Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 105 เรื่องที่เศร้าที่สุดในชีวิต...
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 105 เรื่องที่เศร้าที่สุดในชีวิต...
เหว่ยเฟิงนอนไม่หลับ การประชุมวันนี้ทำให้เขาตื่นเต้นจนลืมไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ในการประชุม ประธานชมรมลู่โจวประกาศข่าวเงินทุน ไม่เพียงแค่นั้น แต่เขายังทำตามสัญญาเรื่องหุ้นด้วย
จากวันนี้ไป เหว่ยเฟิงจะเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของแคมปัสแอสซิสแตนซ์ แม้ว่าเขาจะมีหุ้นแค่หนึ่งจุดสามเปอร์เซ็นต์แต่มันก็ยังทำให้เขารู้สึกภูมิใจและตื่นเต้น
เดือนแห่งการยืนหยัดและเชื่อมั่นอันยาวนานไม่ได้สูญเปล่า
เมื่อเขากลับมาหอพัก รูมเมทเขาก็กำลังเล่นเกมอยู่เลย
เมื่อเพื่อนเขาเห็นเขากลับมา พวกเขาก็ยิ้มแล้วถาม “พี่เฟิง ไปไหนมา? ทำไมนายไม่เล่นกับเรา?”
“ฉันมีประชุมชมรม พวกนายเล่นไปเลย ฉันยังมีเรื่องต้องทำ” เว่ยเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในเดือนที่ผ่านมาเขาได้เรียนรู้มามากกว่าเรียนทั้งเทอมเสียอีก เขาไม่ได้เรียนทักษะการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีค่าเหล่านั้นได้ในชั้นเรียนเลย
ไม่เพียงแค่นี้ ทีมผู้ประกอบการของพวกเขายังมีอัจฉริยะจากแต่ละคณะ เขารู้สึกเหมือนเขาขาดพลัง เขาเป็นโปรแกรมเมอร์เพียงคนเดียวนอกจากหรงไห่ที่ไม่ได้ออก ไม่งั้นเขาคงไม่ได้รับตำแหน่งรองผู้จัดการฝ่ายเทคนิค
หุ้นหนึ่งจุดสามเปอร์เซ็นต์นี้ก็เหมือนเปลวเพลิงที่กำลังวิ่งไล่หลังมาและบังคับให้เขาวิ่งไปข้างหน้า
ก่อนหน้านี้เขาไปห้องสมุดแล้วยืมหนังสือสองเล่มที่หรงไห่บอกให้เขาอ่าน พอเขากลับมา เขาจึงตัดสินใจใช้เวลาว่างเพื่อเรียนอัลกอริทึมขั้นสูง
แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีพรสวรรค์เป็นพิเศษ แต่เขาก็รู้ว่าถ้าเขาขยัน เขาจะไล่ตามคนอื่นทัน
“ประชุมอีกแล้ว? ฉันบอกแล้ว ชมรมนี้เสียเวลาเปล่า” หลี่รุ่ยเจ๋อกล่าวขณะคลิกเมาส์
แม้ว่าหลี่รุ่ยเจ๋อจะมาจากหอพักห้องอื่น แต่เขาก็หิ้วโน๊ตบุ๊คมาห้องนี้เพื่อเล่นเกม
เว่ยเฟิงไม่พอใจที่ได้ยินแบบนั้น เขากล่าว “มันไม่เสียเวลาเปล่า ฉันมีชีวิตที่ดีในชมรม”
ปกติหลี่รุ่ยเจ๋อจะปล่อยผ่านไป
แต่วันนี้เขาไม่สามารถแสร้งทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร
หลี่รุ่ยเจ๋อยิ้มแล้วกล่าวอย่างอวดดี “โอ้ ไม่เสียเวลาเปล่า? เจ้าอ้วนอู๋แสร้งทำเป็นคนดี แต่เขาก็แค่พนักงานขายที่ไม่ซื่อสัตย์ เขาพูดเรื่องข้อตกลงกับนายทุกวัน แต่นายได้อะไรเป็นรูปธรรมรึยัง? นอกจากนี้ผู้ก่อตั้งยังแย่กว่านั้นอีก ฉันยอมรับว่าเขาเก่งคณิตศาสตร์ แต่ทักษะการจัดการของเขามีอะไร? เขาเป็นผู้นำแบบไหนกัน? แล้วหยวนลี่เหว่ย…”
เว่ยเฟิงยิ้มแล้วกล่าว “รูปธรรม? หุ้นนับเป็นรูปธรรมไหม?”
