Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1150 ฟิสิกส์อยู่เหนือแบบจำลองมาตรฐาน
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1150 ฟิสิกส์อยู่เหนือแบบจำลองมาตรฐาน
ลู่โจวหันหลังกลับและปากกาในมือก็เริ่มเต้นรำบนไวท์บอร์ด
ชุดสมการปรากฏขึ้นบนไวท์บอร์ด ราวกับว่าเขากำลังถือคทาวิเศษอยู่
[V1=(1/2)(mu+md)ΨΨ+(1/2)(mu-md)(uu-dd)]
[Mπ2=(1/2)(mu+md)<0|ΨΨ|0>/Fπ2]
[…]
ลู่โจวมองไปที่สมการบนไวท์บอร์ด เขายิ้มอย่างพอใจและพยักหน้า
ไม่เลว
เขารู้สึกตื่นเต้นราวกับว่าเขาก้าวเข้าสู่ความว่างเปล่าที่ลึกลับ และเขาเข้าใกล้ความจริงเข้าไปทุกที
แม้มันจะฟังดูโอหัง แต่มันคือสิ่งที่เขารู้สึกจริงๆ
ลู่โจวใช้เวลาไม่กี่นาทีในการลิ้มรสชาติของช่วงเวลานี้ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าและเริ่มตั้งสติอีกครั้ง ปลายปากกาเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ราวกับว่าสมองของเขาเชื่อมต่อกับจักรวาล…
ความยากจริงๆ อยู่ที่อนุภาคมูลฐานที่ซ่อนอยู่ในไฮเปอร์สเปซที่อยู่ในกระบวนการทางคณิตศาสตร์นามธรรมของปริภูมิมิติสูง
เมื่อเป็นเรื่องของฟิสิกส์ สมการใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับมิติที่สูงกว่าล้วนเป็นเรื่องที่ซับซ้อน
การคำนวณมีความซับซ้อนและเข้าใจยาก
ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการทางตรรกะหรือการคำนวณเชิงตัวเลข มันคือการทดสอบความสามารถทางคณิตศาสตร์ของนักฟิสิกส์
โชคดีที่ลู่โจวรู้จักคณิตศาสตร์เป็นอย่างดี
ทฤษฎีการรวมแรงครั้งใหญ่ทางคณิตศาสตร์ช่วยได้เยอะเลย เราสามารถโต้แย้งได้ว่ามันทำให้ปัญหาง่ายขึ้นหลายเท่าตัว
นามธรรมส่วนใหญ่ไม่สามารถนำเสนอในรูปแบบกราฟิกได้ แต่ถ้าพวกเขาสามารถอธิบายรูปแบบคณิตศาสตร์โดยสัญชาตญาณได้ ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นอีกเยอะ
แน่นอนว่ามันเป็นเป็นเรื่องสบายๆ สำหรับลู่โจว แต่นักฟิสิกส์ส่วนใหญ่ที่ไม่ได้อยู่ในวงการคณิตศาสตร์ โดยเฉพาะคนที่ไม่เข้าใจทฤษฎีการรวมแรงครั้งใหญ่คณิตศาสตร์ พวกเขาดูไม่หยั่งรู้โดยสัญชาตญาณ
เรื่องนี้ยาก แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ตาม
ศาสตราจารย์แฟรงก์ วิลกเซคนั่งข้างๆ วิทเทน ตอนที่เขามองไวท์บอร์ด เขานิ่งไปเลย
จริงๆ แล้วคณิตศาสตร์ไม่ใช่จุดแข็งของเขา มีเพียงนักศึกษาของเขาไม่กี่คนเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จด้านคณิตศาสตร์
