Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1123 โลกแห่งวงแหวน
ครั้งนี้ก็ยังรู้สึกเหมือนกับครั้งที่แล้ว
ราวกับทั้งร่างกายของเขาตกลงไปในขุมนรกที่ไร้สิ้นสุด และกำลังไปสู่ขอบของจักรวาล
บางทีนี่อาจเป็นเพราะข้อมูลที่มีจำนวนมาก ‘เวลาในการโหลด’ ในครั้งนี้จึงนานกว่าเดิม
ลู่โจวเกือบจะทนไม่ไหว แต่ในที่สุดเขาก็เห็นแสงสว่างที่ค่อยๆ ใกล้เข้ามาจากปลายทาง
เขารอที่จะไปต่อยังจุดที่มีแสงสว่างที่แผ่ขยายออกมา
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงโน้มถ่วงมหาศาลที่ดึงเขาเข้าไปที่แหล่งกำเนิดของแสงนั้น
ลู่โจวหลับตาลงไปพร้อมกับแสงที่ส่องลงมาบนใบหน้าของเขา
เมื่อเขาลืมตาอีกครั้ง ความมืดมิดที่ดูจะไร้สิ้นสุดนั้นก็ได้หายไปและเขามาอยู่ในโลกที่ไม่รู้จัก
ความรู้สึกของแรงโน้มถ่วงค่อนข้างเบาเมื่อเขาเอาเท้าแตะพื้น
ลู่โจวมองไปรอบๆ เพียงแค่แวบแรก เขาก็รู้ได้เลยว่านี่เป็นห้องโดยสารของยานอวกาศสักแห่ง เขามองเห็นดวงดาวมากมายลอยอยู่ด้านนอกหน้าต่าง
ที่นี่มี ‘คน’ อีกยี่สิบห้าคนยืนอยู่ใกล้ๆ กันกับเขา พวกเขาแต่งตัวเหมือนกันและสูงเท่ากันๆ
พวกเขาดูเหมือนทหาร
เกราะภายนอกที่อยู่บนร่างกายของพวกส่งกลิ่นอายของการฆ่าออกมา และแท่งไม้ที่ห้อยอยู่บนหน้าอกก็ดูเหมือนจะเป็นปืนไรเฟิลชนิดหนึ่ง
ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ลู่โจวนึกถึงการทดสอบประสิทธิภาพเสมือนจริงที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานที่ผ่านมานี้
เขาเริ่มมีสีหน้าแคลงใจ
ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่าเนี่ย?
“เสี่ยวไอ…”
ไม่มีเสียงตอบกลับ
ลู่โจวขมวดคิ้วและรู้สึกว่าตอนนี้กำลังมีบางอย่างผิดปกติ
บางทีอุปกรณ์เสมือนจริงไม่ได้อาจจะบูตเหรอ?
หรือมันอาจจะไม่ซิงโครไนซ์กับพื้นที่ของระบบ?
