Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 114 สอบโทเฟล
อาหารและบรรยากาศที่งานปาร์ตี้ไม่ได้สูงเลิศอะไรเป็นพิเศษ แต่มาตรฐานของคนที่เข้าร่วมงานนั้นสูงยิ่ง
รวมอาจารย์ใหญ่สวี่ มีนักวิชาการห้าคนเท่านั้นที่อยู่ในงาน ผู้นำกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีซูโจวก็อยู่เช่นกัน
ลู่โจวเห็นคนรู้สักสองคนอยู่ท่ามกลางคนเหล่านี้ คนแรกคือเลขาหลิวแห่งจินหลิง ส่วนอีกคนเป็นอดีตหัวหน้าผู้ออกแบบโปรเจกต์สำรวจดวงจันทร์แห่งประเทศจีน ศาสตราจารย์เหรินจ่างหมิงจากมหาวิทยาลัยเยี่ยน
เห็นได้ชัดว่าศาสตราจารย์รู้สึกผิดหวังที่ลู่โจวปฏิเสธข้อเสนอไปเรียนมหาวิทยาลัยเยี่ยน เขาพูดกับลู่โจวพักใหญ่ๆ ก่อนจะปล่อยลู่โจวไป
เลขาหลิวไม่ได้พูดกับลู่โจวมากนัก เขาแค่มาทักทายลู่โจวด้วยรอยยิ้มเท่านั้น ทั้งสองไม่ได้อยู่ในวงการเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้มีอะไรให้คุย แม้แต่สถานะและระดับของพวกเขาก็แตกต่างกัน ไม่ต้องพูดถึงลู่โจวเคยปฏิเสธข้อเสนอเป็นสิบอันดับเยาวชนจีน
ระหว่างทานอาหาร เหล่านักศึกษานั่งกันอยู่สามโต๊ะ พวกอาจารย์นั่งอยู่สองโต๊ะและผู้นำนั่งอยู่โต๊ะหนึ่ง
ที่โต๊ะของลู่โจวมีอยู่สิบเอ็ดคน
ตอนแรกมีเก้าอี้กับตะเกียบอยู่สิบคู่เท่านั้น แต่ประธานสภานักศึกษาย้ายเก้าอี้มา ในฐานะนักศึกษาที่ไม่ได้เรื่อง เขานั่งอยู่ข้างอัจฉริยะจากคณะศิลปศาสตร์
ไม่ว่ายังไงประธานสภาก็เชี่ยวชาญด้านการเข้าสังคม แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีเรื่องให้คุยกับอัจฉริยะนัก แต่เขาก็ยังคุยกับทุกคนได้ ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ได้มีท่าทีกระตือรือร้นเกินไปหรือน่ารำคาญอะไร
อาหารยังไม่มาถึง แต่เขาก็เดินไปรอบๆ โต๊ะและเพิ่มวีแชทของทุกคนแล้ว
ลู่โจวคิดอยู่เสมอว่าสภานักศึกษานั้นค่อนข้างไร้ประโยชน์ แต่เขาก็ต้องเปลี่ยนความคิด เขาตระหนักว่าการเป็นประธานสภานักศึกษาจะช่วยเพิ่มอีคิวและทักษะการเข้าสังคม
ทักษะเหล่านี้ยังคงมีความสำคัญ
อย่างไรก็ตามลู่โจวไม่ได้ให้ความสนใจประธานสภานักศึกษามากนัก กลับกันเขาให้ความสนใจนักศึกษาจากภาควิชาฟิสิกส์แทน
นักศึกษาคนนี้เป็นนักศึกษาปีสี่ ว่ากันว่าเขาได้รับข้อเสนอไปศึกษาปริญญาโทและปริญญาเอกที่วิทยาลัยห้องปฏิบัติการสารสนเทศเชิงควอนตัมแห่งประเทศจีน เขาตีพิมพ์วิทยานิพนธ์ SCI สองฉบับในสาขาสารสนเทศเชิงควอนตัมและฟิสิกส์สสารอัดแน่น เขาถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่น่าประทับใจ
เนื่องจากลู่โจวตั้งใจจะรับปริญญาฟิสิกส์เช่นกัน ดังนั้นลู่โจวจึงถามคำถามชายคนนี้ในฐานะผู้มีประสบการณ์
“นายวางแผนเอาเอกฟิสิกส์ด้วยเหรอ?”
