Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1225 Dr-111
บางทีหวังเผิงก็รู้สึกว่าลู่โจวไม่ได้สนใจเรื่องสุขภาพของตัวเองแบบจริงๆ จังๆ เลย
ไม่ว่าห้องแล็บมันน่าสนใจแค่ไหน คุณก็ไม่ควรนอนค้างที่นี่นะ ใช่ไหม?
นี่ยังไม่นับว่าคุณเพิ่งเดินทางกลับมาจากเซี่ยงไฮ้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนอีก
เอาจริงๆ นะ ในจุดๆ นี้ ต่อให้ลู่โจวหยุดทำงานทุกอย่าง เขาก็ยังทำคุณูปการให้โลกนี้มากมายชนิดที่ว่าเกิดใหม่ 20 ชาติก็ยังใช้เงินที่ได้มาจากผลงานของเขาไม่หมด การที่เขายังมีชีวิตอยู่ก็เป็นเหมือนกับอนุสาวรีย์หรือไม่ก็ภาพวาด แค่เขายืนอยู่ตรงนั้นเฉยๆ ก็มีค่ามากพอให้มีคนคอยชื่นชมเขาแล้ว
ในความคิดของหวังเผิงนั้นไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่าสุขภาพของตัวเองอีกแล้ว แม้กระทั่งความสำเร็จติดๆ กันที่ลู่โจวสร้างขึ้นในโปรเจกต์นิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ หรือเรื่องการส่งนักบินอวกาศไปดวงจันทร์ก็ยังไม่สำคัญเท่าเรื่องสุขภาพ…
หวังเผิงนึกย้อนกลับไปถึงคำแนะนำของหมอเหยียนว่านักวิชาการลู่ควรจะใส่ใจสุขภาพตัวเองด้วยวิธีใด เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองต้องรับผิดชอบทั้งความปลอดภัยของตัวลู่โจว รวมไปถึงสุขภาพของอีกฝ่ายด้วย
ฉันควรจะทำอย่างไรดี?
ฉันโน้มน้าวเขาไม่ได้เลย
หวังเผิงหยิบบุหรี่ขึ้นมาจากกระเป๋า เขาจุดบุหรี่และเริ่มพ่นควันออกมาจากหน้าต่างรถด้วยท่าทางเศร้าๆ
ภารกิจรักษาความปลอดภัยให้ลู่โจวอาจจะเป็นภารกิจที่นานที่สุด สร้างปัญหาให้เขามากที่สุด และยากที่สุดตั้งแต่ที่เขาทำอาชีพนี้มาเลย…
…
ระหว่างที่ลู่โจวอยู่บนรถ เขาก็จองสิทธิ์การใช้ห้องแล็บชีววิทยาไว้แล้ว
พอมาถึงแล็บลู่โจวก็พุ่งไปที่ซิงก์ล้างมือเพื่อล้างมือตัวเองทันที จากนั้นก็บอกให้เสี่ยวไอคอยจับตามองตึกทั้งตึกไว้จะได้ไม่เหลือร่องรอยไว้ให้คนอื่นในภายหลัง เมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้วเขาจึงหยิบท่อโลหะออกมาจากมิติระบบ
พื้นผิวของท่อโลหะเรืองแสงสีเงินจางๆ ที่แม้จะอยู่ใต้หลอดไส้ก็ยังมองเห็นแสงนั้น ทำให้เกิดภาพขัดกันกับของเหลวหนืดสีเขียวเข้มในท่อเป็นอย่างมาก
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เขาหยิบท่อโลหะมาแล้วมุ่งหน้าไปที่ตู้ปลอดเชื้อสีขาว ซึ่งมีขนาดใหญ่เท่าตู้เย็นทั่วไปสองเครื่องวางติดกัน เขาค่อยๆ วางท่อเข้าไปในตู้ปลอดเชื้ออย่างระมัดระวัง แล้วจึงเริ่มกดปุ่มให้ตู้ทำงาน
