Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 112 รางวัลบุคคลประจำปี!
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 112 รางวัลบุคคลประจำปี!
การแสดงเต้นที่งดงามของเพลง’Flaming Youth’ได้จุดบรรยากาศแก่ผู้ชม เมื่อการแสดงจบลง นักเต้นก็คำนับอาจารย์และนักศึกษาก่อนจะออกจากเวที
ม่านแดงเปิดออกแล้วตัวหนังสือตัวใหญ่ๆ ก็ปรากฏขึ้นกลางหน้าจออันโต
[ซื่อสัตย์นอบน้อมและสง่างาม กล้าหาญและเรียนรู้]
นั่นเป็นคำขวัญของมหาวิทยาลัยจินหลิง
คำขวัญของมหาวิทยาลัยมีอายุกว่าร้อยปีแล้ว
คนแรกที่ขึ้นไปพูดบนเวทีคือชายชราสวมแว่น
รูปร่างเขาดูผอม แต่เขายืนตัวตรงปานเสาธง
ลู่โจวเคยเห็นหน้าของผู้อาวุโสท่านนี้เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น แต่เขาก็จำท่านได้
เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอาจารย์ใหญ่สวี่แห่งมหาวิทยาลัยจินหลิง!
ก่อนที่เขาจะมาเป็นอาจารย์ใหญ่ เขาเคยเป็นนักวิชาการในกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งประเทศจีน เขาเคยทำโปรเจกต์วิจัยระดับชาติมามากกว่า ยี่สิบครั้งและทำคุณประโยชน์อย่างมากต่อเทคโนโลยีสารสนเทศและเน็ตเวิร์กซีเคียวริตี้แห่งประเทศจีน
คำพูดของอาจารย์ใหญ่สวี่นั้นออกแนวนักวิทยาศาสตร์มาก เขาพูดอย่างเจาะจงและรัดกุม ด้วยเวลาเพียงห้านาที เขาก็พูดจบและถ่ายทอดข้อมูลที่จำเป็นอย่างครบถ้วน
ตอนจบประโยค เขาก็กล่าวขอบคุณแล้วผู้ชมก็ปรบมือให้อย่างอบอุ่น
ลู่โจวสวมชุดสูทยืนอยู่หลังม่าน เขากำลังถือสคริปต์ไว้ในมือด้วยฝ่ามือชุ่มด้วยเหงื่อ
มีผู้ชมกำลังนั่งอยู่อย่างน้อยสองพันคน ไม่เพียงแต่จะมีนักศึกษาปริญญาตรีจากคณะต่างๆ เท่านั้น แต่ยังมีนักศึกษาปริญญาโท นักศึกษาปริญญาเอก ผู้นำจากคณะต่างๆ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ด้านข้างยังมีกล้องจากสถานีโทรทัศน์จินหลิงและสถานีโทรทัศน์ซูโจวที่กำลังถ่ายทอดสดพิธีมอบรางวัลอยู่ด้วย
ศาสตราจารย์ถังยืนอยู่ข้างๆ ลู่โจว เขายิ้มขณะเอาแขนไขว้หลัง “กังวล?”
