Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1221 มวลไม่ได้ขยาย มันแค่ไหลอยู่บนเส้นที่มองไม่เห็น
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1221 มวลไม่ได้ขยาย มันแค่ไหลอยู่บนเส้นที่มองไม่เห็น
ห้องบรรยายเหมือนกับหม้ออัดแรงดันที่มีน้ำเดือดแล้วก็ระเบิดขึ้นมาทันที
ผู้คนต่างตกตะลึง และพวกเขาก็แลกเปลี่ยนพูดคุยกันโดยมีความหวาดกลัวอยู่ในแววตา พวกเขาทำอะไรไม่ถูก
เนื่องด้วยการสังเกตการณ์นี้ สภาวะการทับซ้อนของควอนตัมจึงพังทลายลงและเป็นการกระตุ้นให้เกิดผลกระทบแบบลูกโซ่อย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้ทำให้มวลย้ายจากมิติ n+1 ไปสู่มิติ n ที่ต่ำกว่า
นี่หมายความว่ามี ‘ผู้คน’ นอกกล่องกำลังเฝ้าดูเราใช่ไหม?
นั่นฟังดูน่าขัน…
และก็ฟังดูน่ากลัวด้วยเช่นกัน
มันเหมือนมีกล้องตัวหนึ่งที่อยู่ห่างไกลกำลังเฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขา ด้วยการใช้ตัวกรองที่มองไม่เห็นทำให้พวกเขาสามารถที่จะคัดเลือกอารยธรรมอันชาญฉลาดที่พวกเขาชื่นชอบได้
และในตอนนี้พวกเขาก็ได้ค้นพบการดำรงอยู่ของมนุษย์โดยผ่านตัวกรองนี้
แล้วนี่หมายความว่าอย่างไร?
ไม่มีใครรู้
เพราะเรื่องนี้ ผู้คนจึงมีความรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในดวงตาของพวกเขา
คนที่สงบที่สุดคือเฟอร์นันโด ซึ่งนั่งอยู่ที่แถวหน้า
บางทีการไร้ซึ่งความกลัวของเขาอาจจะเกิดจากความเขลา เมื่อเทียบกับสิ่งที่เหล่านักฟิสิกส์แสดงออกมา เขาไม่ได้เข้าใจอย่างเต็มที่นักว่าลู่โจวกำลังพูดถึงอะไร เขาจับคีย์เวิร์ดได้แค่เพียงสองสามคำเท่านั้น
“วอยด์? “
“งั้นถ้าจะพูดง่ายๆ ก็คือจิตวิญญาณแห่งจักรวาลมีอยู่จริงๆ ใช่ไหม?”
ดวงตาของชายร่างเล็กจ้อยผู้นี้เป็นประกาย
มันเหมือนกับว่าเขากำลังมองเห็นความหวัง…
บนเวทีของห้องบรรยาย
ลู่โจวไม่ได้สนใจความโกลาหลภายในห้องบรรยาย เขาเขียนกระบวนการอภิปรายบนไวท์บอร์ดโดยไม่มีความลังเลแต่อย่างใด
[…Mπ2=(1/2)(mu+md)<0|ΨΨ|0>/Fπ2]
[<0|Aμa(x)|πb(p)>=ipμFπδabe-ipx]
[…]
ศาสตราจารย์วิทเทนซึ่งนั่งอยู่ในกลุ่มผู้ชม จับจ้องมาที่บรรทัดการคำนวณต่างๆ บนไวท์บอร์ด ลูกตาของเขาหดเล็กลงนิดๆ
เพียงแค่ไม่กี่นาทีที่ผ่านมา เมื่อเขาได้ยินทฤษฎีเกี่ยวกับสตริงพิเศษของลู่โจวและเหล่าผู้สังเกตการณ์ที่อยู่นอกเส้นขอบฟ้า เขาก็แสดงสีหน้าไม่เห็นด้วย
อย่างไรก็ตามหลังจากได้เห็นการคำนวณเหล่านี้ สีหน้าของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป
