Rise of The Undead Legion - ตอนที่ 240
Chapter 240 : ส่วนผสมที่ไม่เชื่อฟัง
สิ่งแรกที่ เดฟ เห็นบนหัวเขาตอนที่เขาลืมตาขึ้นมาคือใบไม้สีแดงที่ค่อยๆพัดผ่านไป เมื่อตระหนักได้ว่าเขานอนอยู่ เขาก็พยายามลุกขึ้นนั่งแต่ก็ไม่อาจจะขยับได้ เขาโดนรัด เขาหันหน้าและเห็นเพื่อนที่โดนมัดอยู่กับแผ่นไม้และโดนร่างที่มีขนาดเท่ากับตุ๊กตาแบกไป สิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับคนนั้นมีผมยุ่ง, ผิวดำและสวมชุดที่ทำจากใบไม้
Flanker นั้นอยู่ข้างๆเขา ตอนที่พรีสเห็น เดฟ ขยับนั้นเขาก็ได้พูดขึ้นมา – “ เฮ้ Stroke ขอบคุณพระเจ้าที่นายกลับมา เราน่ะซวยแล้ว “
หนึ่งในร่างตัวเล็กได้แยกเขี้ยวและแทงหอกใส่ Flanker และร้องออกมาแบบโกรธๆ
“ โอ๊ย ! หยุดได้แล้วไอ้มอนเตอร์ โอ๊ย-“
“ Flanker เกิดอะไรขึ้น ? แล้ว Spike ไปไหนแล้ว ?” – เดฟ ถามผ่านช่องแชทปาร์ตี้
“ เหี้ย มันเจ็บ ใช่ พวกขอทานนี้อยู่ๆก็โผล่มาล้อมฉันไว้ตอนที่ฉันกำลังทำความสะอาดให้ Spike เขาน่ะหนีไป ฉันพยายามคุยกับพวกนี้ดูแต่พวกนี้ก็ไม่เข้าใจ “
เดฟ ดิ้นอยู่สักพักแต่ก็ไม่อาจจะสลัดเชือกให้หลุดได้และสกิลของเขาตอนนี้ก็เป็นสีเทาหมด
“ นายใช้สกิลได้มั้ย?”
“ ไม่ พวกมันเป็นสีเทาหมดตอนที่พวกนี้มัดฉันเอาไว้ “ – Flanker พูดขึ้น
เดฟ ได้ตรวจสอบบันทึกของตัวเองดู
***
คุณถูกจับและถูกมัด
ตราบใดที่คุณถูกมัดไว้ คุณไม่สามารถใช้สกิลได้และช่องเก็บของก็ถูกล็อคไว้ด้วย
***
เดฟ คิดอยู่สักพักและพยายามมองไปรอบๆเท่าที่ทำได้ เขามองไปยังสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งแล้วตรวจสอบมัน
***
[Smollzy]
อันตราย :
เลเวล : 480
ดาเมจ : 10-20(ดาเมจโดยตรง)
HP: 250,000
ลดดาเมจ : 300,000
ดูดซับเวทย์ : 500,000
สกิล :
{Impervious Band(ติดตัว) : เพิ่มโอกาสลบดาเมจ 0.1% ต่อทุกสมาชิกต่อตัวที่อยู่ใกล้ }
{Tribal Frenzy :โจมตีพวกมันตัวหนึ่งจะทำให้ทั้งเผ่าโกรธ ความเร็วในการโจมตีและการเคลื่อนที่ของทั้งเผ่าเพิ่มขึ้น 200%}
คำอธิบาย :
พวกมันเป็นเผ่าที่เก็บตัวซึ่งไม่รู้ต้นกำเนิด พวกมันอ่อนแอแต่ต้านทานเวทย์และการโจมตีกายภาพได้ดี เมื่ออยู่กลุ่มใหญ่นั้น พวกมันจะเป็นพวกที่แข็งแกร่งและจัดการได้ยากที่สุดในป่า เนื้อของพวกมันน่ะแข็งและรสชาติแย่จึงทำให้พวกหมูป่าไม่สนใจจะล่ามัน นั่นคือเหตุผลที่พวกมันรอดอยู่ในป่าได้ ชื่อจริงของพวกมันไม่มีใครรู้เพราะไม่มีใครที่รอดได้นานพอจะเรียนรู้อะไรรึไม่ก็ไม่อาจจะหนีได้ คำว่า Smoollzy นั้นมาจากคำอธิบายที่ไม่สมบูรณ์จากสิ่งมีชีวิตที่หนีรอดมาได้ คนที่หนีนั้นตายที่ริมผ่าเพราะโดนพิษจากหอกกระดูกของพวกมัน คนที่โชคร้ายนั้นบอกได้แค่ว่า – “มีพวกตัวเล็ก—–“ – ก่อนจะตายคาที่ไป
