Rise of The Undead Legion - ตอนที่ 245
Chapter 245 : ไม่กลัว Part 1
เดฟ ส่งสัญญาณให้ทุกคนกระจายตัวออกไปแล้วเดินหน้า จากนั้นเขาก็ได้ตรวจสอบบอส
***
[Ashkar, the Necromancer King]
เลเวล : 520
ดาเมจ : 220,000-250,000
HP: 1,500,000
ลดดาเมจ : 80,000
ดูดซับเวทย์ : 100,000
สกิล :
[Fleshmancy(ติดตัว) : เรียกมอนเตอร์ก้อนเนื้อออกมา 6 ตัวแบบสุ่มทุกๆ 10 นาที]
[Flesh Elplosion : ระเบิดมอนเตอร์ที่เรียกมาทำดาเมจโดยตรง 250,000 ในรัศมี 5 ม. ผู้เล่นจะได้สัญญาณเตือน 3 วินาทีก่อนที่ศพจะระเบิด]
[Flesh Incarceration : เลือกเป้าหมายขังไว้ในกรงเนื้อ ถ้าเป้าหมายถูกขังไว้นานกว่า 60 วินาที พวกเขาจะถูกฆ่า]
[Curse Flesh(ติดตัว) : เมื่อเลือดเหลือ 50% จะเข้าสู่โหมดสอง อีกอย่างแล้วเมื่อเลือดลดลงเหลือน้อยกว่า 10% จะฟื้นฟูเลือดขึ้นมา 1% ทุกๆ 30 วินาที]
คำอธิบาย : นานมาแล้ว Ashkar เป็นเพียงมนุษย์ที่หลงใหลในเวทย์มนต์ เขาใช้ความรู้ที่ได้มาจากความเจ็บปวดและความตายของสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนจนได้กลายเป็นเจ้าแห่งเวทย์ของร่างกายและวิญญาณ Dagla เองก็ยังลังเลที่จะสู้กับเขาแต่สุดท้ายการค้นคว้าของเขาก็ไปผิดทาง ผลก็คือ เขาจึงได้กลายเป็นต้นกำเนิดของราชาเนโครแมนเซอร์
***
Glutover และ Seer ได้เกิดขึ้นมาจากไข่ของ Ashkar และเดินหน้าเข้าหาผู้เล่น
“ พวกนายแน่ใจนะว่าไม่อยากให้ฉันช่วย ? “ – Flanker ถามขึ้นและมองไปรอบๆห้องจากจุดริมประตูที่เขาอยู่
“ ฉันมั่นใจ อยู่นั่นแหละ “ – เดฟ ตอบโดยไม่หันกลับมามอง จากนั้นเขาก็บอกกับคนอื่นๆ -“ จัดการ Seer ก่อน ดาเมจของพวกมันน่ะน่ารำคาญ “ – เมื่อเห็นคนอื่นๆพยักหน้า เขาก็ได้วิ่งไปหา Seer ที่ใกล้ที่สุดพร้อมกับใส่กำปั้นของเขา เขาต่อยเข้าไปที่หน้าของมันจนทำให้ตาของมันถลนออกมาจากหัว
เคทลิน และ ราฟ แยกตัวกันไป แต่ละคนต่างก็ไปรับมือกับ Seer ของตัวเอง ราฟ ได้เข้าปะทะด้วย [Rend-the-Flesh] ลดเลือดมันไป 2/3 เคทลิน หายตัวและโผล่มาด้านหลัง Seer ของเธอ มีดของเธอได้ฝังเข้าไปที่หลังของมอนเตอร์จนทำให้มันกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
เดฟ ห่างจาก Seer ของตัวเองเพียงไม่กี่ก้าว เพราะมันมี Glutover อยู่ด้วย เดฟ จึงก้าวออกไปข้างๆเพื่อหลบการพุ่งเข้ามาของ Glutover และต่อยเข้าใส่หน้าของ Seer มอนเตอร์ร้องออกมาพร้อมกับหน้าที่มีเลือดไหล ตาของมันถึงกับกรอกกลับไป เดฟ ถอยกลับมาเพื่อเว้นระยะห่าง
“ Fortress แทงค์บอส Lone, Tess คอยใช้สกิลช่วยเขา “
