Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1007 หนังสือที่โด่งดังกว่าวิทยานิพนธ์
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1007 หนังสือที่โด่งดังกว่าวิทยานิพนธ์
ล็อบบี้หลักของโรงแรมคอรินเทีย
ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนยื่นหนังสือเดินทางให้โต๊ะเช็กอิน เขามองไปที่ทางเข้าโรงแรมและพูด
“ผู้รักษาความปลอดภัยที่นี่ดูแปลกๆ มันมีอะไรนอกเหนือจากการประชุมไหม”
“ไม่ครับ” พนักงานโรงแรมยื่นหนังสือเดินทางคืนให้ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนและพูด “งานประชุมที่สำคัญที่สุดที่เกิดขึ้นตอนนี้คืองานประชุมคณิตศาสตร์นานาชาติ โรงแรมคอรินเทียมีการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาในระหว่างการประชุม ขอให้มีความสุขกับการพักผ่อนในครั้งนี้นะครับ”
“…อ๋อ เข้าใจแล้ว ขอบคุณครับ”
ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนเก็บหนังสือเดินทางและยิ้ม หลังจากนั้นเขามองไปที่ศาสตราจารย์เดอลีงย์ ที่ยืนข้างๆ
“เขามาจริงๆ ด้วย! ผมบอกคุณแล้วว่าเขาไม่มีทางพลาดงานประชุมสำคัญแบบนี้แน่”
ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ราวกับว่าเขากำลังดูฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศขณะที่พูด “ผมอยากรู้จังว่างานวิจัยของเขาไปถึงไหนแล้ว ผมตั้งหน้าตั้งตารอเลย”
ศาสตราจารย์เดอลีงย์มองไปที่เพื่อนเก่าของเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยขณะที่ถอนหายใจและพูด
“คุณยังไม่เห็นวิทยานิพนธ์ของเขาในเว็บไซต์เหรอ”
เฟฟเฟอร์แมน “ผมเห็นแล้ว ทำไมเหรอ”
เดอลีงย์ “ทำไมคุณจึงคาดหวังสูงขนาดนั้น ถ้าเขาทำวิทยานิพนธ์เรื่องใหม่เขาก็คงเผยแพร่ออนไลน์ไปแล้ว”
เฟฟเฟอร์แมน “สัญชาตญาณบอกผมว่าเขากำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่”
เดอลีงย์เลิกคิ้ว
“แปลว่าคุณรู้จักเขาดีเหรอ”
เดอลีงย์พูดประชดประชัน นี่คืออีโก้สุดคลาสสิคของศาสตราจารย์จากพรินซ์ตัน
แต่ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนดูเหมือนไม่ได้จะสนนิสัยของเพื่อนเก่าเท่าไหร่นัก เขาพยักหน้าและยิ้ม
“แน่นอน เราเคยทำงานร่วมกันมาก่อน ผมรู้จักเขาค่อนข้างดี”
เดอลีงย์ได้ยินเพื่อนของเขาพูดและยิ้ม
“บางทีคุณอาจจะไม่เข้าใจก็ได้ ผมศึกษางานที่เขาตีพิมพ์ทั้งหมดในปีนี้ สมมติฐานเสมือนของรีมันน์และวิธีการวิเคราะห์เส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติกคือทั้งหมดที่เขากำลังศึกษาอยู่ เขาถึงขนาดทำวิจัยเศรษฐศาสตร์กับตาครุกแมนนั่น มันเรียกว่าแบบจำลอง L-Z หรืออะไรสักอย่าง…”
ถ้าจะให้พูดก็คือหัวข้องานวิจัยของนักวิชาการสามารถตามรอยได้จากวิทยานิพนธ์ที่พวกเขาตีพิมพ์
ข้อคาดการณ์ของซัลลิแวนเป็นทอพอโลยีที่แตกต่างออกไป ก็เหมือน แบบจำลอง L-Z ในเศรษฐศาสตร์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชันซีตาของรีมันเลยแม้แต่น้อย
ศาสตราจารย์เดอลีงย์คิดว่าลู่โจวน่าจะยอมแพ้เรื่องสมมติฐานของรีมันน์ไปแล้ว
เอาจริงแล้ว เดอลีงย์ค่อนข้างจะผิดหวัง
เขาไม่ได้ผิดหวังในตัวลู่โจว เพราะท้ายที่สุดแล้วลู่โจวก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จในช่วงปีที่ผ่านมา