หรือบางทีตัวแยกสัญญาณประสาทที่เขาสร้างนั้นแย่เกินไปเลยทำให้มีความเข้มของการจำลองนั้นอ่อนแอกว่า ‘ระบบไฮเทค’ ของมัน ดังนั้นอุปกรณ์ธรรมดาของเขาจึงไม่สามารถเข้าไปพื้นที่ระบบได้
มันทำให้เขาไม่สามารถ ‘โกง’ ในพื้นที่ของระบบนี้ได้
ลู่โจวขมวดคิ้วเข้าหากัน
เขาเตรียมทุกอย่างไว้เยอะมาก เขาจึงไม่คิดว่ามันจะล้มเหลวตั้งแต่เริ่มแบบนี้
“มาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้…”
ลู่โจวเริ่มมองไปรอบตัวเขาๆ อย่างละเอียด โดยเฉพาะพวกทหารที่ติดอาวุธ
ลู่โจวไม่เห็นใบหน้าของพวกเขาเพราะใส่หน้ากากอยู่ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกนี้เป็นมนุษย์หรือเปล่า และก็ไม่รู้ว่ากำลังภาษาอะไรอยู่
แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงจากช่องทางการสื่อสารที่ใส่ไว้ในหู
โชคดีที่ภาษามันเป็นภาษาจีน
“เรามาถึงแล้ว”
หลังจากนั้นไม่นานยานอวกาศก็เหมือนจะไปติดอยู่ในหลุมโน้มถ่วงขนาดใหญ่จนสะเทือน
มีแสงส่องออกมาจากหน้าต่าง
ลู่โจวได้กำลังได้ดูฉากที่น่าตื่นเต้นและน่าตกใจที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาในชีวิต
พวกเขาไม่ได้มาถึงดาวเคราะห์รีช
แทน…
“ยินดีต้อนรับสู่เมืองหลวงของเอ็มไพร์… ที่นี่คือพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในกาแลคซี่ โชคดีที่ยังไม่มีหลักฐานว่ามีสิ่งมีชีวิตนอกโลกมาเยี่ยมเรา”
การประกาศดังกล่าวออกแนวล้อเล่น ทำให้ห้องโดยสารมีบรรยากาศดี
น่าเสียดายที่ลู่โจวไม่เข้าใจเรื่องตลกนี้เลย
เขากลับจดจ่ออยู่ที่ดาวเคราะห์นอกหน้าต่าง
วงแหวนโลหะขนาดใหญ่ และยานอวกาศนับไม่ถ้วนกำลังหมุนรอบดาวฤกษ์ที่ดูเล็กดวงนี้
อารยธรรมต้องใช้ทรัพยากรจากดาวเคราะห์จนหมดเพื่อสร้างวงแหวนขนาดยักษ์บนเขตโคจรให้อยู่อาศัยได้
มันยากที่จะจินตนาการว่าพวกเขามีพลังแบบไหน
เทคโนโลยีของพวกเขาเกินขอบเขตของอารยธรรมมนุษย์ไปไกลโข
“นี่มันน่าทึ่งมาก…”
เขาได้ยินเสียงหัวเราะจากช่องสื่อสาร บางทีนี่อาจเป็นเพราะเขาเป็นคนเดียวที่มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความกลัว
ต่างจากประกาศก่อนหน้า เสียงนี้ถูกส่งไปยังช่องสื่อสารส่วนตัวของเขา
“ทุกคนที่มาถึงเมืองหลวงเป็นครั้งแรกก็ตกใจแบบนี้แหละ ฉันเคยเห็นคนมากมายที่อ้าปากค้างแบบนี้แหละ ตอนเห็นเมืองที่แสนงดงามนี้เป็นครั้งแรก คุณมาจากที่ไหนล่ะ? ดาวเคราะห์อุตสาหกรรม? ดาวเคราะห์เกษตร? อย่าบอกนะว่ามาจากเหมืองขุดน่ะ?”