ตู้ปลอดเชื้อเครื่องนี้เป็นตู้ที่สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงสั่งทำจากบริษัทอุปกรณ์ทางการแพทย์ของเยอรมนีมาโดยเฉพาะ มันใช้เทคโนโลยีแยกม่านอากาศและมีฟิลเตอร์ ULPA ที่มีประสิทธิภาพสูงมากเป็นพิเศษ มันมีประสิทธิภาพในการสกัดกั้นอนุภาคที่ใหญ่กว่า 0.12 ไมครอนได้ถึง 99.999% รวมถึงยังมีระบบกรองสองชั้นอีกด้วย
และยังมีปั๊มอากาศพลังสูงในตัวซึ่งสามารถสร้างระบบสุญญากาศ ระบบฆ่าเชื้อด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต และระบบน้ำกรดที่ใช้ทำลายแบคทีเรียสายพันธุ์พิเศษบางชนิด…ซึ่งจะเป็นหายนะของพวกจุลินทรีย์ต่างๆ เลย สรุปก็คือมันเป็นเครื่องที่ปลอดภัยมาก
ลู่โจวมั่นใจว่าถ้าอัมเบรลลาคอร์ปอเรชันยอมจ่ายเงินมากพอเพื่อซื้ออุปกรณ์รักษาความปลอดภัยเหมือนกับเขาแล้วล่ะก็ ชาวเมืองแรคคูนซิตีก็ไม่ต้องตายอย่างทุกข์ทรมานแบบนั้นหรอก
นอกจากจะมีถุงมือลาเท็กซ์ที่ใช้ในการทดลองแบบแมนนวลแล้ว ในตู้ปลอดเชื้อก็ยังมีแขนกลพลังงานไฟฟ้าที่เคลื่อนไหวได้อย่างยืดหยุ่นทั้งสองข้างอีกด้วย
นอกจากจะทำการทดลองแบบแมนนวลได้แล้ว นักวิจัยที่ใช้เจ้าตู้นี้ยังสามารถใช้โปรแกรมที่ควบคุมด้วยตัวเลขในการดัดแปลงตัวอย่างในตู้ปลอดเชื้อได้อย่างแม่นยำตามต้องการอีกด้วย
แต่จริงๆ นักวิจัยส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากระบบตัวเลขนี้หรอก เพราะการทดลองส่วนใหญ่ก็สามารถทำในแบบแมนนวลได้อยู่แล้ว และสำหรับลู่โจวที่มีคู่แล็บแสนฉลาดอย่างเสี่ยวไอแล้ว เจ้าโปรแกรมคำนวณนี้ก็กลายเป็นสิ่งที่ไร้สาระไปเลย
เนื่องจากมีฟีเจอร์มีประโยชน์ที่ทำได้หลายอย่างมาก ราคาของตู้ปลอดเชื้อนี้จึงค่อนข้างแพงพอสมควร สตาร์สกายเทคโนโลยีซื้อตู้ปลอดเชื้อนี้มาสองเครื่อง เครื่องหนึ่งก็ราคาประมาณสิบล้านหยวนได้
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับอุปกรณ์ทดลองทางชีววิทยาอื่นๆ แล้ว ราคาสิบล้านหยวนก็เป็นแค่เรื่องจิ๊บๆ กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนไครโอเจนิกเครื่องหนึ่งมีราคาสามสิบล้านหยวน
แต่กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนไครโอเจนิกนั้นเป็นอุปกรณ์ที่อยู่คนละระดับกันกับตู้ไปเลย เพราะปกติแล้ว ตู้ปลอดเชื้อจะราคาอยู่แค่เครื่องละสองหมื่นหยวนเท่านั้น!
