Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1111 จักรวาลสมบูรณ์แบบ
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1111 จักรวาลสมบูรณ์แบบ
[เจ้านายกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ? :3]
ลู่โจวนั่งมาครึ่งชั่วโมงโดยไม่ขยับเขยื้อนใดๆ
ทำให้เสี่ยวไอเริ่มสงสัยว่าเจ้านายของมันยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?
ลู่โจวมองดูดวงอาทิตย์ที่ค่อยขึ้นๆ จากเพอร์เพิลเมาน์เทนที่อยู่ห่างไกล เขากำลังมองดูหมอกยามเช้า
“… ฉันกำลังคิดถึงอดีตของฉันน่ะ”
เสี่ยวไอ [(• ∀ •)?]
“ฉันคิดถึงมันจริงๆ”
ลู่โจวอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยอารมณ์
เริ่มด้วยข้อคาดการณ์ของโจวเพื่อพิสูจน์ประพจน์ทางคณิตศาสตร์ครั้งแรกของเขา หลักการคาดการณ์คู่เพื่อการพิสูจน์ข้อคาดการณ์ของปอลีญัก จากนั้นก็ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัค จากนั้นก็รางวัลมิลเลนเนียม …
เขาได้พิสูจน์สมการที่ยากที่สุดในโลกมามากมายโดยไม่รู้ตัว
แต่ตอนนี้เขากำลังก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่งใหญ่
และขั้นตอนนี้ก็มาไกลกว่าขั้นตอนทุกอย่างที่เขาเคยทำมาก่อน
แม้แต่การเพิ่มประพจน์ทั้งหมดที่เขาได้พิสูจน์แล้วรวมทั้งสมมติฐานของรีมันน์ ก็ไม่สามารถเทียบกับสิ่งที่เขาได้ทำเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วได้
แน่นอนว่าถ้าไม่มีงานฐานรากก่อนหน้านี้ เขาคงไม่มีวันมาถึงจุดนี้ได้แน่นอน
“ก็อตเท็นดิ๊กพูดถูก”
“ทฤษฎีโคโฮโมโลยีสากล ซึ่งกระตุ้นค่าแรงจูงใจอยู่ในหมวดหมู่ Q โคโฮโมโลยีของสัมประสิทธิ์ใดๆ สามารถคำนวณได้โดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์ Z”
“ไม่เพียงแค่นั้น แต่ตัวเลขทั้งหมดสามารถแยกออกมาเป็นจุดบนพื้นผิวที่มีมิติสูงได้ รูปภาพเรขาคณิตทั้งหมดที่สอดคล้องกับนิพจน์พีชคณิตสามารถเปลี่ยนผ่านโทโพโลยีแล้ว ในที่สุดก็กลับมาที่พื้นผิวเดิม…
“นี่คือจักรวาลที่สมบูรณ์แบบ”
ไม่มีอะไรต้องสงสัยอีกต่อไปแล้ว
ทั้งหมดที่เขาต้องทำคือรายละเอียดงานขั้นสุดท้าย
หลังจากหยุดนิ่งไปครึ่งชั่วโมง เขาก็เริ่มเขียนอีกครั้ง
ปากกาของเขาเลื่อนไปมาบนกระดาษอย่างไหลลื่น
ราวกับว่าเขาเคยทำมาแบบนี้แล้วหลายพันครั้ง ราวกับว่าลู่โจวค่อยๆ วางอิฐก้อนสุดท้ายอย่างเบาๆ ในการสร้างขั้นสุดท้าย
เดิมทีลู่โจวคิดว่าหลังจากสำเร็จบางสิ่งที่นักวิชาการจำนวนนับไม่ถ้วนใฝ่ฝันมานานนับพันปี เขาจะต้องภูมิใจและปลาบปลื้มแน่นอน
แต่พอถึงช่วงเวลาที่เขามา เขากลับไม่ได้ตื่นเต้นแต่กลับสงบและใจเย็นมากกว่า
เหมือนกับมันถูกทำให้เกินขึ้นเช่นนี้
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างประหลาดใจ
ปากกาของเขาเขียนจุดหนึ่งจุดเพื่อจบในบรรทัดที่สองของหน้าสุดท้าย
