Rise of The Undead Legion - ตอนที่ 224
Chapter 224 : ซากแห่งความคาดหวัง
เดฟ ที่ถูกน้ำพัดมาไปเข้าสู่กระแสน้ำที่เชี่ยวกราดที่ตกลงไปที่ด้านล่างน้ำตก แรงของกระแสน้ำกดเขาไว้ที่นั่นให้หมุนวนจนกระทั่งได้ตกลงมาตามน้ำตก
เขาว่ายน้ำทวนกระแสไปที่ริมฝั่งที่ใกล้ที่สุด
เขาขึ้นมาจากน้ำในสภาพโซเซเดินไปยังผืนทรายก่อนจะกลับมาใส่เกราะแล้วสำรวจรอบตัว
มีหน้าผาที่สูงชันทั้งสองฝั่งของแม่น้ำ นอกซะจากว่าเขาอยากจะปีนเขาแล้วงั้นคงมีแค่ทางเดียวคือเดินตามกระแสน้ำเพื่ออกจากที่นี่ พื้นดินทั้งสองฝั่งของแม่น้ำนั้นเรียงรายไปด้วยป่า เขาหวังว่าจะไม่มีมอนเตอร์ที่อันตรายโผล่มาจากพื้นที่นี้ เมื่อเดินตามน้ำมาได้ไม่นานเขาก็พบ Flanker และ Fortress ที่กำลังตากเสื้อผ้าตัวเองอยู่ที่ริมฝั่ง
เดฟ วิ่งเข้าไปหาแต่ก็ต้องหยุดตอนที่เห็น Spike ที่นอนอยู่ข้างๆ ร่างกายขนาดใหญ่ของมันครึ่งหนึ่งจมน้ำอยู่
“ ยินดีที่นายรอดมาได้นะ “ – Fortress ทัก เดฟ
เดฟ พยักหน้าตอบรับ – “ พวกนายก็ด้วย “
“ มันโคตรสุดยอดเลย ฉันตกจากที่สูงเป็นไมล์ “ – Flanker พูดขึ้น
เดฟ มองไปที่พรีสด้วยสีหน้าตะลึง – “ ดูเหมือนนายจะชอบพวกรถไฟเหาะสินะ แล้ว Spike เป็นอะไร ? แล้ว Perfect อยู่ไหน ? “
“ Perfect ไปดูลาดเลาด้านหน้า ดูสิพวก Spike น่ะได้รับบาดเจ็บหนัก หินในแม่น้ำและการตกลงมาน่ะสร้างความเสียหายให้กับมัน “
‘ แปลก เราก็ไม่ได้เจ็บอะไรมาก บางทีอาจะเป็นเพราะมันตัวใหญ่และหนักกว่าเรามาก’
เดฟ เดินเข้าไปหา Spike แล้วนั่งยองๆข้างหัวของมัน มีรอยแผลลึกที่ข้างตัวและขาหลังที่กำลังเลือดไหลอยู่ในน้ำ เมื่อเห็นพาหนะที่แบกพวกเขามาไกลขนาดนี้ได้รับบาดเจ็บนั้น มันก็ทำให้เขาปวดใจ
“ ทำไมนายไม่รักษาเขา ? “ – เดฟ ถามและมองไปที่พรีส
“ ฉันขอโทษทีพวก ฉันลองแล้วแต่ฉันก็ได้รับแจ้งเตือนบอกว่าฉันฮีลมันไม่ได้เพราะบางเหตุผล ฉันไม่คิดว่ามันจะเชื่อใจฉัน “ – Flanker ยักไหล่
เดฟ ลูบที่ขนของ Spike – “ โทษทีนะพวก ให้ Flanker ที่อยู่ตรงนี้ฮีลนายได้มั้ย ? “
Fiend ร้องออกมาและส่ายหน้า
***
Forest Prong Fiend บาดเจ็บและอยู่ในสภาวะหงุดหงิด ความสนิทของคุณต้องมีอย่างน้อย 5 หน่วยถึงจะเข้าใกล้มอนเตอร์ได้
***
เดฟ ส่ายหน้าและเอายาฟื้นฟูขวดสีแดงออกมาวางไว้ใต้จมูกของ Spike
