
ฟางหยวนวางแผนเสียสละร่างแยกบรรพชนทะเลปราณเช่นกัน
แต่ถึงกระนั้นเทพทั้งสองก็ยังต้องการกําจัดเขาออกไปก่อน
นั่นเป็นช่วงเวลาอันตรายที่สุดสําหรับฟางหยวน
เขาเผชิญหน้ากับภัยคุกคามทั้งภายในและภายนอก ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้ายท้ายที่สุดวิญญาณกาลเวลาก็ไม่สามารถใช้งาน
โชคดีที่ฟางหยวนผ่านบททดสอบนี้และสามารถมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
เทพทั้งสองต่อสู้กันเองขณะที่การก้าวเข้าสู่ระดับเก้าของเทพอมตะสวรรค์พิภพและการปรากฏ
ตัวของเทพปีศาจไร้ขอบเขตช่วยดึงดูดความสนใจของพวกเขา
สุดท้ายฟางหยวนจึงสามารถสังหารเทพอมตะสวรรค์พิภพและกลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการต่อสู้ที่ถ้ำปีศาจคลั่ง
นอกเหนือจากกลยุทธ์การต่อสู้ที่ดี สิ่งสําคัญที่ทําให้ฟางหยวนได้รับชัยชนะคือเขาเตรียมตัวมาอย่างเพียงพอ
วิญญาณความสามารถและวิญญาณความอดทนมีประโยชน์มากในถ้ำปีศาจคลั่ง
ฟางหยวนยกระดับการบ่มเพาะของผู้ใต้บังคับบัญชา นั่นทําให้เทพธิดากระต่ายขาวและเทพธิดาเมี่ยวหยินสามารถต่อสู้กับราชันเหม่ยและราชันตง
ฟางหยวนคิดค้นและดัดแปลงท่าไม้ตายผสมจํานวนมากเช่นตราประทับตงฮันเหล่าโปเส้นทางแห่งชีวิตรอยสักหลายร้อยรอย สวรรค์อิจฉาอัจฉริยะและท่าไม้ตายผสมอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน
ฟางหยวนสร้างเส้นโลหิตปฐพีเทียมและมีวิธีป้องกันเส้นทางอาหารเขายังเตรียมท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันเอาไว้เช่นกัน
การจัดเตรียมส่วนใหญ่ถูกใช้ในถ้ำปีศาจคลั่ง หากเขาไม่ได้เตรียวตัวมาอย่างเป็นอย่างดีแม้เขาจะมีกลยุทธ์ที่เหมาะสมเขาก็ไม่สามารถยืนหยัดจนถึงที่สุด
ข้ากลายเป็นเทพบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมและได้รับผลประโยชน์มากที่สุดในถ้ำปีศาจคลั่งดังนั้นเทพอมตะกลุ่มดาวและเทพอมตะตะวันเดือดจะให้ความสําคัญกับข้ามากขึ้น’‘ข้าต้องทําทุกอย่างเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตนเองและพัมนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งนั่นคือ
วิธีที่ข้าจะสามารถรวบรวมความได้เปรียบในการต่อสู้กับเหล่าเทพ
ผลลัพธ์ของการพัฒนาในช่วงเวลานี้จะเป็นปัจจัยสําคัญที่จะส่งผลกระทบต่อการแข่งขันของสามเทพในอนาคต