หลี่รุ่ยเจ๋อกำลังจะใช้งานสกิลอัลติเมท แต่นิ้วเขาก็ลื่นจนเกือบกดแฟลช
เขาถูกพิสูจน์แล้วว่าเขาพูดผิด
นี่มันน่ากระอักกระอ่วน
หลี่รุ่ยเจ๋อยิ้มเยาะแล้วกล่าว “หุ้น? เขาสัญญากับนายมากกว่าเรื่องหุ้นไหม? เขาแค่หลอกนาย”
เว่ยเฟิงกล่าวอย่างตั้งใจ “เขาไม่ได้หลอกฉัน เขามอบหุ้นให้ฉันวันนี้ สัญญาอยู่ตรงนี้แล้ว นายอยากเห็นไหม?”
รูมเมทคนอื่นเริ่มสนใจ พวกเขาอุทานด้วยความแปลกใจ
“เชี่ย พี่เฟิง นายสุดยอด”
“เจ๋งๆ จากนี้ไปฉันต้องเรียกนายว่าประธานแล้วสิ”
เว่ยเฟิงหน้าแดง “ประธานอะไร ฉันแค่พนักงาน หุ้นหนึ่งจุดสามเปอร์เซ็นต์เอง”
“หนึ่งจุดสามเปอร์เซ็นต์ ก็ไม่เลวแล้ว! แจ็คหม่ามีแค่แปดเปอร์เซ็นต์เท่านั้น”
“ใช่ๆ ไม่เลวเลย เลี้ยงข้าวเราด้วย”
ประโยคสุดท้ายคือประโยคสำคัญ
พวกเขาไม่ได้สนใจเรื่องหุ้น ใครจะรู้ว่าบริษัทเล็กๆ นี้จะจ่ายเงินปันผลจริงไหม? พวกเขาสนใจคนเลี้ยงข้าวเท่านั้น
แน่นอนมีคนหนึ่งที่สนใจ
หลี่รุ่ยเจ๋อไม่คิดเลยว่าในครึ่งเดือนที่เขาออกมา ทุกคนที่อยู่ชมรมจะได้รับหุ้น จู่ๆ เขาก็รู้สึกสูญเสียและบิดเบี้ยว
แน่นอนเขารู้สึกอิจฉาเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้แสดงออกผ่านสีหน้า
หลี่รุ่ยเจ๋อมองสีหน้าที่พึงพอใจของเว่ยเฟิงแล้วกล่าว “มันก็แค่บริษัทสตาร์ทอัพ มันมีแต่หนี้ หุ้นมีประโยชน์อะไร? พวกเขาไม่ได้จ่ายเงินให้นายสักหน่อย นายกำลังทำงานให้พวกเขาฟรี”
เว่ยเฟิงหัวเราะแล้วไม่ได้พูดอะไร
ถ้าหลี่รุ่ยเจ๋อรู้ว่าแคมปัสแอสซิสแตนซ์พึ่งได้รับเงินทุนมาห้าล้านหยวน เขาคงเสียสติแน่ เว่ยเฟิงไม่อยากเสียเวลากับเขา เพราะเขามีเรื่องที่เป็นประโยชน์กว่าที่ต้องทำ
เขาไม่พูดถึงเงินทุนเลย
…..
