Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 121 งานเลี้ยงของนักคณิตศาสตร์
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 121 งานเลี้ยงของนักคณิตศาสตร์
หลัวเหวินเซวียนยืนอยู่หน้าประตู
ทั้งสองตั้งใจจะไปงานเลี้ยงด้วยกัน
“งานเลี้ยงจะเริ่มแล้ว เธอต้องเตรียมตัวอีกนานแค่ไหน?”
“ผมพร้อมแล้ว”
ลู่โจวปรับเนคไท จากนั้นเขาก็ดึงคีย์การ์ดออกมาแล้วเดินออกนอกห้อง “ผมต้องทำอะไรในงานเลี้ยงบ้าง?”
หลัวเหวินเซวียนยิ้มแล้วกล่าว “ขึ้นลิฟต์ลงชั้นล่าง จากนั้นก็หยิบแชมเปญจากถาดของบริกร ไปคุยกับคนที่เธอสนใจ ใจเย็น ไม่ต้องสนใจความคิดของคนอื่นที่มีต่อเธอ ฉันมั่นใจว่ามีคนมากมายที่สนใจเธอ”
ขอบคุณสำหรับคำชม
ต่อให้ผมรู้ว่าผมหล่อ แต่เราก็ควรถ่อมตน…
ลู่โจวยิ้มเก้อเขิน
หลัวเหวินเซวียนเดินไปหน้าลิฟต์กับลู่โจวแล้วมอบคำแนะนำที่สำคัญแก่เขา
“…ถ้าเธอกำลังวิจัยบางอย่างที่น่าสนใจ เธอก็ลองหาอัจฉริยะในสาขานั้นแล้วเอาไปคุยกับเขา ถ้าพวกเขาสนใจงานวิจัยของเธอ เธอก็สามารถเลือกเขาเป็นบรรณาธิการทางวิชาการเมื่อเธอส่งวิทยานิพนธ์ โอกาสที่เธอจะส่งวิทยานิพนธ์ได้สำเร็จจะสูงมากขึ้น ถ้าเธอวางแผนเรียนต่อปริญญาเอก เธอก็ลองหาที่ปรึกษาในสาขานั้น ไปคุยกับพวกเขาแล้วทำความรู้จักกับพวกเขา”
ทั้งสองเดินเข้าไปในลิฟต์แล้วเห็นคนอื่นอีกสองคนอยู่ด้านใน
หลัวเหวินเซวียนหยุดชั่วครู่ก่อนจะยื่นมือขวาอย่างกระตือรือร้น เขากล่าวกับชายชรา “ศาสตราจารย์หวัง บังเอิญอะไรแบบนี้!”
“ฮ่าๆ เหวินเซวียน” ศาสตราจารย์หวังกล่าวแล้วเอื้อมไปจับมือกับหลัวเหวินเซวียน “ไม่ได้เจอกันนานเลย…นี่คือ?”
“ลู่โจว นักศึกษาที่น่าภูมิใจของศาสตราจารย์ถัง” หลัวเหวินเซวียนกล่าวพลางตบบ่าลู่โจวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็กล่าว “ลู่โจว นี่คือศาสตราจารย์หวังซีผิงจากมหาวิทยาลัยเยี่ยน เขาเป็นผู้วิจัยทฤษฎีจำนวนเชิงพีชคณิตชั้นแนวหน้าของประเทศ”
“ศาสตราจารย์หวัง ยินดีที่ได้พบครับ!”
