Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1120 สืบทอด
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา โรงแรมใกล้มหาวิทยาลัยจินหลิงได้ถูกจองหมดแล้ว
แต่นั้นไม่ใช่เพราะวันวาเลนไทน์หรือคริสต์มาส แต่เป็นเพราะการหลั่งไหลของนักวิชาการต่างชาติจำนวนมากที่มาพักที่นี่
ในช่วงสามวันที่ผ่านมานอกเหนือจากการกินและนอนแล้ว ลู่โจวก็ไม่ได้ออกจากโรงยิมเลย เขาใช้เวลาอยู่ในสถานที่การบรรยายที่ดัดแปลงชั่วคราวเพื่อตอบคำถามจากนักวิชาการเกี่ยวกับทฤษฎีการรวมแรงครั้งใหญ่
รวมถึงคำถามบางข้อเกี่ยวกับข้อคาดการณ์มาตรฐานของก็อตเท็นดิ๊กอีกด้วย
จริงๆ แล้วเดอลีงย์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาควรจะแปลกใจอะไรดี
แม้ว่าทันทีที่เขาเห็นบทความของลู่โจวเรื่องทฤษฎีการรวมแรงครั้งใหญ่ เขาก็มีลางสังหรณ์ว่ามันจะสามารถใช้เพื่อพิสูจน์สมการข้อคาดการณ์มาตรฐานของก็อตเท็นดิ๊กได้ แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าวันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้
เขายังไม่พร้อมสำหรับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
ลู่โจวใช้เวลาสองชั่วโมงบนเวทีเท่านั้น ในการพิสูจน์นิพจน์ที่เก่าแก่นี้
ณ วิทยาเขตมหาวิทยาลัยจินหลิง
หลังจากที่ชายชราสองคนทานอาหารเย็นที่โรงอาหารแล้ว พวกก็เขาเดินไปตามทางเดินที่มีต้นไม้เรียงรายอยู่เต็ม
ศาสตราจารย์ซาร์นักมองดูโรงยิมที่อยู่ใกล้ๆ และพูดขึ้น
“สมการนี้มีมาแค่ครึ่งศตวรรษเอง… มันไม่สั้นไปหน่อยเหรอ?”
เดอลีงย์ส่ายหัวและพูด
“ไม่… บุคคลนั้นถือเป็นข้อยกเว้น สมการที่เขาพิสูจน์ควรได้รับการแยกออกจากกัน”
ท้ายที่สุด ข้อคาดการณ์มาตรฐานของก็อตเท็นดิ๊กก็เป็นแนวทางในการพัฒนาเรขาคณิตเกี่ยวกับพีชคณิตมาเป็นเวลาครึ่งศตวรรษแล้ว แม้ว่าความเร็วของการพัฒนาจะ ‘เร็ว’ เกินไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้ลดทอนการมีส่วนร่วมในด้านเรขาคณิตเกี่ยวกับพีชคณิต
ศาสตราจารย์ซาร์นักพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นก็มีเหตุผล”
ทั้งสองเงียบไปด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน เดอลีงย์กำลังคิดถึงอนาคตของโรงเรียนแห่งความคิดบอว์บากิ ในขณะที่ซาร์นักนั้นกำลังคิดถึงอนาคตของพรินซ์ตันอยู่
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการยอมรับเรื่องนี้ แต่ศูนย์กลางของคณิตศาสตร์ก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว นับตั้งแต่มีการเผยแพร่วารสารคณิตศาสตร์แห่ง ‘อนาคต’ มาแนวโน้มก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ขณะเดินไปตามทางเดิน ศาสตราจารย์ซาร์นักก็ได้พูดขึ้นทันที
“ผมสาบานว่าในอีกสิบปีข้างหน้าที่แห่งนี้จะเป็นศูนย์กลางคณิตศาสตร์ของโลกแน่นอน”
เดอลีงย์เหลือบมองเขาและพูด
“มันจะใช้เวลาตั้งสิบปีเหรอ?”