แต่สำหรับนักวิชาการอย่างลู่โจว วิธีเดียวที่จะประสบความสำเร็จทางวิชาการคือไขปัญหาสุดยอดคณิตศาสตร์ ปัญหาที่กวนใจนักวิชาการจากทั่วทั้งโลกให้ได้
ดังนั้นศาสตราจารย์เดอลีงย์จึงรู้สึกว่ามันน่าเสียดายที่ลู่โจวยอมแพ้หลังจากที่พยายามมานาน
ถ้าลู่โจวแก้การคาดการณ์นี้ไม่ได้ก็คงไม่มีใครในศตวรรษนี้ทำได้แล้ว…
ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของเดอลีงย์ เขาจึงยิ้มและพูดสบายๆ
“ผมคิดว่าคุณกังวลเกินไปแล้ว”
ศาสตราจารย์เดอลีงย์พูดอย่างเหลือเชื่อ
“โอ้ จริงเหรอ คุณรู้เหรอว่าผมกังวลเรื่องอะไร”
เฟฟเฟอร์แมน “แน่นอน ผมรู้ เพราะเราเป็นเพื่อนกัน คุณนี่มั่นใจในการวิเคราะห์ของตัวเองมาตลอดเลยนะ แต่คุณก็ต้องยอมรับว่าบางครั้งคุณก็มีสายตาที่คับแคบ”
“คุณกำลังบอกว่าผมสายตาคับแคบเหรอ”
“ใช่ โดยเฉพาะเวลาที่คุณมองปัญหา คุณไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะค้นพบอะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับปัญหานี้บ้างเหรอ มันก็เป็นไปได้นะ”
ศาสตราจาร์เดอลีงย์พูด “แต่ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ ผมศึกษาวิทยานิพนธ์ของเขาอย่างละเอียด ถ้าพูดตามหลักคณิตศาสตร์ วิธีการที่เขาใช้ไม่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชันซีตาของรีมันน์เลยสักนิด วิทยานิพนธ์ของเขาไม่มีการเชื่อมโยงหรือความสัมพันธ์ก้าวหน้าเลย”
ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมน “บางทีเราไม่ได้มองเมทริกซ์…แต่ก็เอาเถอะ เรามาพนันกันไหม”
ศาสตราจารย์เดอลีงย์ขมวดคิ้วและพูด “พนันกับอะไรล่ะ”
ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนยิ้มอย่างมั่นใจและพูด “ผมพนันเลยว่างานวิจัยของเขาไปไกลกว่าวิทยานิพนธ์ และเขาจะไม่ยอมแพ้ต่อสมมติฐานของรีมันน์
“ไม่อย่างนั้น…
“เขาคงไม่ทำการรายงานชั่วโมงสุดท้ายของการประชุมหรอก”
…
ขณะที่ชายสูงวัยกำลังเถียงกันว่าลู่โจวยังทำวิจัยสมมติฐานของรีมันน์อยู่หรือเปล่า ลู่โจวและชูลทซ์ที่นั่งอยู่ในแท็กซี่ กำลังมุ่งหน้าไปที่ชานเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก อยู่ดีๆ พวกเขาก็เริ่มคุยกันเรื่องสมมติฐานของรีมันน์
“…ช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลยเหรอ”
“ไม่ใช่แค่หกเดือน อาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำครับ” ลู่โจวแสดงสีหน้าช่วยไม่ได้ขณะที่ส่ายหัวและพูด “ผมพยายามพัฒนาการวิเคราะห์เส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติก ผมยังพยายามใช้แนวทางโครงสร้างกรุป แต่ก็ไม่ได้ผล ผมแทบจะเริ่มคิดแล้วว่าบางทีสมมติฐานของรีมันน์อาจเป็นจริง แต่มันพิสูจน์ไม่ได้”
“คุณไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนั้น แต่ผมคิดว่าคุณควรจะสู้ต่อ” ชูลทซ์ตบไหล่ลู่โจวและพูด “อย่างน้อยคุณก็สามารถสร้างเครื่องมือที่งดงามนั่น วิธีการวิเคราะห์เส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติกแถมยังพิสูจน์สมมติฐานเสมือนของรีมันน์ได้ คุณทำได้ดีแล้ว”
“แต่มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรกับผม” ลู่โจวถอนหายใจและพูด “ผมมั่นใจว่าคุณเข้าใจความรู้สึกของผม”
ชูลทซ์ “ไม่ ผมไม่รู้”
ลู่โจว “…?”