ลู่โจวอ้าปากเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร
เขาไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนี้ยังไงดี เขาคิดว่า NPC ตัวนี้จะสมจริงขนาดนี้ ลู่โจวคิดว่าเขาเป็นเพียงคนดูที่อาศัยอยู่ในร่างของทหารนิรนามเฉยๆ…
ดูเหมือนทหารคนอื่นๆ จะไม่สนใจเขาแล้ว พวกเขาไม่ได้สนใจลู่โจวและสนใจอย่างอื่นแทน
ทันใดนั้นประตูห้องโดยสารก็ถูกเปิดออก ทหารร่างสูงโปร่งและรูปร่างดีที่สวมเอ็กโซสเกลเลตันปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา
และเขาก็ได้ยินประกาศอีกครั้ง
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน ฉันขอแนะนำตัวเอง ฉันเป็นผู้บัญชาการอินซ์ จากสถานีป้องกันเมืองหลวง C-12-27
‘”เดือนที่แล้วแผนกรักษาความปลอดภัยได้รับข้อมูลว่าศาสตราจารย์เลนจากสถาบันวิจัยหมวด C-12-01 ตกเป็นเป้าหมายขององค์กรก่อการร้ายที่ไม่ทราบชื่อ เขากำลังตกอยู่ในอันตราย เหตุผลเป็นเพราะการทดลองทางฟิสิกส์ที่เกี่ยวข้องกับความลับของจักรวรรดิ”
“ในฐานะทหาร นี่เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องปกป้องระเบียบของจักรวรรดิเอาไว้ และเป็นหน้าที่ของเราที่จะทำลายทุกคนที่กบฏต่อจักรวรรดิ! ภารกิจของเราคือการคุ้มกันศาสตราจารย์เลนจากที่ซ่อนตัวไปยังอาคารเอ็มไพร์ รวมถึงกำจัดผู้ที่คาดว่าน่าจะเป็นผู้โจมตี”
“ข้อมูลภารกิจอยู่ในบทสรุปภารกิจของคุณแล้ว จากนี้ไปคุณจะอยู่ภายใต้คำสั่งของฉัน”
“เริ่มได้!”
กลุ่มคนก้าวออกจากยานอวกาศอย่างเป็นระเบียบและสม่ำเสมอกัน เสียงฝีเท้าก้องกังวานบนพื้นโลหะ
ลู่โจวเดินตามผู้บัญชาการอินซ์ ขณะที่เขาเปิดสรุปภารกิจจากหน้าจอ AR ของหมวก
มีการเปิดเผยข้อมูลไม่มากนัก
แต่โดยพื้นฐานแล้ว นักฟิสิกส์ชื่อเลนได้ค้นพบความลับอันน่าทึ่งระหว่างการทดลองฟิสิกส์ และความลับนี้อาจส่งผลต่อจักรวรรดิในอีกหลายร้อยปีข้างหน้า
ชื่อรหัสของความลับนี้คือ ‘ออราเคิล’ มันยากที่จะบอกได้ว่ามันคืออะไรโดยการตัดสินจากชื่ออย่างเดียว
สำหรับศาสตราจารย์เลน ผู้ที่ซึ่งมีอำนาจและมีอิทธิพลต่ออนาคตของจักรวรรดิ เขาได้ถูกเรียกตัวจากรัฐสภา พวกนั้นต้องการให้เขาอธิบายการค้นพบอย่างละเอียด
แม้ว่านี่คือ ‘จักรวรรดิ’ แต่ระบบที่นี่ค่อนข้างเสรี
น่าเสียดายที่ดูเหมือนว่ามีกระแสน้ำใต้ทะเลที่ยุ่งเหยิงกำลังไหลซ่อนอยู่ในความมืดมิด ด้วยเหตุผลบางอย่าง บางคนก็ไม่ต้องการให้ศาสตราจารย์เลนมาที่รัฐสภา พวกเขาไม่ต้องการให้ ‘ออราเคิล’ ตกอยู่ในมือของรัฐบาลจักรวรรดิ
ศาสตราจารย์เลน?
ใคร?
และออราเคิลคืออะไร?
การทดลองทางฟิสิกส์ของเขาเกี่ยวกับอะไร?