เพิร์ลมัทเทอร์นั่งอยู่ถัดจากศาสตราจารย์วิทเทน เขามีสีหน้าที่กระวนกระวาย เขามองไปยังเพื่อนร่วมงานของเขาที่อยู่รอบๆ ก่อนจะกระแอมออกมาแล้วพูดว่า
“การคำนวณของเขาดูเหมือนยากที่จะเข้าใจไปสักหน่อย…”
จริงๆ แล้วเขากล่าวถึงความจริงข้อนี้ออกมาได้ไม่เต็มที่
นับตั้งแต่การคำนวณบรรทัดที่ 5 บนไวท์บอร์ดกระดานที่ 2 ศาสตราจารย์เพิร์ลมัทเทอร์ก็รู้สึกสับสนไปหมด
อันที่จริงในฐานะที่เป็นนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ เขาควรที่จะมีความเข้าใจในเรื่องคณิตศาสตร์เป็นอย่างดี แม้ว่าความเข้าใจของเขาจะมุ่งไปที่ด้านคณิตศาสตร์ประยุกต์ เขาก็ไม่เคยมีความสับสนแบบนี้มาก่อน
เขารู้สึกงุนงงไปหมดกับสิ่งที่เขียนอยู่บนไวท์บอร์ด
เขาถึงกับเริ่มสงสัยว่าบรรทัดการคำนวณต่างๆ นับได้ว่าเป็นคณิตศาสตร์หรือไม่ หรือความรู้ของเขาจะล้าสมัยไปหมดแล้วหรือเปล่า
“มันยากนิดหน่อยที่จะเข้าใจ” ศาสตราจารย์วิทเทนขมวดคิ้วและพูดว่า “มันเกี่ยวข้องกับหลายๆ ทฤษฎีตั้งแต่ทอพอโลยีและเรขาคณิตเชิงพีชคณิต โดยเฉพาะจากทฤษฎีรวมของเรขาคณิตเชิงพีชคณิต… ผมไม่ได้ทำงานวิจัยคณิตศาสตร์มาหลายปี ผมเลยไม่สามารถจะเข้าใจมันได้อย่างสมบูรณ์”
“แม้แต่คุณก็ไม่สามารถเข้าใจได้เหรอ?” เพิร์ลมัทเทอร์ทำตาโตด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “งั้นใครจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาผิดหรือถูกล่ะ?”
วิทเทนส่ายหัวและมองไปที่บุคคลที่ยืนอยู่บนเวที เขามองดูบรรทัดการคำนวณที่ปรากฏอยู่บนไวท์บอร์ดและพูดว่า “ผมไม่รู้… “
“มาคอยดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
มันง่ายกว่ามากที่จะคอยหาข้อผิดพลาดจากทฤษฎีมากกว่าที่จะพิสูจน์ความถูกต้องของมัน
บางทีพวกเขาอาจจะสามารถขอความช่วยเหลือจากนักคณิตศาสตร์คนอื่นๆ ได้
ใจจริงแล้ววิทเทนไม่ได้กังวลในสิ่งเดียวกับที่เพิร์ลมัทเทอร์กำลังกังวล
ศาสตราจารย์วิทเทนเชื่อใจในคุณสมบัติของลู่โจวเองและเชื่อในความแข็งแกร่งด้านวิชาการของเขา เขาเชื่อว่าลู่โจวจะไม่นำเสนอสิ่งที่ไม่ได้รับการกลั่นกรองให้ใครก็ตามอย่างแน่นอน
ลำพังเฉพาะเรื่องนี้ วิทเทนก็เชื่อมั่นไปแล้วอย่างน้อย 80% ว่าทฤษฎีของลู่โจวนั้นเป็นจริง…
ในอีกด้านหนึ่งของห้องบรรยาย
หลัวเหวินเซวียน ซึ่งเป็นเลขาธิการใหญ่ของ ILHCRC ก็มีสีหน้าที่ประหลาดใจเช่นกัน
แม้ว่าเขาจะเป็นนักคณิตศาสตร์ แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีกว่าคนอื่นๆ