“ มาพวก ดื่มมันซะ มันจะรักษานาย “ – เดฟ ดึงหัวของ Spike ขึ้นมาและเทยาลงไปในปากของมอนเตอร์ ไม่นานหลังจากนั้นแผลก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็วจน Spike ลุกขึ้นกลับมายืนได้และเอาหัวถู เดฟ ก่อนจะร้องออกมาราวกับขอบคุณเขา เดฟ เกาคางให้มันก่อนจะยิ้มออกมา
***
ความสนิทกับ Forest Prong Fiend เพิ่มขึ้น 6/10
Forest Prong Fiend คิดว่าคุณเป็นพันธมิตรที่เชื่อใจได้และตอนนี้ยอมที่จะสู้เพื่อคุณรวมถึงเป็นพาหนะให้คุณและพวก
Forest Prong Fiend จะช่วยในการต่อสู้ตราบใดที่เลือดของมันไม่ต่ำกว่า 75%
***
“ เฮ้ พวก “ – เสียงของ Perfect ดังขึ้นมาในช่องแชท
“ ฉันเห็นเมืองจากที่นี่ เราน่าจะไปที่นั่นดู “ – Perfect พูดขึ้น
“ เมือง ? “ – เดฟ ถาม
“ เดฟ นายรอดมาได้ ! “
“ ใช่ ลำบากนิดหน่อยแต่ก็รอดมาได้ เมืองอะไร ? “
“ หุบเขาพาไปทางที่มีแต่ป่า ป่าทึบจริงๆ มีเมืองอยู่ที่บนเนินเขา, หอคอยและทุกๆอย่าง “
แทงค์อธิบายออกมา – “ Perfect เห็นเมืองตอนที่เขาอยู่ที่ริมน้ำตกตอนที่จะตกมา บางทีคงเป็นเพราะสกิลติดตัวของอาชีพเขา “
“ ไม่เคยได้ยินเรื่องเมืองกลางป่ามาก่อนเลย น่าสนใจและแปลกด้วย ไปดูกันเถอะว่าเราจะเจออะไรบ้าง “ – เดฟ จับที่ตัว Spike ก่อนจะโดดขึ้นหลังมัน Flanker และ Fortress เองก็โดดขึ้นที่นั่งของตัวเองด้วย
เดินมาไม่นานพวกเขาก็พบกับ Perfect ที่โดดขึ้นมาบนหลัง Spike คั่นกลางระหว่าง เดฟ กับ Fortress
“ อ่ะ ไม่เอาน่าพวก ฉันไม่ได้อยากอยู่รั้งท้ายตลอดสักหน่อย “ – Flanker บ่น
“ เราต้องตามแม่น้ำไป มันไหลทะลุกลางเมือง “
พวกเขาเดินตามแม่น้ำไปจนกระทั่งมาถึงปากหุบเขา หน้าผาและต้นไม้เริ่มมีมากขึ้นจนกลายเป็นป่าทึบ
ใบไม้ที่ขึ้นที่นี่ได้กันท้องฟ้าเอาไว้ ตาสีแดงมากมายส่องประกายในความมืดมองมาที่พวกเขา
“ ที่นี่น่าขนลุกชะมัด ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในหนังสยองขวัญเลย “ – Flanker พูดขึ้น – “ ฉันหวังว่าจะไม่มีแมงมุมกับมังกรโผล่มาอีกนะ “
“ นายหุบปากทีได้มั้ย “ – Perfect ตะโกนขึ้นมา
Spike เองก็หยุดไปทันที
“ มีอะไรเพื่อน ? “ – เดฟ พูดขึ้น
ใบไม้ด้านหนึ่งถูกแหวกออกพร้อมกับสิ่งมีชีวิตที่โผล่มาตามาด้วยร่างกลมๆที่เต็มไปด้วยหนาม มันดูคล้ายกับเม่นดำแต่มันมีขนาดใหญ่กว่า Spike ถึงสองเท่า มันมองมาที่พวกเขาด้วยท่าทีสับสนและสงสัยว่าทำไมถึงได้มีอะไรมาขวางทางมันได้