ลู่โจวจดชื่อและเบาะแสรอบตัวๆ เขาเอาไว้ เขาปิดสรุปภารกิจออกจากหมวก
สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่าเลนจะมีบทบาทสำคัญในวอยด์เมมโมรี่
ถ้าเขาต้องการรวบรวมข้อมูลจากความทรงจำนี้ เขาต้องตามหาศาสตราจารย์เลนและรู้ให้ได้ว่าออราเคิลคืออะไร
บทบาทของเขาในตอนนี้คือคุ้มกันพวกวีไอพีเอาไว้
ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้สวย เขาจะได้พบกับอาจารย์คนนี้และอาจจะได้คุยกันเกี่ยวกับปัญหาทางวิชาการ
แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้หวังอะไรมากมาย ไม่น่าเป็นไปได้ที่ระบบไฮเทคจะอนุญาตให้เขาใช้ประโยชน์จากวอยด์เมมโมรี่ด้วยวิธีนี้
แม้ว่าเขาจะคุยกับศาสตราจารย์เลนทั้งคืน เขาก็คงจะไม่สามารถไขความลับของการเดินทางที่เร็วกว่าแสงได้ เช่นเดียวกับทฤษฎีฟิสิกส์ที่คลุมเครือ นี่เป็นความรู้ที่อารยธรรมขั้นสูงเท่านั้นที่จะสามารถควบคุมมันได้
ยานอวกาศได้จอดเทียบท่าแล้ว
และทหารกำลังขึ้นลิฟต์ที่ดูเหมือนรถไฟ
คนอื่นๆ ดูตกใจ พวกเขารักษาระยะห่างจากทหารเหล่านี้ไว้
ลู่โจวมองไปรอบๆ ตัวเขาอย่างกังวล ในที่สุดเขาก็สามารถเห็นหน้าตาของพวกเขา
พวกเขาดูคล้ายกับมนุษย์มาก มีสองแขนและสองขา และมีแม้กระทั่งนิ้วทั้งห้า อย่างไรก็ตาม ผิวพวกนั้นเป็นสีฟ้าและหัวยาว
ลู่โจวอยากรู้ความเหมือนกันระหว่างมนุษย์ต่างดาวและมนุษย์เหล่านี้ ก่อนที่เขาจะได้คิดอะไรลิฟต์ก็หยุดพอดี
“ถึงแล้ว”
ลู่โจวเดินออกจากลิฟต์และเข้าร่วมกับทีมเพื่อไม่ให้น่าสงสัย พวกเขามาถึงภายในอาคารที่สวยและกว้างขวาง
และตอนนี้พวกเขาก็ได้มายืนอยู่บนพื้นผิวของ ‘วงแหวน’ ของวงโคจรแล้ว
บรรยากาศที่นี่ค่อนข้างมีชีวิตชีวา ผู้คนต่างเข้าและออกจากสถานีลิฟต์นี้และมีคนรอต่อแถวรอกระเป๋าอยู่ใกล้ๆ กัน
ลู่โจวมองดูโลกผ่านหน้าต่างของอาคารที่เขาอยู่
โครงสร้างอาคารซับซ้อนราวกับไม่มีที่สิ้นสุดและดูเหมือนเขาวงกตกับรถที่ยานบินอยู่บนอากาศ เขากังวลว่ายานบินอาจจะชนกัน
สิ่งที่ลู่โจวสนใจมากที่สุดคือประเภทของสถาปัตยกรรมที่นี่
ดูเหมือนว่าอารยธรรมจะมีความสวยงามแบบ ‘มีประสิทธิภาพ’ นี้ จะมีอาคารส่วนใหญ่เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสและมีการตกแต่งแบบมินิมอล
เมื่อเทียบกับบ้านที่สร้างด้วยอิฐบนพื้นโลกแล้ว อาคารของพวกเขาดูเหมือนโมดูลมาตรฐานที่มาจากสายการผลิตของโรงงานมากกว่า มันราวกับถูกสร้างและเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ ไปจนถึงชั้นบนสุด
วิธีการสร้างอาจจะดูแปลกแต่ก็สมเหตุสมผล