นี่แหละคือสิ่งที่เกิดขึ้นประจำวันของสถาบันวิจัยที่ร่ำรวย
สถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูงมีความร่ำรวยเกินกว่าที่นักวิชาการส่วนใหญ่จะจินตนาการได้
เพราะว่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลองต่างๆ มีราคาสูงเกินไป นักวิจัยส่วนใหญ่ที่เข้ามาในห้องแล็บก็มักจะตัวสั่นด้วยความกลัวกันทั้งนั้น
ถ้าพลาดเล็กๆ ไปเพียงครั้งเดียว ราคาที่ต้องจ่ายอาจจะมากกว่าราคารถคันหนึ่งก็ได้
แต่จริงๆ แล้ว พวกเขาไม่ควรต้องมากังวลเรื่องพวกนั้นเลย ลู่โจวคิดว่าอุปกรณ์ทดลองพวกนั้นมันเป็นสิ่งที่ใช้ไปแล้วก็หามาใหม่ได้ ถ้าพังก็ซื้อใหม่เสียสิ ไม่เห็นต้องมานั่งประคบประหงมเครื่องเหมือนมันเป็นเด็กบ้านรวยสักคนเลย
เขาอยากให้มีนักวิจัยในสถาบันที่กล้าทดลองทุกอย่างที่ตัวเองต้องการมากกว่า
เขามองว่าเงินทุกหยวนที่ใช้ในการวิจัยวิทยาศาสตร์นั้นคุ้มค่าตลอด ต่อให้ไม่คุ้มค่าในตอนนี้ มันก็จะไปคุ้มค่าในอนาคตอยู่ดี
หลังจากตั้งค่าพารามิเตอร์ทดลองแล้ว ลู่โจวก็เดินไปทางเครื่องชงกาแฟแล้วทำกาแฟมาแก้วหนึ่ง
เขารออยู่เงียบๆ พักหนึ่ง
ไม่นานนักข้อมูลจากการตรวจแล็บต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพกล้องจุลทรรศน์ ผลตรวจความเป็นพิษ และอื่นๆ อีกมากมายก็ถูกเขียนมาในรายงานการทดลองแล้วนำมาให้เขาอ่าน
และก็เหมือนกับที่เขาเดาไว้ก่อนหน้า เจ้าของเหลวสีเขียวเข้มนี้ทำมาจากจุลินทรีย์พิเศษบางจำพวก และปลอดภัยไร้ความเป็นพิษ
ผู้สังเกตการณ์จากเดอะวอยด์ไม่ได้เอาอาวุธชีวภาพมาใส่ในท่อโลหะนี้เพื่อวางแผนลอบสังหารเขาจริงๆ อย่างน้อยตอนนี้ เขาก็ยังไม่เห็นว่าเจ้าท่อนี่จะมีอันตรายอะไร
จุลินทรีย์สีเขียวเข้มมีรูปทรงเหมือนกระสวยทอผ้า เมื่อใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูก็จะเห็นว่ามันขยับไปมาอย่างช้าๆ ด้วยความเร็วที่คงที่
นอกจากจะมีออร์แกเนลล์เหมือนที่สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่มีแล้ว เจ้าจุลินทรีย์นี้ยังมีเมือกชั้นพิเศษเคลือบไว้เหนือชั้นพื้นผิวของเซลล์อีกด้วย ชั้นเมือกนี้เป็นเหมือนกับชั้นกาวไฮโดรโฟบิก มันเชื่อมจุลินทรีย์ให้ติดกันและทำให้แลกเปลี่ยนฟีโรโมนพิเศษบางชนิดกันได้อีกด้วย
จุลินทรีย์ชนิดนี้ยังมีลักษณะเฉพาะที่แปลกกว่าจุลินทรีย์ทั่วไปตรงที่ดีเอ็นเอกับอาร์เอ็นเอของมันมีความมั่นคงที่สูงมากเป็นพิเศษ พูดง่ายๆ เลยก็คือ เพื่อให้จุลินทรีย์สามารถขยายพันธุ์ต่อไปได้ จุลินทรีย์ส่วนใหญ่จึงสามารถเลือกนำเศษบางส่วนของอาร์เอ็นเอหรือดีเอ็นเอในจุลินทรีย์อื่นหลังจากกลืนกินพวกมันเข้าไป วิธีนี้เกิดขึ้นมาเพื่อเพิ่มโอกาสการอยู่รอดของพวกมันให้มากขึ้น