***
[Atelerix spinalapis giganticus] (เม่นยักษ์กระดูกหิน, กลายพันธุ์)
เลเวล : 550
ดาเมจ : 205,000-300,000
HP : 550,000
ลดดาเมจ : 30,000
ดูดซับเวทย์ : 50,000
สกิล :
{Roller Derby of Death : ขดตัวเป็นลูกบอลแล้วหมุนไปข้างหน้าทำดาเมจ 200% และทำให้เลือดไหล 20 วินาทีลดเลือดเป้าหมาย 1% ต่อวินาที }
{Make it Rain : ระเบิดหนามออกไปในรัศมี 10 ม. หนามแต่ละอันทำดาเมจ 5%}
คำอธิบาย : สิ่งมีชีวิตที่ไร้พิษภัยของป่าที่กลายพันธุ์ขึ้นมาจากเวทย์มนต์ของป่า ด้วยหนามยักษ์ที่ครอบคลุมตัวนี้มันจึงไม่ได้ไปล่าเหยื่อรึหาเรื่องต่อสู้ พวกมันน่าอารมณ์เสียได้ง่าย
***
“ ใครมีเทปบ้างมั้ย ?” – Fortress พูดขึ้นมา
“ เทปมันจะช่วยได้ยังไง ? “
“ เราจะเอามาปิดปาก Flanker “
“ เฮ้ย พวก ! “ – Flanker ตะโกนขึ้นมาพร้อมกับคนอื่นที่หัวเราะ
ในขณะเดียวกันเม่นก็เริ่มเปลี่ยนท่าทีจากสับสนเป็นรำคาญ มันกรีดร้องใส่พวกเขาแล้วขดตัวเป็นลูกบอลเริ่มกลิ้งเข้าใส่พร้อมหนามที่ขุดดินกระจายไปทั่ว
“ วิ่ง ! “ – เดฟ ตะโกนใส่ Spike
Spike พุ่งหนีออกจากทางที่เม่นกลิ้งมาพุ่งเข้าไปยังต้นไม้สองต้นราวกับลูกธนู ผู้เล่นต่างก็ต้องพากันจับ Spike เอาไว้แน่นพร้อมกับกิ่งไม้และใบไม้ที่ฟาดหน้า สุดท้ายแล้วพวกเขาก็สลัดเม่นหลุดและลดความเร็วลงมุ่งหน้าไปยังเมืองอีกครั้ง
Perfect ได้พูดขึ้นมา – “ ฉันคิดว่าเราสลัดเม่นกระดูกนั่นหลุดแล้วล่ะ “
“ ใช่ แต่อย่าลดการป้องกันลง เราต้องเดินหน้าต่อจนกว่าจะถึงเมือง “
“ เรายังไม่ได้หยุดวิ่งเลยตั้งแต่ที่เข้ามาในป่า นี่เรามาทำบ้าอะไรที่นี่กันแน่ ? “ – Flanker บ่น
“ เรามาช่วย Stroke ปล้นสุสานและรอเควสของนายคูลดาวน์เสร็จไงล่ะ เรื่องมันคงดีกว่านี้เยอะถ้ามีใครสักคนที่ปิดปากเงียบเอาไว้ “
“ อ่ะพวก มันเรื่องไร้สาระสุดๆเลย เรื่องที่เกิดขึ้นน่ะไม่ใช่เพราะฉันพูดเรื่องโง่ๆไปหรอก “
“ นั่นไม่ใช่ข้อแก้ตัวกับการพูดอะไรโง่ๆออกมา Flanker “
Spike เดินข้ามคลองที่เต็มไปด้วยกลิ่นกำมะถันและของเน่า มันกระโดดราวกับเสือชีตาร์
พวกจระเข้ยักษ์และงูต่างก็พากลับลงไปในน้ำในตอนที่ Spike โดดข้ามไป
ในอีกด้านของคลองพาหนะของพวกเขาได้ข้ามคลองมาสำเร็จพร้อมกับสลัดโคลนออกจากรีบเท้าด้วยต้นหญ้าที่ฝั่งตรงกันข้าม