ลู่โจวกระแอมแล้วกล่าว “ไม่เป็นไรครับ”
ศาสตราจารย์ถังหัวเราะแล้วกล่าว “ไม่เป็นไรก็ดี เธอจะมีโอกาสขึ้นไปพูดบนเวทีอีกมากมายในอนาคต ใช้ครั้งนี้ฝึกฝน มันจะช่วยเธอพัฒนาในอนาคต”
ลู่โจวสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วกล่าวอย่างจริงใจ “ผมเข้าใจ”
รางวัลถูกแบ่งเป็นสามส่วน ส่วนแรกเป็นพูดแนะนำอาจารย์ที่ปรึกษา จากนั้นก็เป็นคำกล่าวสุนทรพจน์ของผู้ได้รับรางวัล และสุดท้ายรางวัลก็จะถูกมอบให้ผู้ได้รับรางวัลแล้วผู้ได้รับรางวัลก็จะเข้าถ่ายรูปกลุ่ม
เมื่อพิธีกรเห็นว่าอาจารย์ใหญ่พูดจบแล้ว เขาก็ประกาศเปิดขั้นต่อไป
บนหน้าจอขนาดใหญ่กลางเวที มีข้อความย่อหน้าหนึ่งปรากฏขึ้น มันสรุปผลงานของผู้ได้รับรางวัลเอาไว้
[ลู่โจว เพศชาย ภาควิชาคณิตศาสตร์ปี 2013 ห้องหนึ่ง ตีพิมพ์วิทยานิพนธ์รวมสิบสามฉบับ ครอบคลุมวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาการคอมพิวเตอร์และวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณ ใช้วิธีใหม่เพื่อแก้’ข้อคาดการณ์ของโจว’ ปัญหาคณิตศาสตร์ระดับโลก ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการด้านคณิตศาสตร์ของพรินซ์ตันปี 2015 ได้รับรางวัล’Higher Education Society Cup’จากการแข่งขันการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ระดับประเทศปีในปี 2014 เป็นผู้ก่อตั้ง’แคมปัสแอสซิสแตนท์’จากโปรเจกต์ผู้ประกอบการนักศึกษามหาวิทยาลัย]
ผู้ชมอ่านตัวหนังสือบนหน้าจอแล้วอุทานด้วยความประหลาดใจ
สำหรับคนธรรมดาแล้ว แค่ประสบความสำเร็จสักอย่างหนึ่งก็เกินพอแล้ว
ขณะที่ลู่โจวยืนอยู่หลังม่านแล้วมองดูความสำเร็จของเขาที่แสดงต่อหน้าทุกคน เขาก็รู้สึกไม่เลวเลย
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือมันไม่ได้แนบรูปของเขาไว้ด้วย
ถ้าพวกเขาถ่ายหน้าตาอันหล่อเหลาของเขาแล้วแสดงมันให้ทุกคนเห็น มันก็คงสมบูรณ์แบบมากกว่านี้
จากนั้นศาสตราจารย์ถังก็เดินไปบนเวทีแล้วพิธีกรก็ช่วยเขาปรับไมค์ด้วยความเคารพ
ผู้ชมในห้องประชุมก็ค่อยๆ เงียบเสียงลง
ศาสตราจารย์กระแอมเบาๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่างจากที่ใช้สอนปกติ
“ถ้าคุณถามฉันว่าตลอดสามสิบปีมานี้ นักศึกษาที่ทำให้ฉันประทับใจมากที่สุด คำตอบนั้นก็จะเป็นลู่โจว”
“วิทยานิพนธ์เกี่ยวกับการวิเคราะห์เชิงหน้าที่ที่ดึงดูดความสนใจของสถาบันคณิตศาสตร์คอร์แรนต์ในนิวยอร์ก วิทยานิพนธ์ที่ทำให้เกิดแนวคิดใหม่ในสาขาวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณ และการกำเนิดทฤษฎีของโจว…ฉันรู้สึกว่า ถ้าฉันพูดต่อ มันก็เหมือนฉันพูดเนื้อหาในพาวเวอร์พอยนต์ซ้ำ”
ศาสตราจารย์ถังหยุดชั่วครู่แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เวลาของฉันมีจำกัด ดังนั้นฉันจะไม่พูดซ้ำเนื้อหา จากการประเมินของฉัน ความสำเร็จด้านวิจัยของเขาเหนือกว่านักศึกษาปริญญาเอกส่วนใหญ่ไปแล้ว ความสามารถที่มีค่าที่สุดของเขาก็คือ เขาสามารถหาและแก้ไขปัญหาวิทยาศาสตร์ที่เขาสนใจได้อย่างรวดเร็ว”
“และอีกอย่าง เขาอายุยี่สิบปีเท่านั้น”