แต่จุลินทรีย์นี้มันต่างกัน หลังจากที่มันกินจุลินทรีย์ชนิดอื่นที่มีขนาดเล็กกว่าไปแล้วพวกมันกลับไม่ได้เอาเศษดีเอ็นเอหรืออาร์เอ็นเอจากพวกนั้นมาเป็นของตัวเอง แต่มันกลับทำลายพวกมันและแปรเปลี่ยนพวกมันโดยตรงให้กลายเป็นพลังงานในการใช้งาน
และพวกมันยังรวมตัวกันเป็นหนึ่งอีกด้วย พวกมันไม่ยอมให้เกิดการกลายพันธุ์จากองค์ประกอบภายนอกเลย การกลายพันธุ์จากองค์ประกอบภายในก็เหมือนกัน
ถ้าจุลินทรีย์เกิดการกลายพันธุ์แล้วล่ะก็ ก็จะไม่สามารถแลกเปลี่ยนฟีโรโมนชนิดพิเศษให้สำเร็จได้ จุลินทรีย์นี้จะถูกจุลินทรีย์อื่นกลืนกินและย่อยสลายอย่างรวดเร็ว…คล้ายกับการจัดการเซลล์มะเร็ง
องค์ประกอบของจุลินทรีย์ที่อยู่รวมกันนี้ต่อต้านการกลายพันธุ์ทุกชนิดและยังคงความบริสุทธิ์ของยีนรวมได้
นึกภาพไม่ออกเลยว่าจุลินทรีย์ที่ ‘ดื้อรั้น’ ขนาดนี้สามารถรอดผ่านกระบวนการคัดสรรทางธรรมชาติมาได้อย่างไร
ขุมทรัพย์ส่วนใหญ่ที่อารยธรรมวอยด์นำมามอบให้ลู่โจวมักจะเป็น ‘มรดกทางวัฒนธรรม’ ที่อารยธรรมนี้ทิ้งไว้ก่อนจะตายจากไป ลู่โจวคาดการณ์ว่าจุลินทรีย์พวกนี้อาจจะเป็นผลงานชิ้นโบแดงของอารยธรรมที่มีเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง
เพื่อที่จะสามารถสังเกตการณ์กระบวนการกลืนกินของจุลินทรีย์นั้นได้ ลู่โจวจึงสั่งให้เสี่ยวไอวางเศษขนมปังน้ำหนัก 1 กรัม ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.3 มิลลิเมตรลงไปในจานเพาะเชื้อ จากนั้นเขาก็สังเกตปฏิกิริยาของจุลินทรีย์ผ่านกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน
เมื่อเศษขนมปังแตะโดนชั้นเมือกที่อยู่บนพื้นผิวของจุลินทรีย์ เศษขนมปังก็ค่อยๆ สลายเป็นสสารออร์แกนิกชิ้นเล็กๆ ก่อนจะถูกกลืนเข้าไปในเซลล์ในที่สุด
หลังจากผ่านการสลายสารอาหารระดับเซลล์แบบพิเศษเสร็จสิ้น สสารออร์แกนิกพวกนี้ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานและคาร์บอนไดออกไซด์ รวมไปถึงสารคีโตนชนิดพิเศษเช่นกัน
คีโตนชนิดนี้จะเป็นคล้ายๆ กับตัวกลางสังเคราะห์ของไขมันทรานส์ แต่ลู่โจวก็ไม่ได้สังเกตปฏิกิริยาเพิ่มเติมอะไร
ในระหว่างตรวจสอบความเป็นพิษนั้น คีโตนนี้เหมือนจะดูไม่มีปฏิกิริยาทำร้ายอะไรสิ่งมีชีวิตอื่นๆ แต่มันกลับมีการแบ่งตัวและการขยายพันธุ์ในตัวจุลินทรีย์เอง
“เป็นพวกจุลินทรีย์ย่อยสลายแบบพิเศษเหรอ?