สุดยอด…
ลู่โจวเคยเห็นชื่อของศาสตราจารย์ในข่าว และเขาก็ประทับใจอย่างยิ่ง
ศาสตราจารย์หวังไม่ได้โด่งดังเท่าลู่โจว เพราะเขาโปรไฟล์ต่ำยิ่งกว่า อีกเหตุผลนึงก็คืองานวิจัยทางคณิต
ศาสตร์ส่วนใหญ่ของเขาเป็นตอนเขาหนุ่มๆ และช่วงเวลานั้นก็ไม่มีอินเทอร์เน็ต มีแต่หนังสือพิมพ์…
ศาสตราจารย์หวังมีความสำเร็จด้านวิชาการนับไม่ถ้วน อย่างการแก้ปัญหาหัวหลินที่มาจากพหุนามของหัวหลัวเกิง
สิ่งนี้ไม่ได้ดีเท่าข้อคาดการณ์ของโจว แต่มันก็มีค่า
คุณหวังเป็นหนึ่งในบุคคลที่ความแข็งแกร่งด้านทฤษฎีจำนวนของมหาวิทยาลัยเยี่ยน
“เธอไม่จำเป็นต้องยกยอฉัน” คุณหวังอี้ผิงกล่าวขณะจับมือลู่โจว เขากล่าวด้วยรอยยิ้มใจดี “นักศึกษาโจว ฉันเคยได้ยินศาสตราจารย์ถังพูดถึงเธอมาก่อน เธอค่อนข้างน่าทึ่ง อนาคตของคณิตศาสตร์จีนขึ้นอยู่กับเธอแล้ว!”
ลู่โจวกล่าวด้วยความเคารพ “ศาสตราจารย์ ท่านชมเชยเกินไป”
“จะว่าไป เธอควรเรียนจากศาสตราจารย์ถังแทนคณบดีฉิน” หวังอี้ผิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็แนะนำชายหนุ่มข้างๆ เขาให้ลู่โจว “นี่เป็นศิษย์ฉันเอง เหว่ยเหวิน”
เหว่ยเหวินยื่นมือออกมาแล้วยิ้มบางๆ “สวัสดี เราพบกันอีกแล้วนะ”
“สวัสดีๆ” ลู่โจวกล่าวขณะจับมืออีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม แต่เขาจำอีกฝ่ายไม่ได้
เราเคยพบกันเหรอ?
ที่ไหนนะ?
ไม่เห็นจำได้เลย…
หลังจากคุยกันเล็กน้อย ศาสตราจารย์หวังกับศิษย์เขาก็จากไป
หลัวเหวินเซวียนตบบ่าลู่โจวเบาๆ แล้วกระซิบ “ขอให้สนุกกับคืนนี้นะ” ก่อนจะจากไปเช่นกัน
เมื่อลู่โจวเห็นผู้คนในงาน เขาก็บีบแก้วแชมเปญในมือแล้วอดประหม่าไม่ได้
ใครบอกกันว่าอัจฉริยะไม่เก่งเรื่องเข้าสังคม?
ดูเหมือนฉันต้องปรับปรุงทักษะเข้าสังคมของตัวเองแล้วสิ
หลังจากลู่โจวเดินไปรอบงาน ตอนแรกเขาวางแผนจะไปหาศาสตราจารย์เดอลีงย์ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นว่าอีกฝ่ายถูกรายล้อมด้วยกลุ่มคน เขาก็ลังเล
ทักษะภาษาอังกฤษของฉันไม่ใช่ที่สุด
และเมื่อเขาตัดสินใจได้…
เขาก็ไปเสียแล้ว
สุดท้ายลู่โจวก็นั่งลงบนโซฟา
เหมือนกับตอนที่เขาอยู่ในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย เขามักจะเลือกที่เงียบๆ นั่ง
ลู่โจวส่ายหน้าแล้วหยิบสมุดออกมาจากกระเป๋า จากนั้นเขาก็เริ่มศึกษาปัญหาที่เขาติดชะงัก
อย่างไรก็ตามจู่ๆ ก็มีคนนั่งลงตรงข้ามเขา
เมื่อลู่โจวเงยหน้าขึ้นมามอง เขาก็แทบจำเธอไม่ได้
ผมบลอนด์สลวยเป็นลอนแผ่เป็นคลื่นๆ ใบหน้าที่อ่อนโยนที่หยาบกร้านน้อยกว่าชาวตะวันตกปกติ คิ้วหนาให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเด็กสาวที่หลุดมาจากภาพยนตร์แฮรี่พอตเตอร์
เธอสวมเดรสสีดำและสร้อยคอสีขาว มันให้ความรู้สึกที่ขัดกัน มันดูลึกลับคล้ายคลึงกับสไตล์วิคตอเรีย
ลู่โจวลดสายตาลงต่ำ
โอเค ฉันว่าคงไม่ใช่ชาวผิวขาวทุกคนที่หน้าอกใหญ่…
มันคงหยาบคายถ้าจ้องนานเกินไป ขณะที่ลู่โจวกำลังจะพูดทักทาย เธอก็พูดออกมาก่อน
โมลิน่า “คุณไม่ไปเต้นรำเหรอ?”
