Rise of The Undead Legion - ตอนที่ 220
Chapter 220 : ใครเป็นเด็กดีน๊า ? นายนี่ไง
” โอ๊ย หัวฉัน ! ” – วาเนสซ่า ร้องออกมา
” เราดื่มไปเยอะ เยอะมากกกก ” – โซว์ พูดขึ้นอย่างอ่อนแรง
เคทลิน ยังคงห่อผ้าห่มไว้รอบตัวพร้อมกับ โซว์ ที่เดินหาของไปทั่วทั้งห้อง
” เธอทำอะไหร ? “
” หาอะไรมาใส่น่ะสิ เสื้อผ้าฉันอยู่จูอีกห้องและฉันคงไม่กลับไปที่นั่นแน่ะ ” – โซว์ พูดขึ้น
” อ่ะ นี่ไง ” – เธอเจอผ้าขนหนูในตู้เสื้อผ้า เธอใส่มันผืนหนึ่งและโยนอีกผืนอให้กับอีกคน
” แล้วเกิดอะไรขึ้น ?ฉันได้ยินเสียงเธอตะโกนดังขึ้นจากทางเดิน ? ” – วาเนสซ่า ถาม
” เธอต้องไม่เชื่อแน่ว่าไอ้ ราฟ น่ะ ทำอะไร ! ฉันเมานอนอยู่ใต้ผ้าห่มตอนที่รู้สึกเจ็บแสบขึ้นมาที่….ช่างเธอ ไอ้บ้านั่นมันตีฉัน อย่าแรง + แรงซะจนเป็นรอยมือและมันยังเจ็บอยู่จนกระทั่งตอนนี้ เธอพึมพำเรื่องอาหารเช้า ถ้าฉันมีเสื้อผ้าอยู่ฉันคงเตะเขาไปแล้ว เขาบอกว่าเขาคิดว่าฉันเป็น เดฟ ” – โซว์ ร้องออกมาพร้อมกับหน้าที่แดงและสายตาที่แสดงความหงุดหงิดออกมา
” เกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ ทำไม ราฟ ถึงได้ไปอยู่ในห้องฉันและพวกเธอสองคนมาอยู่ห้อง เดฟ ได้ยังไง ? แผนคือผู้หญิงนอนในห้องฉันและผู้ชายก็นอนในห้อง เดฟ “
” ฉันเองก็ไม่รู้ ฉันเพิ่งตื่นและก็เห็นว่าเขาอยู่บนเตียงกับฉันด้วย จากนั้นฉันก็เห็น วาเนสซ่า อยู่ด้วย “
” พวกเธอจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ ? ” – วาเนสซ่า ถามพร้อมกับเอาผ้าขนหนูคาดตัวไว้แต่ไม่ได้รัดปมไว้
” ไม่ เรายังหนักหัวอยู่เลย สิ่งสุดท้ายที่ฉันจำได้คือฉันอยู่ที่ผับอันเดอร์กราว โอ้ เดี๋ยวนะ ! ฮาฮา ! สีหน้าของ เจนนี่ ตอนที่เธอดูบิลเราเมื่อคืนนี้ ! “
สาวๆพากันหัวเราะ
” ฉันจำได้ว่า โซว์ บอกว่าเธอจะไปเช่าห้องที่โรงแรมแต่ฉันก็จำอะไรไม่ได้อีกตอนที่เราเข้าลิฟต์ “
” อืม ฉันปวดหัว ฉันจำอะไรไม่ได้เลย ฉันว่าเราสั่งอาหารเช้ามากินแล้วนอนจนกว่าจะหายแฮงค์ก่อน ตอนนี้ไม่มีผู้ชายหน้าโง่มาขัดการนอนของฉันแล้ว ” – เคทลิน บ่นออกมา
” งั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเธอสองคนเมื่อคืนใช่มั้ย ?” – โซว์ ถามและมองไปที่ วาเนสซ่า กับ เคทลิน
” ไม่มี ! ฉันคิดว่า…” – เคทลิน ขมวดคิ้วพยายามคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
” แต่ทำไมพวกเธอถึงโป๊ได้ ? ” – โซว์ ถาม
” ฉันติดนอนแบบนี้อยู่แล้ว ” – เคทลิน ยักไหล่
” สาวๆ เธอก็รู้ว่าถึงแม้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่เราก็ให้ผู้ชายคิดแบบนั้นไม่ได้ เราต้องย้ำจุดยืนของพวกนั้น ” – โซว์ มองไปที่ผู้หญิงอีกสองคนด้วยสายตาที่แฝงด้วยความหมาย
