Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1058 ปลดล็อกความสำเร็จใหม่
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1058 ปลดล็อกความสำเร็จใหม่
[ขอแสดงความยินดีด้วย โฮสต์ สำหรับการปลดล็อกความสำเร็จลับ ‘ผ่านช่วงยุคสมัย’]
[คำบรรยาย: ถึงแม้ว่าคนหัวโบราณพยายามจะต่อต้าน เมื่อเผชิญกับเทคโนโลยีใหม่ คนส่วนใหญ่จะตามกระแสเวลาได้ทันในที่สุด]
[รางวัล: ตั๋วชิงโชค 1 ใบ 100,000 แต้มวิศวกรรม 5,000 แต้มทั่วไป]
ลู่โจวอยู่ที่งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เป็นกระแส เขาลังเลอยู่สักพักและเขาเห็นกล่องข้อความสีน้ำเงินอ่อนปรากฏขึ้นกะทันหันที่หางตา
รางวัลระบบ?
เขาเอนหลังที่เก้าอี้แล้วกระซิบว่า ‘ระบบ’ โดยไม่ลังเล จากนั้นไม่นานสติของเขาถูกส่งไปที่พื้นที่ระบบ
เอาตามตรงความสำเร็จลับพวกนี้ชวนสับสนมาก
ลู่โจวยังไม่รู้ว่าอะไรทำให้เกิดความสำเร็จพวกนี้
พูดด้วยหลักเหตุผล ชิปฐานคาร์บอนไม่ใช่การวิจัยที่น่าประทับใจที่สุดจากการวิจัยทั้งหมดของเขา
ไม่ใช่แค่นั้น เขาได้ทำงานด้านทฤษฎีกับฉนวนมอตและวิธีการสังเคราะห์เชิงอุตสาหกรรม SG-1 เป็นเวลานานมาแล้ว
แต่ด้วยเหตุผลบางประการความสำเร็จลับของระบบได้ถูกทริกเกอร์ขึ้น
แต่เดี๋ยวก่อนนะ..
ลู่โจวเกิดไอเดียขึ้น
บางทีมันอาจเป็นวิธีการแนะนำของระบบ?
เหมือนกับตอนที่อยู่พรินซ์ตัน ระบบได้แนะนำให้ช่วยเวร่าเรื่องข้อคาดการณ์ของคอลลาทซ์
อีกความเป็นไปได้คือเขาได้สร้างความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ครั้งใหญ่ที่อาจจะเป็นภารกิจระบบ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงสมมติฐาน มันไม่มีทางที่เขาจะหาคำตอบได้
ลู่โจวรู้สึกปวดหัว
ทำไมระบบบ้านี่ถึงไม่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น?
แล้ววอยด์เมมโมรี่ก็ทำให้ปวดหัวอีก…
ลู่โจวส่ายหน้าและกดปุ่มชิงโชค หลังจากที่ดูป๊อปอัพ ‘เมมโมรี่แท็บเลต 30 ชิ้น’ เขาปิดแถบชิงโชค
เมมโมรี่แท็บเลตไม่มีประโยชน์สำหรับเขา มันไม่มีประโยชน์เท่ากับยาเพิ่มพลังเสียด้วยซ้ำ
แต้มวิศวกรรมแสนแต้มค่อนข้างน่าพึงพอใจ ตอนนี้ วิศวกรรมอยู่ที่เลเวลหก ซึ่งเขาต้องการอีกหกแสนแต้มในการเพิ่มเลเวล มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพึ่งความสำเร็จลับเพื่อเพิ่มเลเวล
สิ่งเดียวที่ทำให้เขาเซอร์ไพรส์คือแต้มทั่วไป 5,000 แต้ม
เมื่อนับรวมกับแต้มที่เขาสะสมไว้ เขามีแต้มทั่วไปเกือบ 30,000 แต้ม
ลู่โจวกำลังครุ่นคิดว่าจะใช้แต้มพวกนี้อย่างไรดี เขาคงไม่สามารถเพิ่มเลเวลสายอื่นได้จนกว่าเขาจะไขทฤษฎีการรวมของพีชคณิตและเรขาคณิตสำเร็จ
ดังนั้นมันเป็นไอเดียดีที่จะใช้แต้มทั่วไปกับเทคโนโลยีที่น่าสนใจ แต่เขาไม่มีเวลาที่จะค้นคว้า
ฉันควรใช้มันกับอะไรดี?
เอิ่ม…
ลู่โจวยังไม่มีไอเดียในตอนนี้ ในที่สุดเขาก็ส่ายหัว
ช่างมัน ฉันจะไปถามความเห็นจากเฉินยู่ซาน
หลังจากลู่โจวออกจากพื้นที่ระบบ เขาลืมตาขึ้นและกลับไปที่งานประชุม
การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใกล้จะจบลง ลู่โจวมองดูฝูงชนค่อยๆ ออกจากพื้นที่จัดงาน เขาพยักหน้าไปทางหวังเผิงและเริ่มเดินไปที่ทางออก
ในระหว่างที่ฝูงชนเดินออกจากงาน ทีมงานหญิงคนหนึ่งที่มีผมสั้นเดินตรงมาทางเขาพร้อมกับรอยยิ้มสุภาพบนใบหน้า
“สวัสดีค่ะ นักวิชาการลู่”
ลู่โจวมองดูป้ายชื่อของเธอและจำเธอไม่ได้
ลู่โจวสงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆ เธอถึงเดินมาหาเขา
“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ?”