“ อ่ะ Spike อยากให้ขัดให้ เขาเหม็นกลิ่นคลองเมื่อตะกี้ “ – Fortress ชี้ออกไป
“ เราจะทำความสะอาดให้เขาตอนที่ไปถึงแม่น้ำในเมือง ฉันหวังว่าเขาคงชอบการอาบน้ำนะ “ – เดฟ เสนอขึ้นมา
พวกเขาได้กลับมาเดินทางผ่านป่าต่อมุ่งหน้าไปยังเมือง ในตอนที่เดินทางนั้นเส้นทางค่อยๆเริ่มปูด้วยถนนเก่าๆ หินนั้นพังไปแล้วและแทบจะเต็มไปด้วยโคลนและดินโดยมีพวกต้นหญ้าขึ้นแซมด้วย มีหลักกิโลที่ยังพอมีให้เห็นบ้างซึ่งมีทั้งพังไปแล้วและหักไปด้วย
สุดท้ายถนนก็เริ่มพังน้อยลงจนกระทั่งพวกเขาได้มาอยู่ที่ซากของประตูเมือง พวกเขาได้เข้าไปในเมืองและพบว่าด้านในนั้นมีสภาพที่แย่กว่าถนนและประตูเมืองอีก เมืองนี้ดูเหมือนกับโดนทำลายมานาแล้ว
“ นี่มันอะไร ? พวกมันพังหมด “ – Fortress ชี้ไปที่กองดินสีดำ
มันมีกองดินแบบนี้ทั่วทุกที่ น่าแปลกที่ไม่มีหญ้าขึ้นใกล้กองดินพวกนั้นเลย
Pertfect เข้าไปตรวจสอบดินนั้น – “ มันคือดินภูเขาไฟ….แกรนิตมั้ง “
“ ดูเหมือนว่าจะมีการต่อสู้รึการบุกโจมตี “ – แทงค์พูดขึ้นมาแล้วมองไปรอบๆเมืองที่โดนทำลายอย่างชัดเจน
“ ไปดูรอบๆกัน เราอาจจะเจอของที่น่าสนใจก็ได้ “ – เดฟ พูดขึ้น
Flanker ชี้ไปที่ตึกหนึ่งซึ่งมีกำแพงเพียงสองข้าง – “ มีโรงหล่อที่นั่น นายจะเห็นส่วนหลอมที่ด้านซ้าย ไปดูที่นั่นกันเถอะ “
โรงหล่อนี้บ่งบอกได้อย่างง่ายดาย มันมีปล่องควันและเตาไฟที่พังไปแล้ว
ผู้เล่นได้เดินเข้าไปและตรวจสอบด้านในดู มีเครื่องมือเก่าๆ, คราดสนิมกินและดาบหักกระจายอยู่เต็มไปทั่ว มันมีรูขนาดเท่ากับหน้าที่ต่างกำแพงราวกับว่าโดนกระสุนปืนใหญ่ยิงทะลุมา ด้านในโรงหลอมนี้เป็นห้องสี่เหลี่ยมสีเงินซึ่งเต็มไปด้วยตัวอักษรรูน
เดฟ ได้ตรวจสอบก้อนหินดูแต่ก็ไม่พบข้อมูลอะไร
“ ฉันเคยเห็นมันมาก่อน ฉันมั่นใน ฉันแค่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นจากที่ไหน “ – เดฟ พึมพำกับตัวเอง
“ นายเจออะไร Stroke ? “
“ ก้อนหินนี่ดูคุ้นๆ “ – เดฟ พูดขึ้น
“ โอ้ใช่ มันดูคล้ายกับชิ้นส่วนของประตูวาร์ป “ –แทงค์พูดขึ้นมา
“ ประตูวาร์ปในป่า ? “ – พรีสถามขึ้นมา
“ นี่เป็นเมืองนิ ถ้าไม่มีประตูวาร์ปงั้นคนที่นี่ก็ต้องเดินผ่านป่าทุกครั้งที่จะไปที่อื่น การวาร์ปน่ะเป็นสิ่งจำเป็น “ – Perfect พูดขึ้น
“ ฉันพนันว่าประตูนั้นคงโดนระเบิดไม่ก็ทำลายและเศษหินนี่ก็ได้กระเด็นเข้ามา งั้นประตูนั่นก็คงต้องอยู่ใกล้ๆ “ – เดฟ พูดขึ้น
