Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 118 เป็นสักขีพยานช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์?
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 118 เป็นสักขีพยานช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์?
โมลิน่าพาลู่โจวไปโรงแรมพรินซ์ตัน หลังจากพาเขาไปหาหนึ่งในพนักงานโรงแรม เธอก็จากไป
หลังจากป้อนข้อมูลลู่โจวเข้าระบบโรงแรม พนักงานโรงแรมก็กล่าว “ห้องสามศูนย์หกท่านต้องการให้เรานำทางไหม?”
ลู่โจวตอบ “ไม่จำเป็น ผมไปเองได้”
เขาลากกระเป๋าเดินทางขึ้นลิฟต์แล้วเดินเข้าห้องพัก สิ่งแรกที่เขาทำคือการอาบน้ำอุ่นๆ พอเขาออกจากห้องน้ำ เขาก็ล้มตัวนอนบนเตียง
เขาอยู่บนเครื่องนานมาก ดังนั้นเขาจึงยังรู้สึกเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
พอหัวถึงหมอน ไม่ช้าเขาก็เริ่มกรนเบาๆ…
…
ปกติแล้วงานประชุมทางวิชาการจะใช้เวลาเพียงสามถึงสี่วันเท่านั้น อย่างไรก็ตามเนื่องจากนี่เป็นงานประชุมครั้งแรกหลังช่วงวันหยุดคริสต์มาส และมีบุคคลสำคัญมากมายที่มา งานประชุมจึงกินเวลาหกวัน
ลู่โจวพรีเซนต์วันที่ห้า และมันก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการวิจัยกฎการกระจายตัวของจำนวนเฉพาะของแมร์แซน เขามีเวลาพรีเซนต์สามสิบนาที
ในฐานะนักศึกษาปริญญาตรี ได้พรีเซนต์สามสิบนาทีนับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และไม่ต้องพูดถึงว่าเขาได้รับเชิญมาที่นี่
การพรีเซนต์ในงานประชุมระดับนี้เข้มงวดกว่าการสิ่งวิทยานิพนธ์ SCI อย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากมันเป็นงานประชุมคณิตศาสตร์นานาชาติที่ถูกจัดขึ้นทุกสี่ปีโดยสภานักคณิตศาสตร์นานาชาติ(IMU) แค่ได้เข้าร่วมงานประชุมเพียงอย่างเดียวก็เป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจแล้ว
แต่น่าเสียดายผู้จัดงานของงานประชุมทางวิชาการครั้งนี้คือสมาคมนักคณิตศาสตร์สหรัฐ และมันจัดขึ้นปีละครั้ง เป้าหมายหลักคือนักคณิตศาสตร์หนุ่มสาว ดังนั้นน้ำหนักของงานจึงต่ำกว่ามาก อย่างไรก็ตามนักคณิตศาสตร์อัจฉริยะก็ยังคงมาเข้าร่วมงาน!
ในวันแรกของงานประชุม ลู่โจวได้พบกับหลัวเหวินเซวียนที่ทางเข้าโรงแรม
สิ่งที่ทำให้ลู่โจวแปลกใจก็คือแม้ว่าหลัวเหวินเซวียนจะอายุสี่สิบกว่าแล้ว แต่เขาก็ยังดูเด็กอยู่ เขาสวมแว่นตาและเสื้อฮู้ด แทนที่จะเป็นนักคณิตศาสตร์ เขาดูเหมือนนักประวัติศาสตร์มากกว่า
หลัวเหวินเซวียนจับมือลู่โจวด้วยความกระตือรือร้นก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปมหาลัยพรินซ์ตัน
ระหว่างทาง หลัวเหวินเซวียนก็เอ่ยถาม “เธอรู้สึกยังไง? เธอยังเหนื่อยล้าจากการเดินทางอยู่ไหม?”