ลู่โจวยิ้มแล้วถาม “ใช่ครับ คุณมีคำแนะนำอะไรไหม?”
จางชื่อคุนมองลู่โจวก่อนจะกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ฉันไม่สันทัดระบบสองปริญญานัก แต่ฉันรู้ฟิสิกส์อยู่บ้าง ฉันเลยให้คำแนะนำนายได้ สาขาของฉันคือฟิสิกส์สสารอัดแน่น ส่วนใหญ่เกี่ยวกับควอนตัมคอมพิวติ้ง ถ้านายสนใจด้านนี้ นานควรอ่านกลศาสตร์ควอนตัม ทฤษฎีสนามควอนตัมและทฤษฎีควอนตัมของระบบอนุภาคจำนวนมาก MIT มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลกเปิดหลักสูตรออนไลน์อยู่สองสามคลาส ฉันจะส่งให้นายในวีแชท”
ลู่โจว “ขอบคุณมากครับ!”
“ด้วยความยินดี บางทีวันหนึ่งฉันอาจต้องการความช่วยเหลือของนายคืน” จางชื่อคุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็กล่าวต่อ “ฉันเรียนวิทยาการควอนตัมสารสนเทศ ซึ่งต้องใช้ระดับคณิตศาสตร์ระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานวิจัยเรื่องการพัวพันและการเปลี่ยนสถานะทางทอพอลอยี ตัวการพัวพันนั้นเป็นเรื่องยากที่จะวัดโดยตรงผ่านการทดลอง ดังนั้นนายจำเป็นต้องมีพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ที่แข็งแกร่งเพื่อถอดรหัสการทดลอง ถ้านายสนใจวิทยาการควอนตัมสารสนเทศ อนาคตเราคงมีโอกาสมากมายที่จะได้คุยกัน”
ทันใดนั้นเองชายที่นั่งข้างลู่โจวก็กล่าว “ทำไมพวกนายยังพูดเรื่องวิชาการอยู่ล่ะ? เดี๋ยวพวกเราไปร้องเพลงกันไหม?”
ชายคนนี้ชื่อหลี่ฮ้าวหราน
เขาอยู่สาขาเคมี ศึกษาเรื่องวัสดุพอลิเมอร์
“ผมร้องเพลงไม่เก่ง” ลู่โจวปฏิเสธอย่างสุภาพ เขารู้ว่าเขาร้องเพลงได้แย่มาก
จางชื่อคนส่ายหน้าเช่นกัน “เดี๋ยวฉันต้องไปห้องแล็บ พวกนายไปสนุกกันเลย”
“โอ้ พวกนายขยันมาก ฉันรู้สึกกดดันเหมือนกัน” หลี่ฮ้าวหรานกล่าวและส่ายหน้า จากนั้นเขาก็หันไปมองลู่โจวแล้วกล่าว “นักศึกษา ฉันอ่านวิทยานิพนธ์ของนายแล้ว วิทยานิพนธ์อันนั้นเกี่ยวกับการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ใช้กับข้อมูลอินฟราเรดสเปกโทรสโคปี นายคิดได้ยังไง? นายสอนฉันได้ไหม?”