ถ้าเขาเก่งคณิตศาสตร์จริงๆ เขาก็คงไม่ต้องมาร่วมมือกับลู่โจวที่เป็นเพียงเด็กฝึกงานในโปรเจกต์ 750 จิกะอิเล็กตรอนโวลต์
เขาต่อต้านความต้องการที่จะพูดของตัวเองอยู่นาน
ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะคุยกับวิทเทน
“เขาเขียนอะไรอยู่”
วิทเทนไม่ได้ตอบคำถามของเพื่อน เขาจ้องไปที่ไวท์บอร์ดด้วยสายตาเอาจริงเอาจัง
ไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ เขาได้รับรางวัลเหรียญฟิลด์ที่เชี่ยวชาญเรื่องทอพอโลยีและอนุพันธ์ย่อย ทำให้ง่ายต่อการซึมซับทฤษฎีที่นำเสนอต่อหน้าเขาตอนนี้ ถึงแม้ว่าจะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
บางทีถ้าเขาหนุ่มกว่านี้มันอาจจะง่ายขึ้นก็ได้ แต่ตอนนี้แค่ตามลู่โจวให้ทันก็แทบจะใช้พลังสมองของเขาทั้งหมดอยู่แล้ว แม้ว่าเขาอยากจะตอบคำถามของแฟรงก์ วิลกเซค แต่เขาก็ไม่มีเวลา
เพียงแค่กะพริบตาเดียว เนื้อหาก็เต็มไวท์บอร์ดแล้ว
ตอนที่เจ้าหน้าที่เริ่มนำไวท์บอร์ดอีกอันออกมา วิทเทนใช้จังหวะนี้ในการอธิบายให้เพื่อนที่สับสนฟัง
“…โดยพื้นฐานแล้ว เขาใช้วิธีการทางคณิตศาสตร์นามธรรมในการสร้างแบบจำลองมิติเพิ่มที่ใกล้เคียงกับ ADD แบบจำลองนี้มีมิติ n และประกอบด้วยคุณสมบัติแปลกๆ …มาเรียกมันว่ากลไกของลู่โจว เขาสามารถทดสอบแบบจำลองของเขาในมิติที่สูงกว่าโดยการใช้ข้อมูลการทดลองที่ได้จากเครื่องชนอนุภาคพลังงานสูง มันแสดงให้เห็นสัญญาณของจุดสูงสุดเฉพาะ 750 จิกะอิเล็กตรอนโวลต์ที่เกิดขึ้นถี่ แต่ก็ยังมีระดับความมั่นใจที่ไม่เพียงพอ”
แฟรงก์ วิลกเซคงุนงง เขาเกาหัวและตอบ “ผมต้องทำอย่างไรถึงจะเข้าใจเรื่องพวกนี้”
วิทเทนพูดด้วยน้ำเสียงที่ลังเล “บางทีอาจจะต้องอ่านเรื่องพีชคณิตเชิงเรขาคณิตและหลักคณิตศาสตร์…หรือบางทีอาจจะยอมแพ้ไปเลยก็ได้ เพราะมันสายไปแล้ว”
“…พระเจ้า คณิตศาสตร์มันยากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
วิทเทนถอนหายใจและพูด
“ถ้าคุณพูดถึงพีชคณิตเชิงเขาคณิต มันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่กลางศตวรรษที่ผ่านมาแล้ว”
ไวท์บอร์ดอันใหม่ถูกลากขึ้นมาบนเวที
ลู่โจวใช้เวลาครึ่งนาทีในการเรียบเรียงความคิดของเขาก่อนจะหยิบปากกาและเขียนต่อ
ราวกับว่าเขากำลังบรรยายกลอนที่งดงาม การคำนวณที่คลุมเครือถูกเขียนลงบนไวท์บอร์ด ทุกคนในห้องประชุมเงียบไป ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา
ลู่โจวจมดิ่งในจักรวาลของเขา แม้แต่ลมหายใจของเขาก็ประสานกับการเขียน
เสียงเดียวที่ดังในห้องประชุมคือเสียงปากกาที่กดลงบนไวท์บอร์ด