“ไม่ คนเยอะเกินไป มันไม่เหมาะกับผม…” ลู่โจวกล่าว “ก็ได้ จริงๆ แล้วผมเต้นไม่เป็น แล้วคุณล่ะ?”
โมลิน่ายิ้มแล้วกล่าว “ฉันก็ด้วย”
ลู่โจวมองเธอด้วยความประหลาดใจ “ผมคิดว่าชาวฝรั่งเศสเป็นผู้เชี่ยวชาญเต้นรำเสียอีก”
“แต่ละคนชอบไม่เหมือนกันสักหน่อย” โมลิน่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนที่ฉันมาอเมริกาครั้งแรก ฉันคิดว่าพวกคุณคนจีนทุกคนรู้จักกังฟู”
“นี่…เป็นเรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อย” ลู่โจวตอบ
“ฉันสงสัยมาก”
“สงสัยเรื่อง?”
“ทั้งๆ ที่มีสาวสวยนั่งฝั่งตรงข้าม คุณยังมีอารมณ์สนใจปัญหาคณิตศาสตร์ได้ยังไง?”
เชี่ย
เธอรู้ได้ไง?
ชาวตะวันตกเป็นแบบนี้ทุกคนเหรอ?
ลู่โจวมองโมลิน่าแล้วไม่ได้ตอบอะไร กลับกันเขาถามแทน “ทำไมคุณพูดแบบนั้นล่ะ?”
โมลิน่ามองลู่โจวแล้วยิ้ม “ฉันบอกได้มากมายจากภาษากายของคุณ”
“ก็ได้…ผมว่าภาษากายของผมคงเปิดเผยเกินไป”
ลู่โจวกระแอม
เขากำลังคิดถึงปัญหาคณิตศาสตร์อยู่จริงๆ
แม้กระทั่งตอนนี้…
บทสนทนาก็เงียบลง ทั้งสองนั่งอยู่กันอย่างเงียบๆ
เมื่อลู่โจวมองไปยังผู้คนที่อยู่บนฟลอร์เต้นรำ เขาก็เอานิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ ตามจังหวะ
แรงบันดาลใจมักจะเป็นสิ่งเลื่อนลอยอยู่เสมอ
ความจริงที่ถูกฝังอยู่ในตัวเลขที่ไม่มีที่สิ้นสุดก็อาจหลุดลอยไปจากเงื้อมมือของเขาไปก็ได้
นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมเขาถึงใช้ระบบหลายครั้งเป็นทางเลือกสุดท้าย
อย่างไรก็ตามระบบจะไม่ให้คำแนะนำใดๆ แก่เขา มันจะแก้ปัญหาให้เฉพาะตอนที่ถูกถามเท่านั้น
น่าเสียดายที่เขามีแต้มไม่พอที่จะแก้ข้อคาดการณ์จำนวนเฉพาะคู่แฝด
เขามักจะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปเล็กน้อยเสมอ…
ลู่โจวกำหมัด
ทันใดนั้นเองก็เหมือนมีแสงสว่างกระพริบวาบในหัว เขาจำได้ว่าเขามีช่วงเวลาแห่งการเกิดแรงบันดาลใจยี่สิบสี่ชั่วโมง จากนั้นเขาก็ลุกจากเก้าอี้
โมลิน่ามองเขาด้วยสายตาแปลกๆ “มีอะไรงั้นเหรอ?”
ลู่โจวสูดหายใจลึกๆ “จู่ๆ ผมก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้”
โมลิน่าเลิกคิ้ว เธอพูดติดตลก “มันสำคัญกว่าดินเนอร์กับสาวฝรั่งเศสอีกเหรอ?”
“มันสำคัญกว่าดินเนอร์กับพระแม่มารีย์ซะอีก!”
ลู่โจวรีบวิ่งไปทางลิฟต์อย่างรวดเร็ว
……………………………………