นี่น่าจะดีต่อการดูแลระบบระบายน้ำและของเสียในเมืองมาก แต่ความเร็วในการแบ่งตัวของมันดูจะช้ามากไปหน่อย
การหลั่งเซลล์ออกมามีองค์ประกอบเดียว และยังไม่มีสารก่อภูมิแพ้ที่อาจจะกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ต่อร่างกายมนุษย์ได้ มันน่าจะนำไปกินเป็นอาหารได้…แต่รสชาติจะไม่ดีเท่าไร
บางทีเอาไปทำที่มาสก์หน้าหรืออะไรทำนองนั้นก็อาจจะดีหรือเปล่านะ?”
ลู่โจวมองเจ้าจุลินทรีย์สีเขียวเข้มด้วยสีหน้าแปลกๆ
เอาตรงๆ แล้วก็คือเขาไม่อยากจะเชื่อเรื่องพวกนี้เลย
แต่สุดท้ายมันก็เป็นของขวัญจากเดอะวอยด์
ถ้าประโยชน์ของมันจะมีแค่การทำความสะอาดของเสียในท่อระบายน้ำและการเป็นที่มาสก์หน้าแล้วล่ะก็ เขาจะผิดหวังมาก
ถึงมันจะมีคุณค่าทางเศรษฐกิจ แต่สำหรับเขามันก็ดูไร้ค่าอยู่ดี
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้านอกหน้าต่างเริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆ
ลู่โจวใช้เวลาทั้งคืนไปกับการทำการทดลองนับไม่ถ้วน เขามองรายงานทดลองในมือแล้วเช็ดจมูกตัวเอง
หากพูดรวบๆ เลยก็คือเขาได้เรียนรู้อะไรมามาก
น่าเสียดายที่เจ้าจุลินทรีย์ปริศนานี้ดูจะไม่มีประโยชน์อะไรเท่าไร
ไม่ใช่เพียงแค่นั้น แต่อัตราการเจริญเติบโตของมันยังค่อนข้างช้าอีกด้วย หลังจากที่มันเริ่มขยายขนาดเป็นขนาดพอๆ กับกำปั้นแล้ว มันจะไม่ได้ขยายพันธุ์ต่อ
ดูเหมือนว่าฟีโรโมนที่หมุนเวียนอยู่ในจุลินทรีย์จะปรับตัวเข้ากับจำนวนประชากรสิ่งมีชีวิตในจุลินทรีย์โดยอัตโนมัติ ทำให้ขนาดโดยรวมของมันอยู่ในระยะจำกัด
ถ้าเขาอยากจะทำให้มันขยายพันธุ์ได้ต่อ เขาต้องเริ่มแยกจุลินทรีย์แต่ละชนิดออกมาและขัดกระบวนการแลกเปลี่ยนฟีโรโมนนี้เสียก่อน
ถ้านำเจ้านี่ไปใช้ในการทำความสะอาดระบบระบายน้ำและของเสียอย่างเดียวล่ะก็ มันก็คงจะไม่ได้มีประโยชน์ไปมากกว่าพวกจุลินทรีย์อื่นๆ หรอก สาเหตุง่ายๆ ก็มาจากการขยายจำนวนของมันที่ช้านี่แหละ
ส่วนเรื่องการเอาไปทำที่มาสก์หน้า…
เขาไม่อยากจะเอาเจ้านี่ไปขายเป็นที่มาสก์หน้าในราคาไม่กี่ดอลลาร์เลย
ตลกสิ้นดี!