ลู่โจวมองดูเส้นการคำนวณที่เรียบร้อยบนกระดาษและยิ้ม
“ในที่สุด…”
“บางทีนี่อาจเป็นการปูทางไปสู่อนาคตก็ได้”
ตอนนี้พีชคณิตและเรขาคณิตเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในแง่นามธรรมแล้ว เราสามารถใช้กรอบทฤษฎีง่ายๆ เพื่อเปลี่ยนปัญหาพีชคณิตให้เป็นสมการทางเรขาคณิตได้ และเพื่อประยุกต์ใช้วิธีการและเครื่องมือในสาขาต่างๆ อีกด้วย
ด้วยเครื่องมือและวิธีการใหม่เหล่านี้ สมการเก่าๆ จำนวนมากจะไม่ถูกมองว่าเป็นสมการอีกต่อไป…
เพราะคณิตศาสตร์เป็นสาขาที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
เมื่อสมการเก่าได้รับการพิสูจน์ สมการใหม่ก็จะถูกสร้างขึ้นเพื่อกวนนักคณิตศาสตร์ในอนาคตข้างหน้า
แม้ว่าเขาจะอยู่ระดับสิบในวิชาคณิตศาสตร์แล้วก็ตาม…
แต่บางทีโลกนี้อาจจะไม่น่าเบื่อจนเกินไปสำหรับเขา
ลู่โจวดูการคำนวณบนกระดาษและใช้เวลาห้านาทีในการหวนคิดถึงอดีตที่ผ่านมาทั้งหมด จากนั้นเขาก็ส่งอีเมลถึงศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์และลุกขึ้นจากเก้าอี้
เขาออกไปข้างนอกเป็นเวลานานแล้ว เขาเกือบลืมไปแล้วว่าวันนี้เป็นวันอะไรของสัปดาห์
เขาต้องออกไปข้างนอกบ้างก่อนที่เขาจะกลายเป็นแวมไพร์
“เอาล่ะ”
โดรนที่วางอยู่บนชั้นวางหนังสือเริ่มลอยขึ้นอย่างช้าๆ จากนั้นมีคำพูดปรากฏขึ้นบนจอแสดงผลของโดรน
[โอเคเจ้านาย เจ้านายกำลังจะพาเสี่ยวไอไปช้อปปิ้งใช่ไหม? ヾ(≧▽≦*)]
“ช้อปปิ้งเหรอ? เรากำลังจะไปเดินป่ากัน!”
[ฮะ? ไต่เขาอีกแล้ว… (̄ △ ̄ ;)]
“ ถ้าโตเมื่อไหร่ ฉันจะพาไปในที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านนะ”
ลู่โจวเหยียดแขนที่แข็งทื่อออกไปด้านหน้าและยิ้ม เขาเพิกเฉยอีโมจิที่น่าเศร้าของเสี่ยวไอและเดินออกจากห้องทำงานไป
…
ย่านที่อยู่อาศัยจงซาน อินเตอร์เนชั่นแนลนั้นติดอยู่กับเพอร์เพิลเมาน์เทน มันมีเส้นทางที่เดินผ่านด้านหลังของย่านชานเมืองตรงไปยังยอดเขาได้
ลู่โจวเคยปีนขึ้นไปบนยอดเขาบนเส้นทางนี้มาก่อน
เขาใส่ชุดออกกำลังกายและรองเท้าวิ่ง เขาเริ่มวิ่งจ๊อกกิ้งกับผ้าขนหนูบนไหล่และเสี่ยวไอที่กำลังบินอยู่ด้านบน
ลู่โจวทักทายยามที่ทางเข้าประตูหลังและออกจากประตูไป เขาเดินตามขั้นบันไดหินและวิ่งเหยาะเรื่อยๆ ประมาณสองสามกิโลเมตรก่อนที่จะเริ่มเดิน จากนั้นไม่นานเขาก็มาถึงศาลากลางเขาลูกนี้
ปกติเมื่อเขามาที่นี่เพื่อวิ่งตอนเช้าเขาจะวิ่งกลับตรงจุดนี้ แต่ครั้งนี้เขาอยากเดินขึ้นไปอีก
ลู่โจวเข้าไปในศาลาและกำลังจะหยุดพัก ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นชายชราคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งหินในศาลาตรงหน้า
ชายคนนั้นสวมเสื้อกล้ามและดื่มจากถ้วยชาสีน้ำตาลที่เขาถืออยู่
ชายชราเห็นลู่โจว เขาจึงยิ้มให้และพูดว่า
“ โอ้ อาจารย์ลู่ อะไรทำให้ขึ้นมาที่นี่แต่เช้ากันล่ะ?”