” โอ้ ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก ” – วาเนสซ่า พูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ – ” พวกนั้นต้องได้รับผลจากการกระทำนี้ “
***
เดฟ ได้พาสามเกลอเข้าไปในป่าต่อ น่าแปลกใจที่ไม่มีมอนเตอร์ตัวไหนกล้าเข้าใกล้พวกเขาในตอนที่ Fiend เดินหน้า
” ฉันดีใจนะกับการที่ไม่โดนโจมตีโดยมอนเตอร์เลเวลสูงแต่เรามาที่นี่เพื่อเก็บเลเวลไม่ใช่รึไง ? ” – Pussy Flanker พูดขึ้นมา
” ไม่ต้องกังเวลเรื่อง xp หรอก ใช้เวลาตอนนี้ในการสำรวจป่าก่อน “- เดฟ พูดขึ้น
Perfect Shot ขัดขึ้นมา – ” Stroke พูดถูก ผู้เล่นคนอื่นเดินเข้ามาในป่าแบบปลอดภัยเหมือนเราไม่ได้ ดังนั้นเราอาจจะได้พบบางอย่าง “
” เราจะไปเจออะไรยกเว้นต้นไม้กับก้อนหิน ” – Flanker ยักไหล่
” หยุดพูดแล้วเดินต่อเถอะ นายบ่นก็เพราะนายน่ะขี่ Fiend ไม่ได้ ” – Human Fortress พูดขึ้นมา
” อั๊ก มันไม่แฟร์นิ ดูที่ Stroke สิ เขาขี่มอนเตอร์เลเวล 550 เลยนะเว้ย ! ทำไมฉันถึงขี่ด้วยไม่ได้ ? ” – Flanker บ่น
” ครั้งหน้าที่เราพบ Fiend อีกตัว นายก็ลองจับมันแล้วขี่มันดู ” – เดฟ ยิ้ม
Flanker มองไปที่มอนเตอร์ก่อนจะส่ายหน้า – ” นายอยากให้ฉันตายรึไง ? “
เดฟ ยิ้มแล้วพูดขึ้นมา – ” เดินหน้าต่อกันเถอะ หวังว่าเราจะเจอของที่น่าสนใจ ไม่งั้นแล้วเราก็คงต้องอยู่กับ Spike จนกว่าเวลาของมันจะหมดลง “
” ใครคือ Spike ? ” – Flanker ถามขึ้นมา
เดฟ ลูบหัว Fiend แล้วพูดขึ้น – ” ฉันตั้งชื่อมันว่า Spike “
***
Forest Prong Fiend รับรู้ถึงชื่อ
ความสนิทเพิ่มขึ้น 2/10
ตอนนี้มันเป็นมิตรต่อพันธมิตรของคุณเพิ่มขึ้น
เวลาในการขี่เพิ่มขึ้น 1 ชม.
***
” การตั้งชื่อของนายนี่มันแย่จริงๆ….Death Stroke ” – Flanker พูดขึ้น
” นายเองก็เรียกตัวเองว่า Pussy Flanker นิ นายว่าเรื่องการตั้งชื่อของคนอื่นไม่ได้หรอก “
” ชื่อฉันมีความหมายลึกซึ้งโว้ย ” – Flanker พูดขึ้น
” เหรอ ? มันมีความหมายว่าอะไร ? “
” ฉันไม่ค่อยอยากพูดถึงมัน “
เดฟ ส่ายหน้า – ” ช่างเถอะ ฉันคิดว่าพวกนายน่าจะเล่นกับมันได้แล้ว ” – เดฟ พูดขึ้น
” ทำไมฉันต้องอยากเล่นกับมันด้วย ? มันอาจจะกัดแขนฉันหลุดก็ได้ ” – Flanker บ่น
” ความสนิทกับมันเพิ่มขึ้นตอนที่ฉันตั้งชื่อให้ ฉันคิดว่ามันน่าจะเพิ่มขึ้นอีกถ้าพวกนายลองเล่นกับมันดู “
” ให้ฉันลองดูหน่อย ” – Human Fortress พูดขึ้นแล้วค่อยๆเดินเข้าหา Fiend มันมองกลับมาและก้าวถอยหลัง
” ไม่ต้องกังวล เราเป็นเพื่อนกันหมด Spike น้อย ใครกันนะที่เป็นเด็กดีซึ่งมีเขาแหลมๆบนหัว ใช่ นายไงล่ะ ” – Human Fortress ราวกับกล่อมเด็กน้อยอยู่