ศาสตราจารย์ซาร์นักกระแอมและพูดอย่างช้าๆ
“มันควรจะเป็นอย่างนั้น! การฝึกอบรมนักปราชญ์เป็นกระบวนการที่ยาวนาน ในขณะที่การฝึกอบรมนักวิชาการหลายคนเป็นกระบวนการที่สืบทอดกันอย่างช้านานจากรุ่นสู่รุ่น สิบปีนั้นเป็นการประมาณการในแง่ดี ซึ่งจริงๆ มันอาจต้องใช้เวลายี่สิบปีหรือนานกว่านั้นก็ได้”
ศาสตราจารย์เดอลีงย์ยิ้มและไม่ตอบอะไร
เขายอมรับว่าในทางทฤษฎีนั้นซาร์นักพูดถูก
แต่มีบางสิ่งที่เขาพลาดไป
นั่นก็คือตอนนี้ลู่โจวมีอายุเพียงสามสิบปีเท่านั้น
ว่าง่ายๆ คือช่วงทองของอาชีพนักวิชาการของนักวิชาการนั้นอยู่ระหว่างสามสิบถึงห้าสิบปี ส่วนสิบปีถึงยี่สิบปีเป็นการประมาณการในแง่ดี แต่ไม่ได้คำนึงถึงปัจจัยที่มีทั้งหมด
ในฐานะที่เป็นแหล่งกำเนิดของทฤษฎีการรวมแรงครั้งใหญ่ ตราบใดที่ลู่โจวยังคงอยู่ในสาขาวิชาเรขาคณิตเกี่ยวกับพีชคณิต นักวิชาการจากจินหลิงก็จะอยู่ในระดับแนวหน้าของชุมชนคณิตศาสตร์อย่างแน่นอน
ทั้งซาร์นักและเดอลีงย์ต่างพากันเห็นด้วยกับเรื่องนี้
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานศาสตราจารย์ซาร์นักก็พูดขึ้น
“เราสามารถพูดคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนนักเรียนนะ”
ศาสตราจารย์เดอลีงย์เลิกคิ้วขึ้นและพูดว่า “เหมือนโปรแกรมฝึกหัดน่ะเหรอ?”
“ใช่…” ศาสตราจารย์ซาร์นักตอบขณะมองดูนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่เดินอยู่ใกล้ๆ เขาอดไม่ได้ที่อิจฉาในขณะที่พูดว่า “มันไม่ยุติธรรมสำหรับพวกเขาที่จะมีศาสตราจารย์ลู่เพื่อพวกเขาทั้งหมด”
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ศาสตราจารย์เดอร์ลีงย์ก็พยักหน้า
“ผมจะคุยไปกับอาจารย์ใหญ่”
อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องทำงานของคณบดีภาควิชาคณิตศาสตร์
คณบดีฉินกำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะของเขา เขาลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นผู้เฒ่าถังเดินเข้ามา พร้อมเอื้อมมือออกไปและยิ้มให้
“อะไรหอบคุณมาที่นี่ล่ะ? มานั่งก่อนสิ”
“ไม่ต้องมีพิธีการเยอะหรอกน่า!” ศาสตราจารย์ถังจื้อเหว่ยผลักมือออกและยิ้มตอบ เขานั่งลงบนโซฟาแล้วพูดว่า “ดูคุณสิ! คุณดูดีนะ ถูกหวยหรือยังไง?”
“หวยอะไร ผมยุ่งมากต่างหากล่ะ” คณบดีฉินนั่งลงบนโซฟาแล้วพูดว่า “ทำไมคุณคิดงั้นล่ะ? ผมดูตัวเล็กลงเหรอ?”