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ผู้ฟังจ้องมองลู่โจวด้วยความตั้งใจ
จริงๆ แล้วแม้ว่าการคำนวณเหล่านั้นจะเป็นเรื่องที่เข้าใจยากสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่คนบางคนก็ยังรู้สึกว่าตัวเองฉลาด
จู่ๆ บางคนก็รู้แจ้ง
เอ็ดเวิร์ด วิทเทนหรี่ตา ความตื่นเต้นปรากฏบนใบหน้าของเขา
ยิ่งลู่โจวเข้าใกล้ตอนจบของข้อพิสูจน์ของเขามากเท่าไหร่ คนมากขึ้นก็ยิ่งเข้าใจความลึกลับบนไวท์บอร์ดมากขึ้นเท่านั้น
แม้ว่ามันเข้าใจยากขนาดไหน
แต่ก็ยังง่ายขึ้นกว่าก่อนหน้านี้
ในที่สุดเขาก็เขียนบรรทัดสุดท้ายลงบนไวท์บอร์ด
[Z =…]
ลู่โจววางปากกาลงและหันหน้ากลับมายังห้องบรรยายที่เงียบสงัด เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งและดัง
“ผมอาจจะลืมพูดถึงเรื่องการถกเถียงเกี่ยวกับการมีอยู่ของอนุภาคซีที่เขียนเสร็จไปแล้ว 27 บรรทัด 27 บรรทัดสุดท้ายคือข้อพิสูจน์เกี่ยวกับสมบัติของอนุภาคซี ผมเองก็ประหลาดใจเหมือนกัน ผมคิดว่าผมคงใช้เวลาสองสามอาทิตย์ในการแก้ปัญหา”
ลู่โจวเหลือบไปมองไวท์บอร์ด แล้วหันกลับมามองผู้ฟัง จู่ๆ เขาก็ยิ้มออกมา
รอยยิ้มนั้นเหมือนแสงแรกของพระอาทิตย์หลังพายุฝน ดูเหมือนว่ามันจะพัดพาก้อนเมฆที่อึมครึมเหนือผู้ฟัง
บางทีอารมณ์ที่ดีก็อาจจะช่วยแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น
เขานิ่งไปครู่หนึ่งและพูดต่อ “วัตถุทุกอย่างเกิดจากอะตอม ตอนที่เราตั้งชื่อนี้เป็นครั้งแรก ความหมายของมันก็คืออนุภาคมูลฐานที่สร้างสสารขึ้นมา จริงๆ แล้วฟิสิกส์มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นไม่นานเราก็ค้นพบว่าอะตอมนั้นสามารถแบ่งย่อยได้อีก”
“ไม่นานเราก็ค้นพบอิเล็กตรอน นิวตรอน โปรตอน ตามด้วยควอร์ก เลปตอน อนุภาคฮิกส์ เป็นต้น”
“จะเกิดอะไรขึ้นนะถ้าเรายังคงแบ่งย่อยไปเรื่อย”
“ผมเกรงว่าจะไม่มีใครสามารถตอบคำถามนี้ได้ในตอนนี้ เราสามารถใช้แบบจำลองเชิงปรากฏการณ์อย่าง ADD ในการพิสูจน์การมีอยู่ของปริภูมิมิติ n ในขณะที่ทฤษฎีเอ็มคาดการณ์ว่า n=11 แต่เราไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในปริภูมินี้กันแน่ เรารู้แค่ว่าในโลกสามมิติ วัตถุมิติสูงคือตัวเชื่อมสำหรับเรา”
“ก็เหมือนกับโลกที่ผมเคยพูดถึงในตอนต้น ถ้าคนสองมิติพึ่งพาแค่ดวงตาของพวกเขา พวกเขาก็จะไม่มีวันเข้าใจจุดดำเล็กๆ ที่ไร้ขีดจำกัด บางทีอวกาศที่อยู่เหนือเราอาจจะเต็มไปด้วยโลกใบเล็กๆ ก็ได้ และเงาประกอบด้วยโลกที่เรามองเห็น”
“ปริภูมิสามมิติก็เหมือนกัน”