“เส้นทางในอนาคตยังอีกยาวไกล มีความท้าทายมากมายระหว่างทาง ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องมือทางคณิตศาสตร์ในการแก้ปัญหาทางรูปธรรม หรือท้าทายเหรียญฟิลด์ ฉันเชื่อว่าโลกคณิตศาสตร์มีที่สำหรับเขา”
“ขอบคุณครับ”
แปะๆ ๆ
ผู้ชมปรบมือกันเสียงดังสนั่น
ระหว่างเสียงปรบมือ ศาสตราจารย์ถังก็ยิ้มแล้วส่งไมโครโฟนให้ลู่โจว จากนั้นเขาก็เอามือไขว้หลังแล้วเดินไปหลังม่าน
ลู่โจวจ้องมองไปที่ผู้ชม
เขาคิดย้อนกลับไปถึงเหงื่อและน้ำตาที่เขาเสียไปตลอดหกเดือนที่ผ่านมา…
คิดถึงวันและคืนนับไม่ถ้วนที่เขาใช้เรียน…
เมื่อลู่โจวสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาก็รู้สึกเหมือนหัวใจของเขากำลังจะเต้นทะลุออกมาจากหน้าอก
เขาพูดผ่านไมโครโฟนด้วยความตื่นเต้น แต่น้ำเสียงมั่นคง
“ผมขอขอบคุณมหาวิทยาลัยจินหลิงที่ทำให้ผมมีโอกาสยืนอยู่ตรงนี้ ผมขอขอบคุณเหล่านักศึกษาที่ทำให้ผมมีโอกาสได้ขึ้นมาพูด แน่นอนผมรู้สึกขอบคุณบิดามารดาของผมที่สุดที่เลี้ยงดูผมมา และอาจารย์…”
“การวิเคราะห์เชิงหน้าที่เป็นวิชาหลักของผม วิทยานิพนธ์แรกของผมได้รับแรงบันดาลใจจากศาสตราจารย์ถัง ในทีมวิจัยของศาสตราจารย์หลี่หรงเอิน ผมได้ฝึกฝนวิธีคิดงานวิจัยโดยใช้เครื่องมือทางคณิตศาสตร์เพื่อแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรม นั่นเป็นประสบการณ์ที่มีค่าสำหรับผม…”
“ส่วนการเรียนเรื่องกฏการกระจายตัวของจำนวนเฉพาะของแมร์แซน และพิสูจน์ข้อคาดการณ์ของโจว ผมอธิบายได้ว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ มันเป็นช่วงที่ผมคว้าแรงบันดาลใจที่มาเพียงชั่วครู่เอาไว้ได้…”
“นอกจากนี้แคมปัสแอสซิสแตนท์ไม่ใช่แค่งานของผม มันเป็นพลังของทีม…”
ตั้งแต่นักวิชาการไปจนถึงผู้ประกอบการ ตั้งแต่การคิดเชิงวิทยาศาสตร์ไปจนถึงจิตวิญญาณของทีม ลู่โจวพูดทั้งหมด
มันเป็นความจริงที่ความสำเร็จของเขาเป็นเพราะโชค เพราะระบบและเพราะปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้พยายาม
ความพยายามเป็นกุญแจสำคัญ
ต่อให้เขาไม่ได้รับความช่วยเหลือจากระบบ ถ้าเขามีสมาธิ เขาก็ยังอาจจะมีโอกาสขึ้นมาอยู่บนโพเดียมนี้ได้
นอกจากนี้เขาก็ยังอาจจะมีความสำเร็จเหล่านี้
มันก็แค่ว่าเขาอาจไม่ได้รับความสำเร็จเร็วขนาดนี้ และมันอาจใช้เวลาสิบปีถึงยี่สิบปี เขาจะต้องอดทนพากเพียรเหมือนกับคนส่วนใหญ่ที่พยายามแต่ก็ล้มเหลว…
ผู้ชมฟังอย่างตั้งใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหล่านักศึกษาใหม่ที่ยังไม่ได้กลับบ้าน พวกเขากระทั่งหยิบสมุดออกมาแล้วจดลงไปอย่างพิถีพิถัน
ลู่โจวคะเนเอาว่าเขาคงมีเวลาเหลือไม่มากนัก ดังนั้นเขาจึงหายใจเข้าลึกๆแล้วแสดงสีหน้าที่แท้จริง
“…สุดท้าย ผมขออนุญาตหยิบยกคำขวัญของมหาวิทยาลัยเป็นคำพูดสุดท้าย”
“ซื่อสัตย์นอบน้อมและสง่างาม กล้าหาญและเรียนรู้”
“ขอบคุณที่รับฟังกันครับ!”
“ขอบคุณครับ!”
หอประชุมเงียบไปชั่วครู่…
จากนั้นเสียงปรบมือประปรายก็ค่อยๆ ดังสนั่น
ขณะที่ลู่โจวยืนอยู่บนโพเดียม เขาก็รู้สึกเหมือนยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนฟ้าคะนอง
แปะๆ ๆ !
แปะๆ ๆ !
ลู่โจวคำนับเล็กน้อยแล้วพยักหน้าให้พิธีกรก่อนจะเดินไปหลังม่าน
……………………………………….