แม้ว่าลู่โจวจะไม่รู้จักเขา แต่ชายชราอาจรู้จักเขาจากข่าวก็ได้ เขาอาจจะอยู่ชุมชนเดียวกันก็ได้
“ ผมอยู่บ้านนานเกินไปครับ เลยอยากออกมาสูดอากาศข้างนอก และดูว่าผมจะปีนขึ้นไปบนยอดก่อนพระอาทิตย์ขึ้นได้ไหม จากนั้นก็ค่อยดูพระอาทิตย์ที่ยอดเขาน่ะครับ” ลู่โจวมองไปที่เส้นขอบฟ้าและถามว่า “แล้วคุณล่ะ?”
“ ฉันเหรอ?” ชายชราหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ฉันเกษียณแล้ว ฉันแค่เดินไปรอบๆ ภูเขาและแม่น้ำไปเรื่อยเท่านั้น”
เขามองไปที่ขอบฟ้าและหยีตาลง
“ น่าเสียดายนะ ดูเหมือนว่าคุณจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ด้านบนไม่ทัน”
ดวงอาทิตย์กำลังจะขึ้นในอีกห้านาที และนี่เป็นช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดของวัน
ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงในการวิ่งขึ้นไปบนยอดเขา
ลู่โจวยิ้มแล้วพูด
“ดูที่นี่ก็สวยเหมือนกันครับ”
เส้นขอบฟ้าเริ่มกลายเป็นสีแดงสด ทำให้ยากต่อการแยกความแตกต่างระหว่างก้อนเมฆและภูเขาได้
แสงแดดสีทองเริ่มโปรยปรายและส่งลงมาที่บนภูเขา
หมอกยามเช้ารอบภูเขาค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ
ชายชรามองภาพที่สวยงามจากระยะไกล และถอนหายใจอย่างสงบ
“ เพอร์เพิลเมาน์เทนนั้นสวยงาม แต่ไม่สวยเท่าภูเขาไท่และภูเขาเฮง คนหนุ่มๆ อย่างคุณน่าจะใช้ประโยชน์จากร่างกายของไปดูภูเขาและหินแปลกๆ พวกนั้นดูนะ โดยเฉพาะภูเขาไท่ ชีวิตที่ไม่ได้สำรวจอะไรมันไม่คุ้มค่าที่จะมีชีวิตอยู่”
“ ชีวิตที่ไม่ได้สำรวจ?”
ลู่โจวมองดูเมฆสีที่สองแสงสีทองและทันใดนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “บางทีอาจไม่จำเป็นต้องปีนขึ้นไปบนยอดก็ได้”
ความคิดในใจของเขานั้นรวดเร็วกับพระอาทิตย์ขึ้น
โลกของระดับสิบที่เขาใฝ่หามาตลอด…
ปรากฏว่า…
มันอยู่ในใจของเขาเรียบร้อยแล้ว…
………………………………