เดฟ ใช้ [Aura]เพื่อเผามอนเตอร์และกำแพงเนื้อทิ้ง พวกมอนเตอร์ทุกตัวต่างก็พากันหยุดโจมตีและเดินหน้าเข้าหา เดฟ ระดับความเป็นภัยของเขาตอนนี้ถือว่าสูงที่สุด
“ จงเผาไหม้ ! “ – Ashkar คำรามและฟาดผ่ามือลงกับพื้น แรงกระแทกนี้ได้กระจายตัวออกมาจนมาถึงตัว เดฟ
ก่อนที่คลื่นกำแพงเนื้อจะได้มาถึงตัว เดฟ เขาก็ได้ใช้ [Approaching Dragon] สลับตำแหน่งตัวเองไปเรื่อยๆพร้อมกับโจมตีมอนเตอร์ไปด้วย ตอนที่สกิลหมดเวลาลง เดฟ ก็ใช้ [Infernal Tornado] ถีบมอนเตอร์ที่เข้ามาในระยะออกไป ค่าดาเมจที่เขาทำได้นั้นโผล่มาที่หัวของพวกมัน
เคทลิน คอยเข้าโจมตีมอนเตอร์ที่กระเด็นออกมา เธอกระโดดหมุนตัวเตะพร้อมกับเริ่มโยนมีดเล็กในมือออกมา ความเร็วนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเธอกลายเป็นภาพเบลอและมีดหยกเป็นร้อยอันที่ถูกโยนออกมาในทุกทิศทาง มีดบางเล่มถึงกับทะลุผ่านผู้เล่นคนอื่นไปแต่ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายแต่อย่างใด แต่มีดทุกเล่มนั้นถือว่าเป็นจรวดที่พุ่งเข้าหามอนเตอร์ซึ่งทำให้มันเลือดไหลออกมา พายุมีดจบลงและ เคทลิน ก็ได้กลับมาอยู่ที่พื้น Ashkar เป็นมอนเตอร์ตัวเดียวที่เหลืออยู่ที่นั่น แม้ว่ามันจะเลือดไหลจากพายุมีดก็ตาม
เคทลิน ได้มองไปที่ ราฟ กับ เดฟ ด้วยท่าทีหยิ่งเหมือนกับแมวก่อนจะหายตัวไปอีกครั้ง
“ เอาล่ะ ตอนนี้เรารู้แล้วว่าใครจะต้องเป็นแคทวูแมน “
Ashkar เดินหน้าเข้ามาหา เดฟ ซึ่งทำให้มีดที่ปักอยู่บนตัวมันสั่นไหวไปทุกก้าวที่เดิน มันคำรามออกมาราวกับสิงโตพร้อมกับกล้ามเนื้อที่บีบเอามีดออกมา จากนั้นราชาเนโครแมนเซอร์ก็ได้กรีดร้องออกมาแล้วปรบมือทำให้ศพทั้ง 6 นั้นเริ่มสั่นไหว
“ ถอยห่างจากพวกศพ ! “ – เดฟ ตะโกนและดีดตัวออกมาจากก้อนเนื้อ
ราฟ หันกลับและรีบวิ่งหนีออกมาจากศพ
ดาเมจสีแดงสองค่าได้โผล่มาที่หัวของบอส
[-250,000]
[-250,000]
“ ฉันคิดว่าเราเอาชนะมันได้ด้วยสกิลของมันโดยการให้มันระเบิดศพตัวเอง “ – เดฟ พูดผ่านช่องแชท
“ คุ้มกันด้วย “ – เดฟ ตะโกนและใช้ [Dragon Kick] พุ่งเข้าหาบอสราวกับกระสุน บอสยกแขนขึ้นกันสกิลของ เดฟ ก่อนจะจับที่ขาของ เดฟ และโยนเขาเข้าใส่กำแพงใกล้ๆ
[-180,887]
“ นายไม่เป็นไรนะ ?” – Perfect ถาม
“ เหี้ย ใช่ ไม่มีใครบอกฉันเลยว่าบอสมันเป็นกังฟูด้วย “ – เดฟ ลุกขึ้นยืนแล้วบ่นออกมา
สกิลติดตัว [Vigorous] ของ เดฟ ทำงานฟื้นฟูเลือดขึ้นมา 10% พร้อมกับตัวเลขสีเขียวที่โผล่มาบนหัวของ เดฟ
[+44,450]
เดฟ เพิ่มเลือดอีกด้วยยาฟื้นฟูของเขา