ลู่โจวตอบ “ถ้าแค่ไปนั่งฟังเฉยๆ ผมคงไม่เป็นไร คุณก็เข้าร่วมงานประชุมนี้เช่นกันหรือครับ?”
หลัวเหวินเซวียนยิ้่มแล้วกล่าว “ฉันแค่ไปฟัง งานประชุมนี้ส่วนใหญ่เน้นไปที่ทฤษฎีจำนวน ซึ่งไม่ใช่สาขาการวิจัยของฉัน แต่มีคนที่มีชื่อเสียงอย่างศาสตราจารย์เดอลีงย์และศาสตราจารย์โรเบิร์ตที่ทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินงานพรีเซนต์ ฉันพลาดโอกาสนี้ไม่ได้”
ลู่โจวถาม “คุณวิจัยแนวไหนเหรอครับ?”
หลัวเหวินเซวียนกล่าว “ด้านทฤษฎีการวิเคราะห์เชิงฟังก์ชันของปริภูมิ ส่วนใหญ่ฉันวิจัยเชิงทฤษฎีเกี่ยวกับปริภูมิฮิลเบิร์ท แต่ฉันยังศึกษากลศาสตร์ควอนตัมและทฤษฎีควอนตัมบ้างเช่นกัน ฉันว่าตอนนี้ฉันสมควรได้รับปริญญาฟิสิกส์แล้ว”
ลู่โจว “สาขาฟิสิกส์พรินซ์ตันเป็นไงบ้างครับ?”
“เป็นไงงั้นเหรอ? มันดีจริงๆ นอกจากคำว่าดี ฉันก็ไม่รู้จะหาคำอื่นมาอธิบายแล้ว” หลัวเหวินเซวียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขากล่าวเสริม “พูดง่ายๆ มีอัจฉริยะอยู่ทุกที่ ถ้าเธออยากเรียนคณิตศาสตร์กับฟิสิกส์ การมาเรียนที่นี่เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย เธอน่าจะได้รับข้อเสนอง่ายๆใช่ไหม? แต่ฉันไม่แนะนำให้เธอเดินเส้นทางนี้”
ลู่โจวถาม “ทำไมครับ?”
หลัวเหวินเซวียนกล่าว “เนื่องจากเธอได้แสดงศักยภาพที่ยอดเยี่ยมในด้านทฤษฎีจำนวนแล้ว ทำไมเธอถึงไม่เดินตามเส้นทางนี้ต่อล่ะ?”
“เพราะ…ชีวิตต้องการความท้าทาย?” ลู่โจวกล่าว น้ำเสียงเขาไม่ค่อยแน่ใจนักและเขาก็คิดเหตุผลนี้มามั่วๆ
“น่าประทับใจ!” หลัวเหวินเซวียนกล่าวและยกนิ้วโป้งให้ ” เอาล่ะ เรามาถึงแล้ว มันอยู่ข้างหน้านี่เอง มีของกำนัลเล็กๆ น้อยๆ ที่หน้าประตู เธอสามารถรับของกำนัลด้วยบัตรเชิญ แต่อย่าหวังมากนัก มันเป็นแค่ของอย่างปากกากับสมุด”
“ขอบคุณครับ”
หลัวเหวินเซวียนโบกมือ “ด้วยความยินดี!”