แทงค์ยื่นมือเปล่าออกไปให้มอนเตอร์ดม ตอนที่มันดูเหมือนว่าจะไม่โกรธนั้นเขาก็เริ่มเอามือลูบที่คางของมัน
” สวย นายอยากลองหน่อยมั้ย Flanker ? ” – เดฟ หัวเราะ
Flanker เดินเข้ามาใกล้ด้วยความกลัวเตรียมพร้อมที่จะดึงมือกลับไปอยู่ตลอด เมื่อได้รับสายตาระวังจาก Fiend เขาก็รวบรวมความกล้าและลองลูบขนของมันดู
” ขนนุ่มแหะ ” – Flanker พูดขึ้นมา Perfect เข้ามาเล่นด้วยจนกระทั่งทั้งสามได้อยู่ล้อมรอบหัวของมอนเตอร์และลูบมัน ตาของมอนเตอร์ปิดลงเล็กน้อยพร้อมกับร้องออกมาด้วยความพอใจ
” ความสนิทไม่เพิ่มขึ้นแหะ ” – เดฟ คิ้วขมวด
” แค่เล่นกับมันไม่ได้ผลหรอก นายเพิ่มจุดนี้ไปแล้ว ” – แทงค์พูดขึ้นมาและทำการลูบหัวมอนเตอร์ต่อ – ” มันสกปรก บางทีเราอาจจะทำบางอย่างได้ ฉันมีบางอย่างที่จะช่วยเราได้ ” – แทงค์ได้เอาหมวกออกมาจากช่องเก็บของ หมวกนี้เป็นทองแดงที่มีรูปตัว T ที่ตาและพู่สี่แดงด้านบน
” ฉันซื้อมันมาตอนเลเวล 20 มันเป็นแค่เครื่องประดับแล้วแต่เราก็ใช้มันเป็นแปรงได้อยู่ “
แทงค์ได้ใช้หมวกนั้นแปรงโคลนและสิ่งสกปรกอื่นๆออกไปจากตัวมอนเตอร์ ใช้เวลาอยู่สักพักจนหน้า, กีบและขาล่างรึแม้แต่ที่ส่วนท้องของมันจึงได้มีขนสีขาวที่นุ่มกว่าเดิม
เดฟ ได้รับแจ้งเตือนขึ้นมาอีกอัน
***
Forest Prong Fiend
ความสนิทเพิ่มขึ้น 3/10
ตอนนี้มันสามารถแบกผู้โดยสารอื่นได้
เวลาในการขี่เพิ่มขึ้น 1 ชม.
***
” ได้ผลแหะ เราขี่มันได้แล้ว นายรู้จักสัตว์ดีจริงๆ Fortress ” – เดฟ พูดขึ้น
” เรามีฟาร์ม มันมีม้าและฉันก็ชอบดูแลมัน มันมีอย่างอื่นที่นายลองทำเพื่อเพิ่มความสนิท นายเอาอาหารให้มันกิน บางทีอาจจะทำอานถ้าเราจะขี่มันไปในระยะยาว บางทีอาจจะเพิ่มของประดับอย่างเกราะถ้ามันตัดสินใจจะสู้ให้กับเรา ของพวกนั้นจะช่วยเพิ่มความสนิทให้กับ Spike ได้ ” – แทงค์พูดขึ้น
” ฉันไม่มีอานเลย แล้วเราต้องเอาอะไรให้ Spike กิน ? “
” ฉันเองก็ไม่รู้ เนื้อล่ะมั้ง ? ฟันมันดูคมเกินไปสำหรับการกินผัก… “- พรีสพูดขึ้น
แทงค์ขึ้นไปนั่งด้านหลัง เดฟ ก่อนที่นักธนูจะนั่งต่อมาและพรีสนั่งอยู่ท้ายสุด
” ทำไมฉันต้องมานั่งท้ายสุดด้วย ? ” – พรีสบ่น
” ทนไว้พวก ” – แทงค์พูดขึ้น
” เฮ้ย ไม่ดีเลยนะ ! “
” ถ้านายไม่พอใจ นายจะเดินก็ได้นะ ” – นักธนูยิ้ม
” เอาล่ะพวก ไปกันต่อเถอะ เรายังต้องเดินทางอีกไกลถ้าดูตามแผนที่ เอาล่ะ Spike แสดงให้เราดูหน่อยว่านายทำอะไรได้ — “
Fiend ร้องออกมาพร้อมกับกระทืบขาหลังพุ่งไปข้างหน้าเพิ่มความเร็วซะจนผู้เล่นทั้งสี่คนรู้สึกเหมือนจะไถลตกลงมา