“ ทุกคน สลับไปที่ช่องแชทปาร์ตี้ “
เคทลิน โผล่มาด้านหลัง Ashkar และปักมีดเธอเข้าที่ช่วงไตของมัน
มอนเตอร์ตัวเซและสตันท์ไปซึ่งเปิดโอกาสให้ เคทลิน ได้โจมตีเพิ่มต่อ
ตอนที่ผลสตันท์หมดลง บอสก็ได้เหวี่ยงหมัดไปด้านหลังใส่นักฆ่า เคทลิน หลบการโจมตีนั้นไปก่อนจะเข้าสู่การหายตัว
“ ฉันพร้อมแล้ว มีสตันท์ด้วย Blaster เอาเลย “ – Perfect พูดขึ้น
ราฟ วิ่งเข้าหาบอสพร้อมกับสับดาบเข้าใส่บอสใช้สกิล [Silent Resolve]
“ ฉันดึงความโกรธมันได้แล้ว “ – ราฟ ตะโกนขึ้น
“ Fortress ไปเปลี่ยนกับ Blaster ฉันจะแทงค์บอสเองตอนที่เลือดฉันเต็ม “ – เดฟ พูดขึ้น
Ashkar ได้คุกเข่าลงไปแล้วใช้หมัดทั้งสองข้างทุบลงกับพื้นจนเกิดคลื่นเนื้อกระจายตัวออกมา คลื่นเนื้อนั้นกลายเป็นกำแพงขังพวกเขาเอาไว้มีแต่ส่วนหน้าที่โผล่มา แม้แต่ เคทลิน ก็ยังต้องถูกบังคับให้ออกจากการหายตัวและขังถูกขังไว้ในก้อนเนื้อราวกับดักแด้
***
คุณถูกจำกัดการเคลื่อนที่โดย [Flesh Incarceration] !
สกิลและความสามารถของคุณไม่อาจจะใช้การได้ !
คุณไม่สามารถใช้งานช่องเก็บของได้ !
คุณมีเวลา 60 นาทีในการออกจากจุดนี้ ไม่งั้นแล้วจะตาย !
***
“ เหี้ยอะไรวะ ! “ – Fortress ตะโกนขึ้นมา
เวลานับถอยหลังได้โผล่มาและเริ่มลดลงจาก 60 วินาที
เดฟ ดิ้นไปมาแต่ก็ไร้ค่า ด้วยการที่ถูกขังไว้แบบนี้มันทำให้เขาหมดหนทางเหมือนกับตอนโดนพวกคนป่าจับ
“ ไม่ต้องกลัว Flanker มาแล้วจ้า ! “- พรีส ได้พุ่งเขามาในห้องแล้วตะโกนออกมา
ตอนที่เขาก้าวเข้ามาในห้องนั้นก็ได้มีแจ้งเตือนโผล่มาตรงหน้า เดฟ
***
ตรวจพบผู้เล่นใหม่ !
ปรับพลัง
ความยากเปลี่ยนไปตามจำนวนและเลเวลของผู้เล่น
บอสเลเวลเพิ่มขึ้น 10 เลเวล
Ashkar ฟื้นฟูเลือด 10%
***
“ เราบอกให้นายอยู่ด้านนอกนิ “ – Fortress พูดขึ้น
“ หุบปากไปเลย ไอ้คนรักของแสตน พวกนายหมดหนทางแล้วไงซึ่งหมายความว่าฉันต้องมาช่วยพวกนาย อีกแล้ว ! “ – Flanker เหวี่ยงคทาและจุดไฟขึ้นมาเผาที่ก้อนเนื้อของ Fortress แต่เนื้อนั้นไม่ได้แสดงท่าทีว่าได้รับดาเมจเลย
“ เหี้ย ฉันเอามันออกไม่ได้ว่ะ “
เดฟ ตะโกนขึ้นมา – “ Flanker ! ใช้กรดกบสิ ! “
พรีสล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วดึงเอาขวดสีเขียวออกมาเทใส่ก้อนเนื้อก่อนที่ก้อนเนื้อจะเริ่มละลาย
“ เอานี่ไป “ – Flanker พูดขึ้นและส่งยา 4 ขวดให้กับ Fortress – “ใช้มันกับคนอื่นๆ “
Flanker ได้วิ่งไปหา เดฟ และเทกรดใส่ที่ก้อนเนื้อของเขา เดฟ รับยาอีกครึ่งขวดจากพรีสมาและวิ่งไปช่วย ราฟ Fotress เองก็ไปช่วยปล่อยคนอื่นเช่นกันก่อนที่จะปล่อยทุกคนสำเร็จตอนเวลาเหลือ 10 กว่าวินาที