“อือ ไม่เลย”
ผู้เฒ่าถังเกษียณไปตั้งแต่ลู่โจวเริ่มมาสอนที่มหาวิทยาลัยจินหลิง เขาใช้เวลาทั้งวันกับไทเก็กที่สวนสาธารณะ เล่นหมากรุกกับเพื่อนเก่า และตกปลาที่ทะเลสาบ เขามีชีวิตที่ดีเลยทีเดียว
สำหรับคณิตศาสตร์ นอกจากตามพัฒนาการล่าสุดเป็นบางครั้งแล้ว เขายังแทบไม่ได้สัมผัสมันเลย
แต่มันเป็นถือเรื่องมหัศจรรย์ที่เขายังคงมีไหวพริบอยู่ ซึ่งต้องขอบคุณอาชีพของเขาในด้านคณิตศาสตร์เป็นอย่างมาก
แม้ว่าก่อนเกษียณอายุ ผู้เฒ่าถังจะเป็นศาสตราจารย์ธรรมดาๆ แต่คณบดีฉินก็ให้ความเคารพเขาอย่างมาก
ไม่ใช่แค่เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้น แต่ยังเพราะผู้เฒ่าถังนั้นเป็นที่ปรึกษาของนักวิชาการลู่ด้วย คณบดีฉินได้ยินมาว่านักวิชาการลู่จะนำของขวัญมาให้ศาสตราจารย์เก่าทุกปีๆ
แม้แต่ผู้อํานวยการกระทรวงศึกษาธิการยังต้องเคารพผู้เฒ่าถังน้อยกว่าคณบดีอย่างเขาเสียอีก
คณบดีฉินเริ่มพูดคุยกับผู้เฒ่าถังเกี่ยวกับเรื่องเล็กน้อย ๆ ในชีวิตของพวกเขา
จากนั้นคณบดีฉินก็เริ่มสงสัยว่าทำไมผู้เฒ่าถังถึงมาเยี่ยมเขา ผู้เฒ่าถังดื่มชาเสร็จและเติมถ้วยของเขา จากนั้นเขาก็พูดขึ้น
“ผู้เฒ่าฉิน มหาวิทยาลัยจินนี่ค่อนข้างน่าตื่นเต้นมากเลยๆ ในช่วงนี้”
คณบดีฉินยิ้มและพูดว่า “แน่นอน ไม่อย่างนั้นผมก็คงจะไม่ยุ่งมากขนาดนี้หรอก”
ผู้เฒ่าถังยิ้มและพูดว่า “โอ้ อย่างนี้เองเหรอ? งั้นผมก็ต้องขอบคุณคุณที่สละเวลาในวันที่วุ่นวายของคุณมาคุยกับชายชราอย่างผมนะ”
คณบดีฉิน “ด้วยความเต็มใจ ถ้าคุณเป็นผู้เฒ่า นั่นทำให้ผมเป็นคนแก่ไปด้วยหรือเปล่าล่ะ?”
ผู้เฒ่าถัง “แน่นอน ความแก่เป็นสิ่งหนึ่งในชีวิตที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้”
คณบดีฉินยิ้มและไม่พูดอะไร
เขารู้สึกว่าผู้เฒ่าถังมีอะไรจะพูด ดังนั้นเขาจึงนิ่งเงียบไป
หลังจากที่ผู้เฒ่าถังจิบชาของเขาแล้ว เขาก็พูดขึ้น
“ผมดาวน์โหลดบทความเรื่องทฤษฎีการรวมแรงครั้งใหญ่เรขาคณิตเกี่ยวกับพีชคณิตและอ่านมันเรียบร้อยแล้ว ผมต้องบอกว่าหลังจากออกจากด้านนี้มาห้าปีแล้ว ผมรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้าในวิชาคณิตศาสตร์ไปเลย”
คณบดีฉิน “อืม คุณรู้สิ่งที่พวกเขาพูดกัน อย่าหยุดเรียนรู้ เพราะชีวิตไม่เคยหยุดสอน”
“ใช่” ผู้เฒ่าถังถอนหายใจและกล่าวว่า “วันหนึ่งเราทุกคนก็แก่ขึ้น บางที… เวลาของเราคงจะหมดลงแล้ว”
คณบดีฉินขมวดคิ้ว เขาสับสน
“ผู้เฒ่าถัง คุณกำลังพยายามจะพูดอะไร บอกมาเถอะ…”
ศาสตราจารย์ถังวางถ้วยน้ำชาลงและพูดอย่างเคร่งขรึม “ผมอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณหน่อยน่ะ”
เมื่อคณบดีฉินได้ยินสิ่งนี้ เขาก็หยุดชั่วครู่หนึ่ง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินผู้เฒ่าถังขอความช่วยเหลืออย่างจริงจัง
“เรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
“คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับปรินซิเปีย แมทเธอมาติกาไหม?”