และโลกทั้งใบนี้เป็นวัตถุที่ถูกมนุษย์ที่นี่สร้างขึ้น อาคารทั้งหมดในโลกรูปวงแหวนนี้คล้ายกับโมดูลส่วนขยายบนสถานีอวกาศ
การใช้วิธีการก่อสร้างแบบดั้งเดิมนั้นใช้ไม่ได้
หลังจากที่ลู่โจวผ่านจุดตรวจรักษาความปลอดภัยแล้ว เขาก็ได้รู้ว่ามีประชากรของจักรวรรดิเยอะมากแค่ไหน
แค่เดินผ่านฝูงชนและออกจากอาคารก็เสียเวลาไปมาก
ลู่โจวเห็นจอแสดงผลขนาดใหญ่ติดอยู่ที่อาคารผู้โดยสาร เขาอ่านว่าอย่างของโลกแห่งวงแหวนมีลิฟต์ที่สูงขึ้นไปเหมือนหอคอยบาเบล ที่นี่ใช้ลิฟต์ในการเดินทางระหว่างสถานีอวกาศและ ‘วงแหวน’ ในขณะที่การเดินทางระหว่างโซนย่อยใช้รถไฟรางเบา
แม้ว่าจะดูเหมือนไม่มีนัยสำคัญอะไร แต่นี่ก็ทำให้ลู่โจวเข้าใจระดับเทคโนโลยีของอารยธรรมนี้บ้าง
ในอารยธรรมนี้ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และการคมนาคมขนส่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
คนเหล่านี้ไม่ต้องทำงานหนักใดๆ ตราบใดที่พวกเขายังอาศัยอยู่บนวงแหวน พวกเขาก็จะมีชีวิตที่หรูหรา
ราวกับเป็นยูโทเปีย…
แม้ว่าลู่โจวจะตื่นเต้นกับสังคมนี้ก็ตาม แต่เนื่องจากภารกิจของผู้บัญชาการอินซ์นั้นทำให้เขาไม่มีเวลาได้เยี่ยมชมที่นี่นานเท่าไหร่
หลังจากออกจากสถานีลิฟต์แล้ว พวกเขาก็ขึ้นยานบินซึ่งจอดอยู่ที่หน้าทางเข้า พวกเขาลอยขึ้นไปในอากาศ และเข้าสู่การจราจรทันที ผ่านไปครึ่งชั่วโมงพวกเขาก็ถึงที่หมาย
รถบินสีดำเจ็ดคันที่มีโลโก้กองทัพเอ็มไพร์ได้มาหยุดอยู่หน้าอาคารสี่เหลี่ยม
ลู่โจวลงจากรถและตามทหารคนอื่นๆ ไป เขาเห็นชายร่างผอมที่สวมเสื้อคลุมสีขาวกำลังเดินออกจากประตูที่ทำด้วยเหล็กกล้าอย่างลุกลี้ลุกลน
“ฉันกำลังถูกตามอยู่ มีคนกำลังดูฉันอยู่!”
นักวิชาการรีบวิ่งไปหาผู้บัญชาการอินซ์ทันที
ทหารกล้ามโตพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งและอ่อนโยน
“อย่ากังวลไปเลย ศาสตราจารย์ ตอนนี้คุณอยู่ภายใต้การคุ้มครองของกองทัพจักรวรรดิแล้ว เราจะพาคุณไปที่สภาจักรวรรดิโดยทันที”
ดูเหมือนศาสตราจารย์เลนจะสงบลงทันที อาจจะเป็นเพราะชื่อเสียงของกองทัพที่นี่ เขาสูดหายใจเข้าลึกและพูดขึ้น
“งั้นก็ไปกันเถอะ…”
“ครับ” ผู้บัญชาการพยักหน้าและชี้ไปที่ยานบินคันกลางขณะที่เขากล่าวว่า “ได้โปรดเข้าไป”
การแยก VIP สำเร็จและพวกเขาเริ่มบินอีกครั้ง
ลู่โจวอยากนั่งในรถคันเดียวกับศาสตราจารย์เลน แต่น่าเสียดายที่รถของเขาอยู่เกือบท้ายขบวน
แม้ว่าจะรำคาญเล็กน้อย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ถ้าหากเขาทำอะไรผิดปกติมันจะทำให้เขาดูน่าสงสัย และจะติดต่อกับศาสตราจารย์เลนยากขึ้นกว่าเดิม