เช้าตรู่ของเดือนธันวาคม…
บัญชีการตลาดในวีแชทที่ชื่อว่า’ไก่เหวิน’เลื่อนดูฟีดข่าว
[จากหนี้ห้าแสนหยวนจนได้รับเงินทุนห้าล้านหยวน นี่เป็นเรื่องราวของชายวัยเดียวกับท่าน…]
มีบทความข่าวหลายอันที่ชื่อคล้ายๆ แบบนี้
นี่เป็นการโฆษณาที่ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า และบรรยากาศที่คึกคักนี้ก็กำลังแพร่กระจายออกไป
ในขณะเดียวกันชื่อของแคมปัสแอสซิสแตนซ์ก็ถูกผลักดันไปสู่สุดจูงสุดด้วยแผนการตลาดนี้
แผนการตลาดทั้งหมดนี้ถูกวางแผนโดยหยวนลี่เหว่ยด้วยงบการตลาดทั้งหมดสี่แสนหยวน
อัจฉริยะทางธุรกิจนี้เคยชนะเลิศการแข่งขันออกแบบนวัตกรรมทางอินเทอร์เน็ต เขาค่อนข้างเก่งในด้านการจัดการธุรกิจ เขาได้เรียนรู้การตลาดทั้งในและนอกวีมีเดีย
ตัดสินจากผลตอบรับของผู้ใช้ การตลาดนี้อาจกล่าวได้ว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จ ผลลัพธ์ที่ได้นั้นเกินกว่างบสี่แสนหยวนเสียอีก
ในขณะเดียวกันแคมปัสแอสซิสแตนซ์ก็ใช้ความนิยมนี้เพื่อเปิดตัวการอัปเดต เวอร์ชันหนึ่งจุดศูนย์ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าแคมปัสแอสซิสแตนซ์ฟังก์ชันก่อนหน้านี้ทั้งหมดของแคมปัสเทรนด์จะถูกพอร์ตมายังแอปแคมปัสแอสซิสแตนซ์
ไม่ช้ามันก็เป็นเดือนมกราคม เป็นช่วงที่กลับมามหาวิทยาลัย แคมปัสแอสซิสแตนซ์จะได้รับความนิยมมากกว่าแคมปัสเทรนด์
ด้วยเหตุนี้หยวนลี่เหว่ยจึงเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
ลู่โจวมอบตำแหน่งประธานชมรมแก่เจ้าอ้วนอู๋และเขาก็ถอนตัวออกจากการบริหาร เขาร่วมมือกับผู้บริหาร แล้วโพสต์ลงบนบัญชีเว่ยป๋อของผู้บริหาร ลู่โจวซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่าสามแสนคน
มันไม่ใช่โพสต์ แต่เป็นการโฆษณามากกว่า
[แคมปัสแอสซิสแตนซ์หนึ่งจุดศูนย์ไปดูซะ (สุนัข)]
แม้ว่าครั้งนี้มันจะไม่ได้เป็นกระแส แต่ลู่โจวก็เห็นว่าแถบความคิดเห็นกำลังเดือดพล่าน
[ทำไม? แคมปัสเทรนด์ตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมมันยังมีชีวิตอยู่? (น้ำตา) (น้ำตา)]
[ได้โปรด อัจฉริยะ ไปวิจัยคณิตศาสตร์ของคุณเถอะ! (น้ำตา) (น้ำตา)]
[ท่านเทพ!!! คุณยังรับสมัครแฟนอยู่ไหม?]
[คุณพระ คุณพี่ (สาว) จีติดตามอัจฉริยะ!]
[สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดในชีวิตก็คือการดูคนอื่นโม้เรื่องความมั่งคั่ง อัจฉริยะคนนี้มีความสามารถ มีเงิน มีความรัก ฉันรู้สึกอยากสูบบุหรี่อยู่เงียบๆ]
[ไม่ใช่ว่ามีคนที่พนันว่าผู้บริหารลู่จะไม่มีทางทำให้มันถึงล้านเหรอ? ตอนนี้มันห้าล้านแล้ว (สุนัข)]
[เจ้าหมอนี่เรียนคณิตศาสตร์ แก้ปัญหาคณิตศาสตร์ระดับโลก แค่เขียนโปรแกรมก็ระดมทุนได้หลายล้านแล้ว…(น้ำตา)]
[ฉันคิดว่าฉันคงไปเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปลอม]
ลูโจวอ่านความคิดเห็นแล้วรู้สึกเป็นห่วงแฟนคลับเล็กน้อย
เขามาคิดดูแล้วรู้สึกสึกว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะพูดอวดแบบนี้
อย่างไรก็ตามพวกเขายังคงติดตามเขา แม้ว่าเขาจะพูดโอ้อวดก็ตาม ดังนั้นพวกเขาต้องรักเขามากแน่นอน
ลู่โจวไม่ได้พูดอะไรแล้วปิดมือถือ
เขาเอาหัวมุดผ้าห่มแล้วเกือบหัวเราะออกมาเสียงดัง…
……………………………………