คณบดีฉิน “… แน่นอน ใครๆ ก็เคยทั้งนั้น”
ปรินซิเปีย แมทเธอมาติกาเป็นหนึ่งในผลงานที่โด่งดังที่สุดจากบอว์บากิกรุ๊ปซึ่งเขียนร่วมกันโดยนักวิชาการหลายคน เช่น เวลล์ คาร์ลตัน และติโดเน่ มันมีทั้งหมดสี่สิบเล่มที่ถูกตีพิมพ์ในช่วงทศวรรษที่ 1930 โดยที่มันยังคงเพิ่มเนื้อหาใหม่ๆ อยู่ในปัจจุบัน
แม้ว่านักคณิตศาสตร์จะไม่ได้อยู่ในสาขาเรขาคณิตเกี่ยวกับพีชคณิต แต่พวกเขาเคยได้ยินหนังสือที่มีชื่อเสียงเล่มนี้มาบ้าง ซึ่งเป็นอันดับสองรองจากองค์ประกอบของยุคลิดเท่านั้น
“แน่นอน” ศาสตราจารย์ถังกล่าวว่า “เมื่อก่อนผมรู้สึกเบื่อมาก ผมจึงดูประวัติศาสตร์ของคณิตศาสตร์และพบว่าบอว์บากิกรุ๊ปและปรินซิเปีย แมทเธอมาติกามาจากที่เดียวกัน”
การใช้นามแฝง ‘บอว์บากิ’ ที่เก่าแก่ที่สุดคือหนึ่งในผู้แต่งปรินซิเปีย แมทเธอมาติกา บอว์บากิอ้างถึงกลุ่มนักคณิตศาสตร์ที่เคร่งครัด โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นชาวฝรั่งเศส
หนังสือปรินซิเปีย แมทเธอมาติกาก็ได้รับการศึกษาโดยโรงเรียนแห่งความคิดเกิททิงเงิน และอิทธิพลของหนังสือเล่มนี้ก็ได้กระจายไปทั่วยุโรป
“… เราสามารถเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากการที่บอว์บากิกรุ๊ปไม่สามารถแยกออกจาก ปรินซิเปีย แมทเธอมาติกา ได้
“ความรู้ไม่ได้เกี่ยวกับการสร้างเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสืบทอดด้วย
“ตอนนี้โลกคณิตศาสตร์กำลังยืนอยู่บนทางแยกอยู่ เป็นเรื่องที่เหนือสิ่งอื่นใดคือโลกที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ผมเสนอให้เราจัดกลุ่มนักวิชาการที่มีแนวโน้มว่าจะร่วมกันรวบรวมหนังสือเกี่ยวกับเรขาคณิตเกี่ยวกับพีชคณิตและทฤษฎีการรวมแรงครั้งใหญ่”
ซึ่งคล้ายกับหนังสือปรินซิเปีย แมทเธอมาติกาที่เขียนโดยบอว์บากิกรุ๊ป
เมื่อคณบดีฉินได้ฟังศาสตราจารย์ถัง เขาก็ดูลังเล
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขาได้คิดเกี่ยวกับหลายสิ่งหลายอย่าง รวมถึงผลกระทบที่รายงานนี้จะมีต่อแผนกคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจินหลิง อีกทั้งเรื่องอนาคตของภาควิชาคณิตศาสตร์อีกด้วย แต่เขาไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
บอกตามตรงว่าเขาไม่รู้ว่ามหาวิทยาลัยจินหลิงนั้นทรงพลังแค่ไหนแล้ว
สำหรับการเขียนหนังสือเกี่ยวกับอนาคตของคณิตศาสตร์…
มันคงจะดีถ้าหนังสือเล่มนี้กลายเป็นหนังสือที่เขียนได้ดี
แต่ถ้าเขียนไม่ดี มันจะไม่กลายเป็นตัวตลกไปเหรอ?