***
‘ยิ่งเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งยากที่จะฆ่าพวกนี้ได้ แต่ละตัวน่ะทำดาเมจได้น้อยแต่เป็นดาเมจโดยตรงและถ้ามันมีมากกว่าพันตัว พวกมันก็ถือว่าไร้เทียมทาน ’
ราฟ ตื่นขึ้นมาและมองไปรอบๆ – “ เกิดบ้าอะไรขึ้น ? โอ๊ย ! “
“ เราเองก็ไม่รู้ ใช้ช่องแชทคุย พวกนี้น่ะจะแทงนายถ้านายส่งเสียงดัง “ – เดฟ พูดขึ้น
“ ขอบคุณสำหรับคำเตือนที่ทันเวลาพอดีนะพวก “ – ราฟ ตอบกลับผ่านช่องแชทแล้วมองไปที่เพื่อนตัวเอง
“ โทษที ราฟ “ – เดฟ หัวเราะออกมา เขาหายกันเรื่องพิซซ่าแล้ว
Flanker ขัดขึ้นมา – “ ฉันรู้ว่านายเจ็บ พวก ไอ้มอนเตอร์ตัวเล็กนี่น่ะแทงตรงที่มันโคตรจะเจ็บ ! “
“ เฮ้ สกิลของฉันเป็นสีเทาหมดเลย ! “ – ราฟ พูดขึ้น
“ มันเพราะโดนมัด “ – เดฟ บอกกับเพื่อนตัวเอง
สาวๆล็อคอินเข้ามา เดฟ กับ ราฟ ได้อธิบายสถานการณ์ให้พวกเธอฟัง
เคทลิน นั้นไม่ได้โดนมัดไว้ดีนัก
“ มีแผนว่าไง ? ฉันอยากลองเอามีดออกมาจัดการกับพวกห่านี่ “ – เธอบ่นผ่านช่องแชท
“ ตอนนี้ยังไม่มี เราน่ะยังไม่ได้ตาย ดังนั้นเราต้องปล่อยไปก่อน “ *- เดฟ ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม บางทีนี่อาจจะเป็นอีเวนต์รึพวกเขาจะต้องตายกันจริงๆ
ถ้าไม่สามารถใช้สกิลได้ พวกเขาก็ได้แต่รอดู พวกมอนเตอร์เดินลัดเลาะป่าไปเรื่อยๆไม่ได้เดินทางเป็นเส้นตรง ครึ่งชั่วโมงต่อมาพวกมันก็ได้หยุดและวางผู้เล่นลง เดฟ มองไปรอบๆและพบว่าเขาอยู่ในหมู่บ้านที่มีกระท่อมนับร้อยหลัง พวกมันได้วางพวกเขาวงในวงเสาไม้ที่ล้อมรอบกองไฟขนาดใหญ่ใจกลางหมู่บ้าน
จากต้นไม้ใกล้กับหมู่บ้านนั้น พวกตัวเล็กกลุ่มหนึ่งก็ได้โผล่ออกมาแบกหม้อสีดำขนาดใหญ่ พวกมันวางหม้อนั้นไว้ที่กองไฟใจกลางหมู่บ้านและวางบันไดพาดไว้ที่หม้อ
Flanker กลืนน้ำลายอย่างกังวล – “ พวกมันเอาหม้อมาจากไหนกัน ? พวกมันคงไม่ได้มีเครื่องมือเหล็กอย่างอื่นสินะ “
“ ใครเคยอื่นเรื่องกัลลิเวอร์บ้าง ? “ – Perfect ถาม
ราฟ สบถออกมา – “ บ้าเอ้ย เราจะโดนต้มในหม้อนั้น เราเป็นวัตถุดิบหลัก “
Flanker เริ่มลนลานตอนที่เห็นพวกตัวเล็กปีนบันไดขึ้นไปเติมน้ำ, สมุนไพรและผัก