การคำนวณอันซับซ้อนทำให้เขาปวดหัว แม้ว่าเขาจะไม่ได้สับสนไปทั้งหมด แต่ความสามารถในการวิเคราะห์อันเชื่องช้าของเขาทำให้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไล่ตามจังหวะของลู่โจวทัน
ในตอนที่เขาเข้าใจว่าการคำนวณหนึ่งในนี้หมายความว่าอย่างไรและบทบาทหน้าที่ที่มันแสดงในกระบวนการอภิปรายโต้แย้งคืออะไร ก็มีการคำนวณใหม่สิบสองอย่างปรากฏขึ้นมาบนไวท์บอร์ด
เขาอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าลู่โจวได้คิดการคำนวณบ้างหรือเปล่า เขารู้สึกเหมือนว่าลู่โจวกำลังเขียนทุกขั้นตอนลงไปทั้งหมดโดยใช้ความจำของกล้ามเนื้อเพียงอย่างเดียว
นั่นคือความคิดที่น่ากลัว
คนที่นั่งถัดจากเขาคือนักวิชาการหรูเสินเจียน ซึ่งดวงตาจ้องเขม็งอยู่ที่ไวท์บอร์ด จู่ๆ นักวิชาการหรูเสินเจียนก็พูดขึ้นว่า
“นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เส้นทางของฟิสิกส์จะถูกเขียนขึ้นใหม่ทั้งหมด”
หลัวเหวินเซวียนตกตะลึงไป เขามองมาที่ชายสูงวัยแล้วถามว่า “คุณเข้าใจข้อพิสูจน์ของเขาเหรอครับ?”
นักวิชาการหรูตอบว่า “เปล่า ทำไมเหรอ?”
หลัวเหวินเซวียนพูดว่า “แล้วทำไมคุณถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ?”
นักวิชาการหรูคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “นี่… คือสัญชาตญาณทางวิทยาศาสตร์ประเภทหนึ่ง”
หลัวเหวินเซวียน “…”
ลู่โจวไม่ได้ใส่ใจปฏิกิริยาต่างๆ บนใบหน้าของผู้ชม ปากกาในมือของเขาสั่น เขาลืมเรื่องกาลเวลาและระยะทางไปจนหมดสิ้น รวมทั้งดวงตาหลายคู่ที่อยู่ด้านหลังเขา สมาธิของเขาทั้งหมดไปรวมอยู่ที่ปัญหาในมือหมดแล้ว
จากข้อมูลในขอบเขตพลังงานจาก 5.12 เทระอิเล็กตรอนโวลต์ไปจนถึง 5.17 เทระอิเล็กตรอนโวลต์ที่รวบรวมโดย ILHCRC ด้วยการสร้างแบบจำลองเชิงปรากฏการณ์เพื่อการวิเคราะห์ เขาสามารถอนุมานได้ว่าปรากฏการณ์ ‘การถ่ายโอนมวลสูงสุด’ อาจเกิดขึ้นเมื่อพลังงานการชนขึ้นไปถึง 7.17 เทระอิเล็กตรอนโวลต์ถึงประมาณ 7.74 เทระอิเล็กตรอนโวลต์ ขณะที่การพังทลายที่รุนแรงอาจเกิดขึ้นในระดับพลังงานที่ใกล้กับ 8 เทระอิเล็กตรอนโวลต์
ถ้าพวกเขาไม่สามารถจะเข้าใจได้ว่าความลึกลับเบื้องหลังปรากฏการณ์นี้มาจากไหน ฟิสิกส์ก็คงจะไม่เจริญ
อย่างไรก็ตามการสร้างเครื่องชนอนุภาคเครื่องหนึ่งก็ไม่ใช่งานที่ง่ายเลย
ถ้าฟิสิกส์ทั้งหมดสูญเสียความสำคัญของมันเองในโซนพลังงานที่สูงกว่า เช่นนั้นอารยธรรมมนุษย์ก็คงจะตกหลุมพราง มันคงจะยากกว่ามากสำหรับอารยธรรมมนุษย์ที่จะปลดปล่อยตัวเองออกมาจากหลุมพรางนี้