ทีมงานหญิงพูดว่า “เรื่องมีอยู่ว่าฉันเป็นคนรับผิดชอบคณะกรรมการจัดการเรื่องการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ เนื่องจากตารางที่เปลี่ยนแปลงไป ซีอีโอหวังได้ไปประชุมอยู่ เขาบอกกำชับให้ฉันไปกับคุณ”
ลู่โจวส่ายหน้าและพูดว่า “โอ้ ไม่เป็นไร คุณไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ ผมกลับไปที่โรงแรมได้ครับ”
“แต่ว่า…”
ลู่โจวมองหญิงคนนี้และค้นพบบางอย่างด้วยเวลารวดเร็ว เขาจึงยิ้มให้และตอบกลับว่า “ไม่ต้องห่วง ผมไม่ชอบรบกวนคนอื่น ซีอีโอหวังรู้ดี ผมจึงมั่นใจว่าเขาเข้าใจ”
นับตั้งแต่ที่ข่าวชิปฐานคาร์บอนถูกปล่อยออกไปมันทำให้หัวเหว่ยได้รับความนิยมสูงสุด
ไม่เพียงมีแต่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสารกึ่งตัวนำที่ให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับเทคโนโลยีนี้ แต่ผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์ปลายน้ำก็ให้ความสนใจเช่นกัน
มันมีการเจรจาต่อรองเกิดขึ้นที่ระดับรัฐ
ซีอีโอหวังจะมีอีกปีที่ยุ่ง
ลู่โจวเป็นคนประเภทที่ชอบอยู่คนเดียว
ทีมงานหญิงไม่ได้ตื๊อต่อ เธอพยักหน้าอย่างลังเลและพูดว่า
“โอ้…โอเค ถ้าคุณต้องการอะไร โปรดติดต่อพวกเรา”
เธอโค้งให้ลู่โจวซึ่งไม่ได้พูดอะไร จากนั้นเธอหันหลังกลับและเดินออกจากโถงจัดแสดง
ลู่โจวมองดูเธอเดินจากไปและส่ายหน้า
“พนักงานหัวเหว่ยทำตัวดีเกินไป”
หวังเผิงยิ้มและพูดว่า
“แต่คุณก็เป็นเจ้านายของคนพวกนั้น”
“ไม่ เราเป็นพาร์ทเนอร์กัน มันไม่ใช่ว่าผมทำงานการกุศล และพวกเขาก็ไม่ได้ติดค้างอะไรผม” ลู่โจวตอบ
หวังเผิงยิ้มให้และไม่ได้ตอบอะไร
เรื่องบางอย่างไม่จำเป็นต้องพูด
มีเสียงหนึ่งดังมาแต่ไกล
“เดี๋ยวก่อน นักวิชาการลู่!”
ลู่โจวหยุดเดินและหันกลับไปดู
เขาเห็นชายวัยสามสิบปลายๆ ที่หวีผมเรียบและใส่ชุดสูทกำลังโบกมือให้เขา
หวังเผิงเห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยเดินมาจากระยะไกล เขาสอดมือไว้ในกางเกงและสบตากับเพื่อนร่วมงานซึ่งยืนอยู่ในฝูงชน
ชายคนนี้รู้ว่าตัวเองถูกจับตาอยู่ เขาจึงค่อยๆ เดินช้าลงและเดินมาหาลู่โจวกับหวังเผิง
“เป็นเกียรติที่ได้พบคุณครับ”
ลู่โจวมองดูชายคนนั้นและพูดว่า “…แล้วคุณคือ?”
“โอ้ ผมลืมแนะนำตัวเอง” ชายคนนั้นหยิบนามบัตรออกมาและพูดว่า “ผมเยี่ยหนาน นี่นามบัตรของผม”
ลู่โจวเหลือบมองนามบัตรคร่าวๆ
ธุรกิจร่วมลงทุนอี้ฟาง?
ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน
เขาเคยได้ยินแต่อสังหาริมทรัพย์อี้เฟิงซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในเซี่ยงไฮ้
ชายชื่อเยี่ยหนานรีบพูดขึ้นว่า
“เราเคยเจอกันที่งานซัมมิทนวัตกรรมและการลงทุนไฮเทค แต่คุณรีบกลับ มันช่างน่าเสียดายที่—”
ลู่โจวกระแอมและพูดขัดเขา “คุณต้องการอะไรครับ?”
เยี่ยหนานยิ้มอย่างประหม่าและพูดว่า “ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร…ผมแค่อยากคุยกับคุณ”
ลู่โจวมีท่าทีว่าเขาอยากปฏิเสธ เยี่ยหนานจึงรีบพูดเสริมว่า “ขอแค่ห้านาที ผมจะไม่รบกวนเวลามาก”
ลู่โจวคิดจะปฏิเสธเขาอย่างสุภาพ แต่เมื่อเห็นว่าเขาจริงใจ ลู่โจวจึงพยักหน้าตอบรับ
“โอเคครับ”
เยี่ยหนานดูดีอกดีใจในขณะที่เขาพูด
“มันมีคาเฟ่ดีๆ แถวนี้ ไม่ไกลไปจากศูนย์ประชุม ผมไปซื้อกาแฟที่นั่นทุกครั้งที่ผมมาที่นี่ ไปดื่มกาแฟที่นั่นกัน เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”
อยู่ดีๆ หวังเผิงพูดขึ้นมาว่า “คาเฟ่มีชื่อว่าอะไรนะ?”
เยี่ยหนานพูดว่า “92 ดีกรีส์…มันห่างจากที่นี่แค่ร้อยเมตรครับ”
หวังเผิงพยักหน้าและไม่พูดอะไร
เยี่ยหนานไปต่อไม่ถูก ลู่โจวเลยยิ้มให้และพูดว่า
“คุณอย่าไปใส่ใจเลย มันเป็นงานของเขา”
เยี่ยหนาน “…?”
…………………………….