งานประชุมทางวิชาการต่างประเทศแตกต่างจากงานประชุมทางวิชาการในประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวทีแลกเปลี่ยนโปสเตอร์ มันไม่ได้มีเหตุผลที่เฉพาะเจาะจงนัก
แทนที่จะแลกเปลี่ยนสินค้ากัน พวกเขากำลังแลกเปลี่ยนความรู้
ทุกคนที่นี่มีสิทธิ์แสดงความเห็นของตนเองโดยไม่ต้องกังวลเรื่องตัวตนหรือสถานะ จิตวิญญาณของนักวิชาการจะเติบโตได้ด้วยการปะทะกันของความคิด ในงานประชุม มีทั้งศาสตราจารย์ที่ได้รับความเคารพอย่างสูง และมีทั้งนักศึกษาปริญญาตรี
แน่นอนการมาตั้งบูธแสดงโปสเตอร์ทางวิชาการได้ก็หมายความว่าคนๆ นั้นมีความแข็งแกร่งอยู่บ้าง แม้ว่าความคิดของคนๆ นั้นอาจจะไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อยมันก็ควรค่าที่จะคุยด้วย
นอกจากการแบ่งปันปัญหาทางวิชาการกับเจ้าของบูธ เรามีวิธีเข้าร่วมงานวิชาการทางวิชาการที่แตกต่างกัน เหล่าอัจฉริยะมาเพื่อแสดงผลลัพธ์การวิจัยของตน ในขณะที่นักศึกษาที่ไม่ได้เรื่องมาเพื่อเรียนรู้ แน่นอนแม้ว่านักศึกษาที่ไม่ได้เรื่องจะไม่ได้มีผลลัพธ์การวิจัยที่น่าประทับใจมาวางบนโต๊ะ แต่พวกเขาก็ยังมีส่วนร่วมได้
ขณะที่ลู่โจวยืนอยู่ในฝูงชน เขาก็รู้สึกดีใจที่ไม่ได้ใส่ชุดสูท ทุกคนสวมเสื้อผ้าสบายๆ ข้อแรกถ้าเขาสวมชุดสูท เขาคงถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสมาชิกทีมผู้จัดงาน อย่างที่สองชุดสูทของเขาไม่ได้ให้ความอบอุ่นอะไรเลย แถมเครื่องปรับอากาศที่นี่ก็เย็นมาก
พอหลัวเหวินเซวียนพาลู่โจวเข้ามาในหอประชุม เขาก็หายตัวไป
นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้คุยกับอัจฉริยะที่อยู่แนวหน้าของวงการ ดังนั้นการอยู่กับคนรู้จักจึงเป็นการเสียเวลาเปล่า
สิ่งแรกที่ลู่โจวทำหลังจากเข้ามาในสถานที่จัดงานก็คือการมองหาบูธแจกของกำนัล
มีปากกา สมุดและแม้แต่เนคไท อย่างไรก็ตามเขาเอาไปได้ชิ้นเดียวเท่านั้น ลู่โจวตั้งใจจะนำปากกาไปเป็นของขวัญให้น้องสาว
แน่นอนของกำนัลเล็กๆ น้อยๆ เป็นแค่ส่วนเล็กๆ ของงานประชุม
ลู่โจวไมได้ลืมเหตุผลหลักที่มาที่นี่
โดยปกติแล้วสองวันแรกของการพรีเซนต์มีค่าสูงสุด เมื่อคืนลู่โจวเข้าเว็บงานประชุมแล้วปริ้นต์เวลาและสถานที่พรีเซนต์
พรีเซนต์คนแรกยังไม่เริ่ม ดังนั้นลู่โจวจึงเดินดูบูธรอบๆ แล้วดูโปสเตอร์
ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกสนใจโปสเตอร์ที่น่าประทับใจอันนึง
[พิสูจน์การคาดเดาจำนวนเฉพาะคู่แฝด]
[ผู้เขียน : อิจอง]
[…]
ลู่โจว [?]
เชี่ย?
หลังจากเห็นหัวข้อของโปสเตอร์ ลู่โจวก็ช็อค
ปัญหาที่คาใจเขามาครึ่งปีถูกแก้โดยคนอื่นแล้ว?
นี่เป็นข่าวใหญ่!
บางทีฉันกำลังเป็นสักขีพยานในประวัติศาสตร์?
นี่มันน่าตื่นเต้นมาก!
แต่ทำไมถึงไม่มีคนมาดูเลยล่ะ?
ลู่โจวไม่สามารถยับยั้งความอยากรู้อยากเห็นในใจได้ เขาจึงเดินเข้าไปดู
…………………………………..