รถบินเจ็ดคันลอยขึ้นไปในอากาศและขึ้นไปบนน่านฟ้าความเร็วสูง
ลู่โจวรู้สึกเบื่อ ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาที่มีดูทิวทัศน์ด้านนอกหน้าต่าง
ทันใดนั้นก็มีบางอย่างเกิดขึ้น เขาได้ยินเสียงระเบิดที่รุนแรงดังมาจากด้านหลัง จากนั้นตามด้วยลูกไฟสีแดงร้อนระอุ
หัวใจของลู่โจวตกวูบ เขาคว้าปืนไรเฟิลเอาไว้ด้วยสัญชาตญาณพร้อมกับได้ยินเสียงจากช่องสื่อสาร
“รถยนต์คันที่ 7 ถูกโจมตี มีความเสียหาย 95% คนบนยานเสียชีวิต”
“ทีม A เดินหน้าต่อไป ทีม B ลงไปที่พื้น”
“รับทราบ”
มีการประกาศบอกอย่างใจเย็นราวกับว่าไม่มีอะไรผิดปกติอะไร
ลู่โจวไม่แน่ใจว่าอารยธรรมนี้มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ หรือพวกเขามองความตายเป็นเรื่องปกติ ทหารไม่ได้ดูโกรธหรือตกใจเลยสักนิด จะพูดให้ถูกคือดูเหมือนพวกเขาไม่ได้แสดงอารมณ์แม้แต่น้อยเลย
แต่ความสงบในสถานการณ์ที่วุ่นวายแบบนี้มันทำให้พวกเขาพร้อมที่จะต่อสู้
วินาทีที่พวกเขาถูกโจมตี ราวว่าทหารทั้งหมดได้เปลี่ยนเข้าสู่โหมดการต่อสู้ทันที
รังสีพลังงานสีน้ำเงินพุ่งกระจายไปทั่วท้องฟ้าโดยมุ่งไปที่เครื่องยนต์ของยานบิน
ยานของลู่โจวถูกบังคับให้ต้องหยุดและลงจอดบนพื้นเพราะการยิงที่รุนแรงนี้
“เตรียมต่อสู้กลับ!”
เหล่าทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีได้รีบออกจากรถและใช้มันเป็นเกราะกำบัง พวกเขาวางปืนยาวและเริ่มยิงสวน
แม้ว่าลู่โจวจะไม่ได้อยากที่จะต่อสู้จริงๆ แต่เขาก็ยังต้องตีเนียนต่อไป
เขาพยายามเลียนแบบคนอื่นๆ และพยายามนึกถึงทักษะนักแม่นปืนที่หมอหยานได้สอนให้เขา เขายืนอยู่ในที่ที่ปลอดภัยและเอาปืนออกยิงสวนกลับไป
เขาไม่สนว่าจะโดนหรือเปล่า
เขาคงยิงใครไม่ได้ในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนเช่นนี้
มีรังสีพลังงานลอยสวนไปมาสีฟ้าเต็มไปทั่วทั้งสนามรบ มันสร้างรูไว้บนพื้นและผนังรอบๆ แต่ยานพาหนะที่ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันยังไม่เป็นอะไร
ราวกับว่ามีเกราะป้องกันพิเศษที่คลุมผิวรถเอาไว้เพื่อการละลายจากรังสีพลังงาน
ปืนเกิดการโอเวอร์ฮีต
ลู่โจวยิงมันจนหมดแม็ก เขาลอกเลียนแบบทหารคนอื่นๆ และเปลี่ยนกระสุนอย่างรวดเร็ว
แต่ทันใดนั้น เขาก็เห็นแบตเตอรีที่หมดแล้วออกมาจากปืนของเขา และแบตเตอรีก็ปล่อยควันสีขาวออกมา
ดวงตาของเขาหรี่ทันทีที่ได้เห็นเพราะเขาจำบางอย่างได้
เหมือนฉันจะ…
เคยเห็นแบตเตอรี่นี้มาก่อนใช่มั้ย?
……………………