นี่ก็เหมือนกับตัวกรองที่กรองจักรวาลทั้งหมดอย่างโหดเหี้ยม คัดเอามดเหล่านั้นที่ไม่สามารถข้ามผ่านสิ่งกีดขวางได้ออกไปและขัดขวางพวกมดที่สามารถผ่านสิ่งกีดขวางได้ด้วยการประกาศการดำรงอยู่ของพวกมัน
สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวมากที่สุดคือตัวกรองนี้ยังมีอยู่ในจักรวาลเก่าด้วย มันมีแนวโน้มมากว่าอารยธรรมหรือบุคคลที่สร้างตัวกรองมาจากอารยธรรมที่แตกต่างไปจากผู้สังเกตการณ์
ลู่โจวกลัวว่าการมีอยู่ของตัวกรองนี้จะไม่เป็นมิตรสักเท่าไรนัก…
ลู่โจวเขียนเครื่องหมายจุดสุดท้ายลงไปแล้ววางปากกาลง เขาหันกลับมาแล้วมองมาทางห้องบรรยาย
คนส่วนใหญ่ยังไม่หายจากอาการตกตะลึง พวกเขากำลังจ้องไปที่ไวท์บอร์ด พยายามที่จะทำความเข้าใจกับความลึกลับที่อยู่เบื้องหลังบรรทัดการคำนวณต่างๆ
แม้ว่าเขาจะไม่อยากขัดจังหวะกระแสความคิดของสมาชิกผู้ชมหลายร้อยคน แต่เขาก็จำต้องให้ข้อสรุป
ลู่โจวกระแอมแล้วพูดว่า
“ข้อพิสูจน์จบลงที่ตรงนี้”
“สิ่งที่เรากำลังเผชิญอาจจะแย่กว่าที่เราได้จินตนาการไว้”
“กลับมากันที่หัวข้อเดิม ซึ่งก็คือจิตวิญญาณแห่งจักรวาล”
“ยังไม่สามารถพิสูจน์การดำรงอยู่ของมันได้ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน ดังนั้นผมจึงไม่อยากอภิปรายมากเกินไป ไม่ว่าจะมีนิยัตินิยมเชิงจิตสำนึกหรือนิยัตินิยมเชิงวัตถุหรือไม่ เวลาจะตอบคำถามนี้เอง”
“ผมคิดว่าเรื่องนี้น่าจะกลายเป็นหัวข้อที่เป็นที่ถกเถียงกันมากๆ ในอีกหลายศตวรรษข้างหน้า”
ลู่โจวมองไปยังห้องบรรยายที่เงียบสนิท เขาค่อยๆ วางปากกามาร์คเกอร์ในมือลงแล้วพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “อย่างไรก็ตามในฐานะนักฟิสิกส์ ผมหวังว่าการถกเถียงกันในประเด็นนี้จะอยู่ในสาขาวิชาปรัชญาจนกว่าเราจะสามารถใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการพิสูจน์การดำรงอยู่ของมันได้ เราควรที่จะวางข้อโต้แย้งเอาไว้ก่อน”
“ในส่วนของวอยด์ มิติพิเศษที่อยู่เหนือมิติ nth…”
หลังจากเงียบไป ลู่โจวก็มองกลับมาที่ไวท์บอร์ดด้านหลังของเขาและพูดว่า “ข้อพิสูจน์ของผมบอกว่านี่คือคำอธิบายเพียงอย่างเดียวสำหรับการเพิ่มขึ้นของมวลว่ามาจากที่ใดและมันจะไปยังที่ใด มวลไม่ได้แค่เพียงแค่หายไปในสุญญากาศ มันเพียงแต่ตกจากมิติ n+1 มาสู่มิติของเรา”
“ในเรื่องที่ว่าตัวแทนจิตสำนึกนั้นทำการควบคุมมันหรือไม่ อย่างที่ผมได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ คำถามนี้ไม่เกี่ยวข้องกับฟิสิกส์ในขั้นนี้”