“ พวกมันจะปรุงเรางั้นเหรอ ? โอ๊ย หยุดพวกนั้นที ! พวกแกไม่อยากกินฉันหรอก ฉันน่ะรสชาติแย่ ฉันสาบานได้เลย ! “ – Flanker ตะโกนจนคอแห้ง
มอนเตอร์ตัวหนึ่งได้เอาหอกมาแทงพรีส
“ แย่ชะมัด เราจะตายและเราก็อยู่ใกล้สุสานแล้วด้วย “ – Fortress พูดขึ้นมา
มอนเตอร์สี่ตัวได้ปล่อย เดฟ ออกจากท่อนไม้โดยยังมัดมือเขาอยู่ แม้ว่าพวกมันจะสูงแค่เข่าเขาแต่พวกมันก็ไม่ได้มีปัญหากับการดึงเขาไปที่หม้อ
“ บางคนต้องทำอะไรสักอย่าง ! Stroke จะโดนโยนลงหม้อแล้วเว้ย นี่มันปัญหาใหญ่แล้ว “ – Perfect พูดขึ้น
“ แม่มารี ฉันหวังว่ามันจะได้ผลนะ “ – วาเนสซ่า พูดขึ้นและเริ่มร้องเพลงด้วยน้ำเสียงเศร้า
“ นี่มันบ้าอะไร Demeri ? เพลงกับอาหารน่ะเข้ากันดีแต่ทำไมเธอต้องร้องเพลงตอนที่เราเป็นอาหารด้วย ? ! “ – Flanker ค้านขึ้นมา
วาเนสซ่า ไม่ได้สนใจและร้องพลงต่อ ในตอนที่เสียงเพลงดังขึ้นมานั้น ทั้งหมู่บ้านก็หยุดมือและมองมายังคนที่ร้อง พวกนั้นได้ปล่อยหอกลงและเดินมาล้อมคนที่ร้องเพลงอยู่ วาเนสซ่าหยุด เพราะกลัวพวกมอนเตอร์ที่มาล้อมเธอ
“ ร้องต่อ พวกมันชอบเหมือนกับเด็กชอบเค้ก ! “ – ราฟ พูดขึ้น
วาเนสซ่า สูดหายใจเข้าลึกๆและกลับไปร้องเพลงต่อ เสียงของเธอน่ะทำให้พวกมันหลงเสน่ห์แม้ว่าจะไม่ได้ใช้สกิลของเธอ
พวกตัวเล็กลาก เดฟ ไปยังหม้อนั้นลืมเขาไปและรีบแห่กันไปฟังเพลง
ไม่นานทั้งเผ่าก็ได้ไปรวมตัวกันรอบ วาเนสซ่า พวกมันนั่งล้อมเธอฟังเธอร้องเพลง บางตัวถึงกับพยายามร้องตามด้วยแต่เพราะเสียงพวกมันแย่จึงโดนเพื่อนของพวกมันทุบจนต้องหยุดร้อง
เดฟ ยักคิ้วขึ้นมาไม่มั่นใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาลังเล นี่คือโอกาสที่จะหนี ช่องเก็บของเขาถูกล็อค ดังนั้นเขาจึงไม่อาจจะใช้ดาบในการตัดเชือกได้ เดฟ มองหาของอย่างอื่นรอบๆที่สามารถใช้ตัดเชือกได้ เมื่อไม่พบอะไรที่เหมาะเขาก็ถอนหายใจออกมาแล้วเขยิบไปที่หม้อ
“ อย่าลองทำที่บ้านนะเด็กๆ “ – เดฟ พูดขึ้นแล้วเอามือเข้าไปในกองไฟ
***
ตัวละครของคุณโดนความร้อน
-500
-500
-500
***
มีแจ้งเตือนคอยโผล่มาตรงหน้าจอแต่ เดฟ ก็ไม่ได้สนใจ นี่มันก็แค่เกมและแม้ว่ามือของเขาจะโดนเผาเหลือแต่กระดูกแต่เขาก็สามารถรักษามันได้ด้วยยาฟื้นฟู เรื่องสำคัญคือเขาต้องเอาเขาและเพื่อนออกจากปัญหานี้ก่อน