“ เชิญฉันกลับเข้าปาร์ตี้ พวก ฉันรับมือได้ ! “ – Flanker พูดขึ้น
“ อย่ามาถ่วงก็แล้วกัน “ – เดฟ พูดขึ้น เขาไม่ได้ปฏิเสธว่าพรีสน่ะพูดถูก
ในตอนที่ปล่อยทุกคนออกมาได้ บอสที่คุกเข่าอยู่นั้นก็ลุกขึ้นยืน
“ บ้าเอ้ย เราจะทำยังไงถ้ามันใช้สกิลขังเราอีกรอบ ? “ – ราฟ ถามขึ้นมา
เดฟ ส่ายหน้า เขายังหาทางรีบมือกับสกิลนี้ไม่ได้ถ้าไม่มีกรดเพิ่ม
“ ล้อมบอสเอาไว้ เราจะสู้ด้วยกลยุทธ พวกโจมตีใกล้แทงค์บอสไปและพวกโจมตีไกลก็คอยช่วยด้วยสกิลขัดกับสตันท์ “ – เดฟ พูดขึ้น
วาเนสซ่า เริ่มดีดพิณทันทีพร้อมกับมีแจ้งเตือนบอกกับทุกคนในปาร์ตี้
***
[Bardic Song of Courage]
เพิ่มดาเมจ 10%
ลดดาเมจที่ได้รับ 5%
***
“ ตอนที่บอสใช้สกิลขัง มันจะทำท่าแบบเดิมแต่ฉันคิดว่าฉันรู้ว่าจะหนีจากสกิลนี้ยังไง “ – Flanker พูดขึ้น
“ ยังไง ? “ – Fortress ถามขึ้นพร้อมกับใช้ [Block] เพื่อกันการโจมตีจากบอส
“ ฉันคิดว่าถ้าเรากระโดดข้ามคลื่นพวกนั้นได้ เราก็หลบสกิลนี้ได้ “ – Flanker พูดขึ้น
“ นั่นเป็นความคิดเข้าท่า “ – เดฟ พูดขึ้น
“ ฉันคิดว่ามันชัดอยู่แล้วแต่แล้วไง ? มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่เราอยู่ตอนนี้ บอสจะยังโจมตีต่อแม้ว่าจะใช้สกิลพลาดไป “ – Tess พูดขึ้น เธอได้โบกคทาเรียกเอาโซ่สีดำออกมารัดรอบตัวบอสเอาไว้
“ ไม่ สกิลนี้เป็นแบบใช้เวลาร่าย บอสจะอยู่ในท่านั้นตามเวลาสกิล ถ้าเราโดดข้ามคลื่นเนื้อไปได้แต่ให้ผู้เล่นคนหนึ่งโดนจับเอาไว้ เราก็สามารถโจมตีบอสได้” – เดฟ พูดขึ้น
บอส ได้เตะ ราฟ ออกไปลดเลือด ราฟ ไปถึง 2/3
Fortress สลับเข้าไปแทงค์แทนที่ ราฟ
“ เราต้องเหลือเลือดมากกว่า 10% จากนั้นก็ให้มันใช้ [Flesh Incarceration] ใกล้ๆกับศพ ดาเมจจะฆ่ามันได้ “ – ราฟ พูดขึ้น
โซ่สีดำได้รัดรอบตัวบอสแน่นขึ้นเรื่อยๆ พวกมันเปล่งแสงสีดำออกมาก่อนที่จะแตกออกซึ่งทำให้บอสเลือดเหลือน้อยกว่า 50%
บอสกรีดร้องออกมาแล้วเริ่มข่วนที่หน้าตัวเอง เนื้อที่ติดกระดูกนั้นหลุดออกและเริ่มฉีกชุดของตัวเองทิ้ง เลือดเริ่มไหลออกมาจากแผลราวกับลาวาที่ไหลขึ้นมาบนพื้นดิน เนื้อสีชมพูได้ครอบคลุมตัวของบอสเอาไว้เปลี่ยนมันกลายเป็นสัตว์อสูรสี่ขา
“ นี่คงเป็นโหมดสองของมัน “ – Fortress ถอยกลับออกมาเมื่อเห็นการเปลี่ยนร่างของบอส
“ เฮ้ย พวก ? ฉันลองเช็คสกิลบอสอีกรอบดูแล้ว มันไม่มี [Flesh Incarceration] แล้ว ดังนั้นแผนการสุดวิเศษของนายน่ะก็ไร้ค่าไปแล้ว “ – Flanker พูดขึ้น