หลังจากที่นั่งรถกันมาเกือบ 40 นาที แท็กซี่ก็มาถึงชานเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก จากอาคารคอนกรีตสูงๆ ถูกเปลี่ยนเป็นบ้านหลังเล็กๆ ทรงประวัติศาสตร์
คนขับแท็กซี่บอกว่าที่แห่งนี้มีชื่อเสียงด้านคณิตศาสตร์ สถาบันคณิตศาสตร์สเตคลอฟก็เคยตั้งอยู่ที่นี่ และนักคณิตศาสตร์ชื่อดังที่ปฏิเสธเหรียญฟิลด์ก็อาศัยอยู่ใกล้ๆ
ในทางกลับกันในละแวกนี้ยังเป็นที่อยู่ของตัวเอกในนิยายของดอสโตเยฟสกีเรื่องไวท์ไนท์
ชูลทซ์และลู่โจวลงจากแท็กซี่ที่ย่านบ้านพักอาศัย
บ้านที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารอพาร์ตเม้นต์ คนที่อยู่ส่วนใหญ่ก็เป็นคนหนุ่มสาว แต่ปกติแล้วคนหนุ่มสาวทั่วไปจะไม่ค่อยชอบอาศัยอยู่ในที่ชานเมืองแบบนี้
หวังเผิงเดินด้านหลังลู่โจวและชูลทซ์ตอนที่เขาพูดขึ้น
“… เราวนมาที่เดินอีกแล้ว”
ชูลทซ์ยิ้มและหยุด เขาเกาหัวและพูด
“จริงๆ แล้วครั้งล่าสุดที่ผมมาที่นี่ก็นานมาแล้ว อาคารพวกนี้ก็ดูเหมือนกันหมด ผมก็ไม่รู้ว่าผมอยู่ที่ไหน…” ชูลทซ์กระแอมด้วยความเคอะเขินและพูด “ผมควรถามใครสักคน”
ชูลทซ์เปิดกูเกิ้ลและเจอรูปของเพเรลมาน
นี่คือข้อดีของการมีหน้าตาหล่อ เพราะคนส่วนใหญ่เต็มใจที่จะช่วยชูลทซ์
ส่วนคนที่ดูเหมือนคนจรจัด
ก็มีข้อดีเหมือนกัน
คนส่วนใหญ่จะไม่อยากเข้าไปรบกวนคนที่ดูเหมือนคนไร้บ้าน
“ขอโทษนะครับ คุณรู้จักชายคนนี้ไหม”
รอยยิ้มของหญิงชาวรัสเซียหายไปหลังจากที่เธอเห็นรูปในโทรศัพท์ของชูลทซ์ เธอนิ่งไปครู่หนึ่งและพูด
“ใครเหรอคะ ผู้ก่อการร้าย หรือศิลปินหรือเปล่า”
สีหน้ารังเกียจของเธอก็พอเข้าใจได้ เพราะชายในภาพไม่ได้ดูเหมือนนายแบบสักเท่าไหร่
หนวดเคราเฟิ้ม ผมก็รกรุงรัง แม้ว่าชูลทซ์และเพเรลมานจะมีโครงหน้าคล้ายๆ กัน แต่พวกเขาก็ดูแตกต่างกันมาก
เหมือนอย่างที่นักดนตรีจะดูดีเวลาที่ใส่เสื้อขาดๆ แต่ถ้าคนจรจัดใส่จะดูไม่ดี
ชูลทซ์ถอนหายใจและพูด “ผมต้องขอโทษด้วย ผมจะถามคนอื่น”
หญิงชาวรัสเซียยิ้มและพูด “ขอให้โชคดีนะคะ แต่ฉันคิดว่าคุณเลิกพยายามเถอะ ฉันอยู่ที่นี่มาสองปีแล้ว ฉันยังไม่เคยเห็นเขาเลย”
หลังจากที่ถามคนนั้นคนนี้ ไม่มีใครรู้จักเพเรลมาน
บางครั้งคนบางคนก็เคยได้ยินชื่อของนักคณิตศาสตร์ แต่ไม่มีใครรู้ว่านักคณิตศาสตร์คนนั้นอาศัยอยู่ละแวกเดียวกับพวกเขา
เพเรลมานอาจจะเคยอยู่ที่นี่จริงๆ ก็ได้
ลู่โจวเริ่มสงสัยว่าเพเรลมานอาจจะย้ายที่อยู่ ในที่สุดชายสูงวัยก็จำภาพนั้นได้ เขาลูบคางตัวเองและพูด
“ผมรู้จักเขา เขาเคยทำงานที่สถาบันคณิตศาสตร์สเตคลอฟ เขาเป็นนักคณิตศาสตร์ที่มีชื่อเสียง..”