ลู่โจวยิ้มแล้วกล่าว “เรื่องนี้…ผมอธิบายได้ไม่ชัดเจนนัก ผมแค่คิดมั่วๆ”
หลี่ฮ้าวหรานถอนหายใจแล้วกล่าว “อ่า นายมันอัจฉริยะ สำหรับฉันคณิตศาสตร์ไม่ต่างกับภาษามนุษย์ต่างดาวเลย”
ลู่โจวยิ้มและไม่ได้ตอบอะไร
เขาตอบไม่ได้
เรื่องที่เขาคิดไอเดียนี้ขึ้นมามั่วๆมันเป็นความจริง
ดังนั้นเขาจึงไม่รู้จะพูดอะไร
…
หลังจากรางวัลบุคคลประจำปีจบลง ลู่โจวก็อยู่ที่วิทยาเขตที่ว่างเปล่าสี่วัน
ไม่นานการสอบโทเฟลครั้งแรกปี 2015 ก็เริ่มขึ้นตามกำหนด
ลู่โจวมาถึงสถานที่สอบแล้วเซ็นข้อตกลงรักษาความลับ จากนั้นเขาก็เก็บข้าวของในตู้ล็อกเกอร์แล้วเดินเข้าห้องสอบก่อนจะเริ่มสอบตอนแปดโมงครึ่ง
โทเฟลถูกแบ่งเป็นสี่ส่วน อ่าน ฟัง พูดและเขียน
เมื่อลู่โจวรับกระดาษสอบ เขาก็พิจารณาคำถามก่อนจะเริ่มเขียนอย่างรวดเร็ว
คำศัพท์แปดพันคำของโทเฟลฟังดูน่ากลัว แต่มันไม่ได้ยากจนเกินไป ลู่โจวมีประสบการณ์แปลวิทยานิพนธ์ ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา
ไม่ต้องพูดถึงเขาใช้เวลากว่าครึ่งเดือนเพื่อการสอบครั้งนี้
เขาทำโจทย์การอ่านทั้งสี่เสร็จอย่างรวดเร็วแล้ววางปากกาลง หลังจากนั้นเขาก็นั่งรอส่วนฟังอยู่เงียบๆ
เนื่องจากเขาเบื่อ เขาเริ่มสังเกตดูผู้เข้าสอบคนอื่น
มีชายคนหนึ่งกำลังกัดปากกา เขายังคงครุ่นคิดโจทย์การอ่านข้อแรกอยู่เลย
มีสาวสวยที่นั่งอยู่ไกลออกไปเล็กน้อย เธอดูอายุราวสิบสองสิบสามปี เธอกำลังตอบคำถามอย่างพิถีพิถัน
ทำไมเธอถึงมาสอบล่ะ? เธอยังเด็กมาก
ลู่โจวประหลาดใจเล็กน้อย
เขาไม่อาจเข้าใจเหตุผลของเด็กรวย…
หลังจากตอบคำถามไปยี่สิบนาทีและอยู่เฉยๆอีกหนึ่งชั่วโมง ส่วนการฟังในที่สุดก็มาถึง ลู่โจวถือว่ามันท้าทาย
อย่างไรก็ตามมันแค่ท้าทายเล็กน้อย
ความเร็วในการสอบนั้นใกล้เคียงกับความเร็วในการฟัง TPO ลู่โจวมั่นใจว่าเขาฟังถูกต้อง และตอบทุกคำถามอย่างง่ายดาย
เมื่อส่วนฟังจบลง มันก็มีพักสิบนาที
ลู่โจวออกจากห้องสอบแล้วไปดื่มน้ำเล็กน้อยก่อนจะไปห้องน้ำเพื่อไปปลดทุกข์
เมื่อถึงเวลา เขาก็กลับไปที่ห้องสอบ มันเป็นส่วนที่ยากที่สุดของการสอบ ส่วนการพูด
หกคำถามกับเวลาทั้งหมดยี่สิบนาที
เมื่อลู่โจวเห็นโจทย์แรก เขาก็ยิ้ม
คุณสมบัติของผู้นำที่ดีที่สำคัญที่สุดคืออะไร? โจทย์พูดถึงเขาอยู่รึเปล่า?
ลู่โจวกระแอมแล้วพูดผ่านไมโครโฟน
“ผู้นำที่ดีควรมีวิสัยทัศน์ ผู้นำที่มีประสิทธิผลที่ดีและองค์กรที่มีวาระการประชุม…”
เขาออกเสียงอย่างชัดเจนและพูดอย่างแม่นยำ มันน่าจะไม่เป็นไร
ส่วนพูดทดสอบการออกเสียงของคน ไม่ใช่คำศัพท์
ลู่โจวประเมินตนเอง แม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้คะแนนเต็ม แต่ยี่สิบเก้าคะแนนไม่ควรมีปัญหา!
หลังจากทดสอบการพูด ส่วนการเขียนก็เริ่มทันที
ส่วนนี้ง่ายที่สุดสำหรับลู่โจว
มันจะยากกว่าวิทยานิพนธ์ไปได้อย่างไร?
ลู่โจวเขียนเรียงความอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาทำเสร็จ เขาก็ยกมือให้กับผู้คุมสอบ ผู้คุมสอบเดินมาหาแล้วอนุญาตให้ลู่โจวออกห้องสอบ จากนั้นเขาก็เดินหลังตรงออกห้องสอบไปอย่างภาคภูมิใจ
…………………………………