“แสงที่เราเห็น อากาศที่เราหายใจเข้าไป น้ำที่เราดื่ม….เมื่อนำมาแบ่งย่อยเรื่อยๆ บางทีเราอาจจะพบจุดดำเล็กๆ ก็ได้
“ซึ่งมันรวมไปถึงอนุภาค Z ผมคงบอกไม่ได้ว่าสิ่งที่เราเห็นตอนนี้คือรูปแบบที่สมบูรณ์ บางทีสิ่งที่ผมเปิดเผยอาจจะเป็นภาพฉายในมิติ X-1 ก็ได้ และนั่นก็เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังไฮเปอร์สเปซ”
“บางทีมันอาจจะเป็นคำสาปของสิ่งมีชีวิตสามมิติก็ได้”
“หรือบางทีตอนที่อารยธรรมของเราก้าวล้ำมากเพียงพอ ตอนที่เราสามารถค้นพบมิติทั้งหมดในจักรวาลได้ ตอนที่เราสามารถสำรวจจุดเชื่อมของมิติที่สิบเอ็ด…ในตอนนั้นเราก็สามารถสำรวจโลกใบเล็กๆ ได้ทั้งหมดและเห็นภาพที่สมบูรณ์ของจักรวาล”
ลู่โจวยิ้มอีกครั้ง
“สำหรับช่วงสุดท้ายของการสัมมนา ผมจะทำตามนักฟิสิกส์ที่ยิ่งใหญ่และคาดการณ์อนาคต”
“บางทีสักวันหนึ่งในอนาคต ตอนที่อารยธรรมของเราก้าวล้ำมากพอ ตอนที่ระบบสุริยะไม่มีพลังงานที่เพียงพอสำหรับเรา…”
“เราจะใช้ไฮเปอร์สเปซในการสร้างการเดินเรืออินเตอร์สเตลลาร์ที่ความเร็วแสงมหาศาล เราสามารถเดินทางรอบระบบดาวฤกษ์และกาแล็กซี! “
ไม่มีเสียงตอบรับจากผู้ฟัง
ชัดเจนว่าพวกเขากำลังตกใจอยู่
ลู่โจวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่มีเสียงปรบมือ เขากำลังจะวางปากกาลง โค้งคำนับผู้ฟัง และเดินออกจากเวที
แต่จู่ๆ เขาก็นึกบางอย่างออก เขาหันหลังทันทีแล้วมองไวท์บอร์ด
“เกือบจะลืมสิ่งที่สำคัญไป”
ลู่โจวยิ้มเจื่อนและเขียนข้อความสุดท้ายลงบนไวท์บอร์ด
[ถ้า Z(n)= 0~1.25TeV, แล้ว n=3, Z=750 GeV.]
“750 จิกะอิเล็กตรอนโวลต์คือพลังงานที่เกิดขึ้นในปรภูมิสามมิติ ไม่แปลกใจเลยที่ 1.25 เทระอิเล็กตรอนโวลต์อยู่ขอบเขตบนของทฤษฎีมวลของมันในขณะที่มวลนิ่งของมันในปริภูมิสามมิติคือ 0 “
“เอาเลย พิสูจน์เลยว่าผมคิดผิด ข้อมูลที่รวบรวมมาจากเครื่องชนอนุภาคแฮดรอนสนับสนุนข้อสรุปของเขา”
“แล้วการคำนวณ 27 บรรทัดสุดท้ายเกี่ยวข้องกับมวลของอนุภาค Z สักวัน เราจะสร้างเครื่องชนอนุภาคที่ล้ำหน้ากว่านี้ แล้วคุณจะเห็นว่าผมพูดถูก”
ลู่โจววางปากกาในถาดไวท์บอร์ดและมองผู้ฟังที่นั่งอยู่เงียบๆ เขาวางมือตรงแท่นขณะที่พูด
“ก็อย่างที่พวกคุณเห็นนะครับ อนุภาคนี้หนักกว่าที่เราคิดไว้เยอะเลย”
“มันหนักกว่า 750 จิกะอิเล็กตรอนโวลต์ที่เราสามารถสำรวจได้”
“ฟิสิกส์เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่ารูปแบบทั่วไป”
“ขอบคุณครับ”
เขาโค้งคำนับและเดินลงเวที
ทันทีที่เขาหันหลังกลับ เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องไปทั่วหอประชุม…
………………