ลู่โจวถามทันที “ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
ชายสูงวัยพูด “ประมาณสิบปีที่แล้ว ตอนนั้นผมยังเป็นผู้รักษาความปลอดภัยอยู่ที่สถาบันคณิตศาสตร์สเตคลอฟอยู่เลย ผมเห็นเขาชอบมาทำงานพร้อมกางเกงยีนหลวมๆ และเสื้อเชิ้ต เขาเป็นคนที่แปลกที่สุดคนหนึ่งของสถาบัน”
ลู่โจว “…”
10 ปีที่แล้ว
ฉันยังอยู่มัธยมปลายอยู่เลย
นั่นมันนานมากแล้วนะ
ชูลทซ์ถาม “คุณรู้ไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน”
“ถ้าเขายังไม่ได้ย้ายออก เขาก็น่าจะอยู่ที่นั่น” ชายสูงวัยพูดขณะที่ชี้ เขาพูด “ผมรู้แค่ว่าอาคารไหน แต่ผมไม่รู้ว่าอพาร์ตเม้นต์อะไร คุณน่าจะถามเพื่อนบ้านของเขานะ”
ลู่โจวและชูลทซ์ถอนหายใจ
“ขอบคุณที่ช่วยพวกเราครับ! “
หลังจากนั้นชูลทซ์ ลู่โจว และหวังเผิงเดินตรงไปที่อาคาร
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงอพาร์ตเม้นต์ ลู่โจวและชูลทซ์บังเอิญเห็นคนสองคนยืนอยู่ตรงทางเข้าอพาร์ตเม้นต์
ลู่โจวจำหนึ่งในพวกเขาได้โดยบังเอิญ
เขาคือศาสตราจารย์ครุกแมน ศาสตราจารย์ที่เขาเจอที่เซี่ยงไฮ้…
ทั้งคู่จำเขาไม่ได้เลย พวกเขายืนคุยกันอยู่ตรงหน้าทางเข้าอพาร์ตเม้นต์
“ผมสงสัยจังว่าเรามาถูกที่หรือเปล่า” อัลเบิร์ตพึมพำ “ดูเหมือนจะใช่ไหม”
“ใช่ เลขาธิการของ ICM ส่งที่อยู่นี่มาให้ผม” ครุกแมนพูดขณะกำลังมองจดหมายในมือ เขาพูด “เรามาถูกที่แล้ว”
อัลเบิร์ตถาม “แล้วถ้าเขาไม่เปิดประตูให้เราล่ะ ถ้าเขาไม่เปิดประตูเราก็ไม่มีทางรู้เลยว่าเป็นเขาจริงๆ หรือเปล่า”
ครุกแมน “คุณไม่รู้จักเขา แม้ว่าเขาจะดูเข้าถึงยาก แต่ถ้าคุณถามคำถามคณิตศาสตร์กับเขา เขาจะตั้งใจตอบคำถามคุณ”
อัลเบิร์ตพูด “คุณเคยคุยกับเขามาก่อนเหรอ”
“เปล่า แต่ผมรู้จักสาวสวยคนหนึ่งที่เคยทำงานที่สถาบันคณิตศาสตร์สเตคลอฟ เธอบอกผมแบบนั้น” ครุกแมนพูด “ฟังนะเพื่อน เราจะท้อแท้ไม่ได้ เราต้องการมัน”
อัลเบิร์ตถอนหายใจและพูด “จริงๆ แล้วผมมีแนวโน้มที่จะทำงานกับศาสตราจารย์ลู่ แบบจำลองลู่ บิวลีย์และแบบจำลอง L-Z ของเขาคืองานศิลปะ การวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์มหัพภาคคือสาขางานวิจัยที่ผมทำอยู่”
“ลืมเรื่องนั้นไปได้เลย ถ้าทำได้ผมก็อยากทำงานกับฟาลติ้งส์ แต่ผมไม่คิดว่าจะทำได้จริง ผมเจอลู่โจวช่วงต้นปี เขาดื้อกว่าพวกคนแก่บางคนจากพรินซ์ตันอีกนะ”
ขณะที่ครุกแมนกำลังบ่นเพื่อนของเขา อยู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงคุ้นหู
“มีใครเรียกชื่อผมหรือเปล่า”
คนทั้งสองที่กำลังคุยกันถึงกับสะดุ้ง
โดยเฉพาะครุกแมน ราวกับว่าเขาเพิ่งเจอผี