“ ถ้าเราซ่อมประตูได้ เราก็สามารถใช้มันเดินทางกลับมาที่นี่โดยไม่ต้องสู้กับแมงมุมรึวิ่งหนีมังกรอีก “ – พรีสพูดขึ้น
“ เราลองซ่อมมันได้ ฉันไม่เคยอ่านเจอเรื่องการซ่อมตึกรึการซ่อมประตูวาร์ปในเกมมาก่อนเลย เราต้องรวบรวมหินทุกก้อนมา “ – แทงค์พูดขึ้น
“ Fortress พูดถูก “ – เดฟ พูดขึ้น – “ กระจายตัวออกไปค้นหา ถ้าเจอเศษหินพวกนี้ก็ทำเครื่องหมายไว้ในแผนที่และส่งให้คนอื่นดูด้วย “
“ งั้นมาลองขยับชิ้นนี้ก่อน “ – Fortress ใช้มือทั้งสองข้างวางลงไปที่ก้อนหิน เขาโน้มตัวแล้วผลักมันแต่มันไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย
“ มันโคตรหนักเลย “
“ ปล่อยทิ้งไว้ก่อน แม้ว่าเราจะหาชิ้นส่วนทั้งหมดเจอแต่เราก็ไม่รู้ว่ามันเอากลับมาสร้างประตูได้อีกรอบรึเปล่า ไปดูกันก่อนว่าเราจะหาชิ้นส่วนกับที่ตั้งประตูได้รึเปล่าแล้วค่อยมากังวลเรื่องต่อไปกัน “ – เดฟ พูดขึ้น
เดฟ กระโดดข้ามกำแพงที่พังด้านหนึ่งไปและมองไปรอบๆ
“ นี่มีอีกชิ้น “- เดฟ ชี้ไปที่ก้อนหินใจกลางถนน
“ มีอีกชิ้นตรงนี้ เหี้ย เราจะไปขนมันมายังไง ? “ – Perfect ชี้ไปที่ยอดตึกที่ซึ่งหินสีเงินได้ฝังอยู่บนกำแพงสูง
“ เจออีกชิ้นแล้ว “ – Flanker พูดขึ้น – “ ใต้ต้นไม้นั่น “
พวกเขากระจายตัวกันไปแต่ก็ยังคอยจับตาดูกันอยู่เสมอโดยทำตามกฎว่าห้ามแยกกันไกลเด็ดขาด
“ ฉันคิดว่าที่นี่คือที่ตั้งประตู “ – Fortress พูดขึ้น
เขาชี้ลงมาที่ถนนระหว่างตึกสองตึกไปยังพื้นที่เปิดโล่ง มันอาจจะเป็นลานเมือง ใจกลางลานนั้นล้อมรอบไปด้วยซากตึก มันมีแท่นยกตัวขึ้นมาด้วยหินที่เรียงอัดไว้แน่น มีเศษหินสีทองกระจายอยู่ด้านบน มีสองก้อนที่สูงกว่าก้อนที่เหลือตั้งพิงกันเอาไว้ใจกลางแท่นหิน
“ ใช่ นั่นน่าจะเป็นตำแหน่งของประตู อย่างแรกที่เราต้องทำคือขนก้อนหินสีเงินทั้งหมดมาที่นี่ “
“ อันที่อยู่ใต้ต้นไม้ อันที่ฝังกับตึก อันที่อยู่ในโรงหลอมและอีกอันที่นี่ มีทั้งหมด 11 อัน “ – เดฟ หยุด – “ ฉันว่ามันหายไปชิ้นหนึ่ง “
“ ทำไมนายถึงได้พูดแบบนั้น ? “ – Flanker ถาม
“ เพราะเราต้องใช้รหัส 12 ตัวในการใช้ประตูวาร์ป ฉันคิดว่าแต่ละก้อนน่ะคือเครื่องหมายรูนที่สอดคล้องกับเลข 12 หลัก ดังนั้นมันจึงหายไปชิ้นหนึ่ง “
“ ฟังดูเข้าท่า “ – พรีสยักไหล่
“ เอาล่ะ ไปหาก้อนสุดท้ายกัน “ – เดฟ พูดขึ้น