เสี่ยวไอ: [เจ้านาย อยากจะหยุดการทดลองเลยไหม? ( ́v`)]
ลู่โจวพยักหน้าแล้วบอกว่า “อ่าฮะ วันนี้พอแล้วล่ะ…อย่าลืมเก็บกวาดด้วยนะ”
เสี่ยวไอ [ได้เลย! แล้วก็นะ แล้วก็นะ เจ้านาย เจ้านายยังไม่ได้ตั้งชื่อจุลินทรีย์อันนี้เลย อยากให้เสี่ยวไอช่วยไหม? (๑•̀ᄇ•́)و✧]
“ไม่เป็นไร…”
แน่นอน ฉันต้องเป็นคนตั้งชื่อเองอยู่แล้ว ไม่มีทางปล่อยให้โปรแกรมเอไอเพี้ยนนี่ตั้งแน่ๆ
หลังจากคิดอยู่แป๊บหนึ่ง ลู่โจวก็เหลือบมองไปทางรายงานผลการทดลองในมือ เขาหยิบปากกาขึ้นมาแล้วเขียนชื่อ [Dr-111] ลงไป
“เรียกชื่อนี้ก็แล้วกัน”
เสี่ยวไอ [แล้ว…ชื่อนี้มีความหมายอะไรพิเศษหรือเปล่าเจ้านาย?? (•̀∀•́)]
ลู่โจว “มันต้องมีด้วยเหรอ?”
เสี่ยวไอ [ก็ไม่ต้องมีหรอกเจ้านาย แต่เสี่ยวไอว่าเสี่ยวไออยากเป็นฝ่ายตั้งชื่อครั้งหน้ามั่งอะ…|○゚ω゚)っ]]
ลู่โจว “…”
อะไรของเอไอตัวนี้วะเนี่ย…
หลังจากที่ลู่โจวลงทะเบียนชื่อ [Dr-111] ลงไปในฐานข้อมูลแล้ว เขาก็เก็บรวบรวมข้อมูลการทดลองทั้งหมดมาจากคอมพิวเตอร์ เสี่ยวไอเริ่มย้ายไปควบคุมตู้ฆ่าเชื้อและทำการฆ่าเชื้อสารตกค้างภายใน
ท่อโลหะถูกนำออกมาจากตู้ฆ่าเชื้อปั๊มอากาศลำเลียงอากาศออกมาจากตู้ หลังจากฆ่าเชื้อด้วยรังสีอัลตราไวโอเลตแล้ว ภายในตู้ฆ่าเชื้อก็เต็มไปด้วยจุลินทรีย์ที่ตายแล้ว
แต่มีบางอย่างกำลังผิดปกติ
เมือกสีเขียวเข้มที่วางอยู่บนจานเพาะเชื้อระเหิดและหดตัวไปด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่มันกลับสามารถคงรูปร่างของตัวเองไว้ได้
เหมือนหอยทากโดนโรยเกลือใส่…
“ปิดระบบฆ่าเชื้อด้วยรังสียูวีเดี๋ยวนี้!”
เสี่ยวไอ [อะไรนะเจ้านาย? 0.0]
ถึงแม้เสี่ยวไอจะยังสับสนกับคำสั่งกะทันหันของลู่โจว มันก็ยังปิดระบบฆ่าเชื้อด้วยรังสียูวีตามที่เจ้านายสั่งมา
รังสีอัลตราไวโอเลตค่อยๆ อ่อนลงอย่างช้าๆ แล้วจู่ๆ ลู่โจวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ฉันพอจะเข้าใจแล้ว…
ว่าอารยธรรมที่สาบสูญสร้างจุลินทรีย์ ‘ดื้อรั้น’ นี้ขึ้นมาทำไม
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเจ้าจุลินทรีย์ที่ทนทายาดนี้จะนำไปใช้ทำอะไรได้…
……………………