“พระเจ้าช่วย คุณมาที่นี่ได้อย่างไร”
“ผมมาที่นี่เพื่อเข้าร่วม ICM” ลู่โจวมองไปที่ชูลทซ์และพูด “ชายคนนี้ชวนผมมาเจอเพื่อนเก่าของเขา ผมก็เลยมาด้วย”
ครุกแมนมองไปที่ชูลทซ์ แต่ก็จำเขาไม่ได้ เขาขมวดคิ้วและพูด
“คุณคือ…”
“ชูลทซ์” ชูลทซ์พูดพลางยื่นมือออกไป เขายิ้มและพูด “ยินดีที่ได้พบคุณ”
“….ครุกแมน ศาสตราจารย์เศรษฐศาสตร์ของพรินซ์ตัน นี่คืออัลเบิร์ต ลาซโล บาราบาชี นักฟิสิกส์ที่หนังสือของเขาโด่งดังกว่าวิทยานิพนธ์เสียอีก”
“เดี๋ยวนะ หมายความว่าอย่างไรกัน ตาเฒ่า อย่า”
ศาสตราจารย์ครุกแมนไม่สนใจอัลเบิร์ตและมองไปที่ชูลทซ์ขณะที่พูด “คุณรู้จักเพเรลมานเหรอ”
ชูลทซ์ยักไหล่และพูด “ผมคิดว่าเราเป็นเพื่อนกัน แต่ผมไม่รู้ว่าเขาจะเห็นด้วยหรือเปล่า”
“พวกคุณมาทำอะไรกันที่นี่ ปาร์ตี้เหรอ”
อยู่ๆ ก็มีเสียงเสียงหนึ่งขัดจังหวะชูลทซ์
ชายรูปร่างสูงสวมกางเกงยีนและเสื้อเดินอยู่บนทางเท้า เขากำลังถือถุงพลาสติกที่เต็มไปด้วยของกิน
สภาพที่ยุ่งเหยิงของเขาทำให้เขากลืนไปกับสภาพแวดล้อมรอบๆ
ศาสตราจารย์ครุกแมนยิ้มทันทีและยื่นมือออกไป
“สวัสดีครับ ศาสตราจารย์เพเรลมาน ผมคือศาสตราจารย์ครุกแมน เราคุยกันทางอีเมล”
“ผมไม่ได้เป็นศาสตราจารย์อีกแล้ว” เพเรลมานพึมพำและอยู่ดีๆ สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่ลู่โจว
หลังจากนั้นสักพัก เขาพูดขึ้น
“คุณคือลู่โจวเหรอ”
“ใช่แล้วครับ” ลู่โจวพยักหน้าและพูด “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“ยินดีที่ได้พบคุณเช่นกัน” เพเรลมานอยากจะจับมือกับเขา แต่เขาถือของอยู่
“…เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ พวกคุณยืนขวางทางอยู่”
ก่อนที่ชูลทซ์และลู่โจวจะพูด ครุกแมนรีบพูดขึ้น
“แน่นอน ผมคิดว่าเราควรเข้าไปด้านใน”
เพเรลมานไม่สนใจศาสตราจารย์ครุกแมน และจ้องไปที่หวังเผิงอยู่สักพัก
“คุณดูไม่เหมือนนักวิชาการเลย”
เขาดูไม่ค่อยอยากจะต้อนรับเท่าไหร่
หวังเผิงพยักหน้าและอธิบายหน้าที่ของเขาคร่าวๆ แต่ลู่โจวขัดขึ้นมาเสียก่อน
“รออยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวเราก็ลงมาแล้ว”
หวังเผิงลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะมองเพเรลมานและพยักหน้า
“โอเค
“อย่าลืมโทรหาผมถ้าเกิดอะไรขึ้น”
การโทรหาไม่ได้หมายถึงกดเบอร์โทรในโทรศัพท์ เขาหมายถึงลู่โจวตั้งเตือนในโทรศัพท์ของเขา
ลู่โจวมองหวังเผิงและตบไหล่เขา
“ไม่เป็นไร”
“เดี๋ยวเราก็ลงมาแล้ว”
หลังจากนั้นกลุ่มคนทั้งหมดก็เดินขึ้นบันได เหลือเพียงแค่หวังเผิงอยู่ข้างหลัง
……………………