ไฟยังคงเผาเนื้อและเชือกต่อไป สุดท้ายมือของ เดฟ ก็หลุดออกมาจากเชือกได้ เมื่อเชือกขาดออก เขาก็ใช้ช่องเก็บของตัเองได้ ดังนั้น เดฟ จึงได้หยิบเอายาออกมากิน มือที่ไหม้นั้นกลับไปเป็นปกติและดีบัฟความร้อนก็หายไป เสียงของ วาเนสซ่า ยังคงก้องไปทั่วดึงความสนใจจากมอนเตอร์ไปหาเธอและดึงเวลาให้ เดฟ ได้มีเวลาพอในการคิดแผน
ตอนนี้เขาต้องคิดวิธีในการปล่อยเพื่อนของเขา
ตอนที่เพลงจบลง พวกมอนเตอร์ก็ได้สติ เพราะกลัวว่าพวกมันจะหันไปเจอ เดฟ วาเนสซ่า จึงเริ่มร้องอีกเพลง
เดฟ รู้จักเพลงนี้ เขาคงปรบมือไปด้วยถ้าไม่ได้โดนจับมาแบบนี้
มอนเตอร์ไม่ได้สนใจคนที่จับมาเลยยกเว้นแค่ วาเนสซ่า ดังนั้น เดฟ จึงสามารถเขยิบเข้าไปหา เคทลิน ได้ เดฟ ได้เอาดาบออกมาตัดเชือกให้กับเธอ มีดของนักฆ่านั้นไม่นานก็โผล่มาทันทีที่เชือกถูกตัด
“ แล้วไงต่อ ? “ – เธอถามผ่านช่องแชท
“ ฉันจะดึงความสนใจ ตอนที่ฉันทำ เธอหายตัวไปปล่อยทุกคน ตอนที่พวกมันหันมาหาฉันก็ให้วิ่งไปที่สุสาน มันห่างไปแค่ไม่กี่ไมล์ “
“ ฉันจะเหนื่อยจริงๆ เสียงของพวกนี้น่ารำคาญชะมัด “ – Flanker บ่นขึ้น
เดฟ ส่ายหน้าแล้วเดินไปยืนอยู่ระหว่างหม้อกับพวกมอนเตอร์ เขามองไปรอบๆและ เคทลิน ก็หายตัวไปทันที
เดฟ ได้ใช้ {Stampede} ชนเข้ากับหม้อ ความร้อนจากไฟได้ลดเลือดส่วนหนึ่งของ เดฟ ไปแต่เขาไม่ได้สนใจความเจ็บปวด เขาสนแค่ผลลัพธ์ของมัน หม้อได้หล่นลงน้ำกระจายออกไป มอนเตอร์บางตัวถึงกับโดนน้ำลวกและความเจ็บก็ทำให้พวกมันตื่นจากภวังค์
ตอนที่พวกมอนเตอร์ได้มองกลับมาและตระหนักได้ว่าอาหารของพวกมันได้ถูกทำลายโดยส่วนผสม อารมณ์สงบจากการฟังเพลงตะกี้ก็หายไป พวกมันคำรามและกรีดร้องออกมาด้วยความโกรธใส่คนร้าย ส่วนผสมน่ะได้ทำให้เพื่อนมันบาดเจ็บ เดฟ ที่ยืนข้างหม้อที่ล้มลงไปนั้นยิ้มและยกนิ้วให้พวกมันสองนิ้ว – “ ไม่มีอาหารให้พวกแกเว้ย พวกเฮงซวย ! “
จกานั้นเขาก็หันกลับและวิ่งเข้าไปในป่า มอนเตอร์ทั้งเผ่าร้องออกมาและวิ่งไล่ตาม เดฟ ออกจากหมู่บ้านไป
“ เอาเลย Mercy พวกมันไล่ตามฉันมาแล้ว “
พวกมอนเตอร์ได้เข้าโหมดล่าแบบหมู่หลังจากที่เพื่อนมันโดนโจมตี
ต้องขอบคุณที่ เดฟ ก้าวได้ยาวพอจนไม่นานก็ค่อยๆเพิ่มช่องว่างมากขึ้นเรื่อยๆ
เสียงของ เคทลิน ดังขึ้นมาจากช่องแชท – “ เรียบร้อย เรากำลังมุ่งหน้าไปที่สุสาน พวกมอนเตอร์คงไม่เห็นเราหนี หมู่บ้านนี้คงจะว่างเปล่า พวกมันไล่ตาม เดฟ ไป ทั้งหมดเลย “
“ ดี ! ฉันจะดึงพวกนี้หนีไปแล้วจะไปสมทบตอนที่สลัดพวกมันหลุด “