“… นี่มันไม่สุดโต่งไปหน่อยเหรอ?”
“สุดโต่งเหรอ? โรงเรียนแห่งความคิดน่ะ ไม่เรียกสุดโต่งกว่าเหรอ?” ศาสตราจารย์ถังจื้อเหว่ยยิ้มและพูดว่า “คณบดีฉินแม้ว่าผมจะยังไม่บ้า แต่ทำไมคุณถึงกลายเป็นคนบ้าและบ้ามากขึ้นเรื่อยๆ กันล่ะ เราเป็นนักวิชาการ ไม่ใช่นักการเมือง ดังนั้นนี่จึงเป็นหน้าที่ของเราในการเผยแพร่ความรู้”
ผู้เฒ่าถังมองไปที่การแสดงออกอย่างลังเลของคณบดีฉิน และกล่าวต่อว่า “มหาวิทยาลัยจินหลิงนั้นแตกต่างจากเมื่อก่อนแล้ว แม้แต่มหาวิทยาลัยออโรร่าและมหาวิทยาลัยเหยียนยังต้องให้เกียรติเราในแง่ของอิทธิพลระดับนานาชาติเลย แต่คุณสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างหรือเปล่า? เรายังไม่ได้สร้างโรงเรียนแห่งความคิดที่แท้จริงเลย”
“นี่คือจุดอ่อนของเรา นี่คือสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ เราจะมีบทบาทอย่างไรในชุมชนวิชาการระดับนานาชาติล่ะ? คุณไม่เคยคิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้เลยเหรอ? “
“แต่นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ เพราะคุณมีสิ่งอื่นที่ต้องใส่ใจมากมาย บ่อยครั้งที่เราใช้วิธีการแบบเก่าในการแก้ปัญหาใหม่”
“แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว! นี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตเชียวนะ! ถ้าเราปล่อยมันไป คนอื่นจะได้ประโยชน์ และเราจะไม่ได้เป็นคนที่ถ่ายทอดความรู้นั้น! ”
ผู้เฒ่าถังเอนหลังพิงโซฟาและดื่มชาในขณะที่รอให้คณบดีฉินตอบอย่างเงียบๆ
คณบดีฉินเงียบอยู่นาน
จนกระทั่งเมื่อชาเย็นเขาก็พูด
“ผมจะลองคิดดู”
“อย่าคิดเยอะเลย ยิ่งอายุมาก ยิ่งดื้อ เมื่อก่อนคุณไม่เป็นแบบนี้” ผู้เฒ่าถังตบต้นขาของเขาแล้วพูดว่า “ผมจะไปคุยกับนักวิชาการลู่เอง”
เขาไม่เคยขอความช่วยเหลือจากลูกศิษย์ของเขาเลย
แต่ตอนนี้เขากำลังจะทำสิ่งนี้เพื่ออนาคตของคณิตศาสตร์จีน
ไม่ต้องพูดถึงสิ่งนี้อาจเป็นประโยชน์กับลู่โจวอีกด้วย
บางทีลู่โจวอาจไม่สนใจอิทธิพลทางวิชาการของเขาอีกต่อไปแล้วก็ได้
แต่มันจะน่าเสียดายที่จะปล่อยให้โอกาสนี้สูญเปล่าไป…
…………………………