เกิดเสียงซุบซิบในห้องบรรยาย
ผู้คนแลกเปลี่ยนความเห็นกันด้วยสีหน้าที่ไม่เชื่อ หวังว่าจะได้รับคำตอบจากสีหน้าต่างๆ ของเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกปัญญาชนระดับโลกจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ แต่ก็มีอยู่ไม่กี่คนที่สามารถเข้าใจกระบวนการพิสูจน์อันคลุมเครือบนไวท์บอร์ด
ช่วงถามตอบก็เริ่มต้นขึ้น
ลู่โจวรู้สึกประหลาดใจ เพราะจริงๆ แล้วไม่มีใครยกมือขึ้นมาเลย
เขาเริ่มครุ่นคิดว่าทฤษฎีที่เขาได้อธิบายไปก่อนหน้านี้ล้ำหน้าเกินไปตอนที่ชายคนหนึ่งลุกยืนขึ้นมากะทันหัน
“ทฤษฎีของคุณพิสูจน์ว่าโลกเสมือนจริงที่ศาสตราจารย์กาแลตต์ มิโร ได้บรรยายไว้นั้นมีอยู่จริง!”
เฟอร์นันโดมีสีหน้าที่ตื่นเต้น เขามองมาที่ลู่โจวและพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิมว่า
“มันยังพิสูจน์ด้วยว่าจิตวิญญาณแห่งจักรวาลอยู่ในทุกที่และมีอำนาจไม่สิ้นสุด”
การขัดจังหวะอย่างฉับพลันนี้ทำให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา
เฟอร์นันโดฟังเสียงระเบิดหัวเราะที่ดังมาจากด้านหลังแล้วหน้าของเขาก็เริ่มแดงเพราะเขาเริ่มรู้สึกโกรธ
ถ้าไม่ใช่เพราะมีตำรวจอยู่ข้างๆ เขา เขาก็คงจะไม่มีวันแสดงการอดกลั้นแบบนี้ออกมา
ลู่โจวไม่ได้หัวเราะเฟอร์นันโด แต่เขากลับพูดอย่างใจเย็นว่า
“ผมเกรงว่าคุณจะไม่ทราบว่าตอนที่ศาสตราจารย์กาแลตต์ มิโร ได้บรรยายถึงโลกเสมือนจริงไว้ เขาได้ยืมทฤษฎีของเขามาจากทฤษฎีมิติพิเศษของผม แน่นอนว่าเขาคงจะไม่เคยบอกคุณในเรื่องนั้น แต่อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ก็ค่อนข้างยากที่จะเข้าใจ”
“ไอ้เด็กเวร!”
เฟอร์นันโดกำหมัดแน่น เขากำลังจะเดินขึ้นไปบนเวที แต่เขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขวางไว้
ลู่โจวเมินเฉยต่อการกระทำของเขาและพูดว่า “ใช่ ผมได้พิสูจน์แล้วว่าวอยด์นั้นมีอยู่จริง และมันอยู่ในทุกที่และก็ไม่ได้อยู่ในที่ใดเลยในเวลาเดียวกัน”
“แต่การที่พูดว่ามันมีอำนาจไม่สิ้นสุดนั้น… นั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
“ผมจะพิสูจน์เรื่องนี้” ลู่โจวมองมาทางผู้ชมในห้องบรรยาย เขาค่อยๆ จัดกระดาษร่างบนโต๊ะบรรยายให้เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงที่นิ่งและทรงพลังว่า “การทดลองต่อไปของ ILHCRC จะเป็นการชนกันของไอออนไฮโดรเจนที่ระดับพลังงาน 10 เทระอิเล็กตรอนโวลต์”
“ผมจะพิสูจน์ว่าวอยด์ไม่ได้มีอำนาจไม่สิ้นสุด”
……………..