Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1228 เทคโนโลยีโฮโลแกรมที่ดีที่สุด
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1228 เทคโนโลยีโฮโลแกรมที่ดีที่สุด
ลู่โจวกลับมาสนใจเรื่องคณะกรรมการบนดวงจันทร์ เขากำลังจะทำภารกิจห่วงโซ่ ‘ควบคุมโลกและจันทรา’ ได้สำเร็จแล้ว ในทางกลับกันเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งก็กำลังอยู่ที่รังนก[1]แห่งปักกิ่งกำลังย้ายกล่องกระดาษเข้ามาในตัวอาคารอยู่
บนเวทีที่ห่างออกไปไม่ไกลนั้น ก็มีผู้อำนวยการที่ใส่หมวกนิรภัยและมีลูกน้องร่วมทีมเดินตามเป็นคณะ เขาดูเหมือนจะกำลังมาดูเวทีแบบออนไซต์อยู่
ทุกคนมีงานของตัวเองต้องทำ ไม่มีใครสักคนที่กำลังอู้งาน
ผู้อำนวยการหลี่มองพื้นที่ที่มีแต่คนยุ่งแล้วก็เอ่ยถามขึ้นว่า
“เกิดอะไรขึ้น…ที่นี่เนี่ย?”
ชายที่ยืนอยู่ข้างเขาคือโอวไห่เฟิง หัวหน้าสำนักงานกระทรวงความบันเทิงแห่งรัฐ
เขาอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “ก็วันชาติใกล้มาถึงแล้วนี่นา”
“วันชาติเหรอ? ยังอีกพักใหญ่เลยไม่ใช่เหรอ?”
ผู้อำนวยการหลี่คิดกับตัวเองว่าวันแรงงานก็ยังไม่ถึงเลย แต่พวกเขากำลังวางแผนจะเฉลิมฉลองวันชาติกันแล้วเนี่ยนะ มันจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอ?
ผู้อำนวยการโอวส่ายหัวแล้วบอกว่า “ไม่เร็วไปหรอก อีกแค่ห้าเดือนเอง ถ้าเป็นคุณก็ต้องเตรียมตัวทุกอย่างล่วงหน้าเหมือนกันใช่ไหม? นี่ยังไม่นับด้วยนะว่ามันเป็นการเฉลิมฉลองวันชาติ พวกเราต้องเตรียมตัวกันหมด!”
ผู้อำนวยการหลี่คิดว่าผู้อำนวยการโอวจะพูดจบแล้ว เขาไม่ได้คิดว่าผู้อำนวยการโอวจะถอนหายใจแล้วเริ่มพูดต่อจากใจจริงว่า “การเฉลิมฉลองครั้งนี้ต่างจากในอดีต หัวหน้ากระทรวงของเราเน้นย้ำเป็นพิเศษตอนประชุมงานไว้ว่า การฉลองครั้งนี้จะต้องใหญ่กว่าทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา อีกทั้งยังต้องทำในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนอีกด้วย พวกเราต้องแสดงให้โลกได้เห็นถึงภาพลักษณ์ของชาติเราและวัฒนธรรมของประเทศเราด้วย”
ผู้อำนวยการหลี่อดขมวดคิ้วไม่ได้
“คุณช่วยพูดให้มันชัดๆ หน่อยได้ไหม?”
“ง่ายๆ เลยก็หมายความว่าวิทยาศาสตร์กับเทคโนโลยีจะต้องเป็นสิ่งที่ได้รับการเน้นย้ำในงานฉลองครั้งนี้ เราต้องไฮไลต์ถึงความเปลี่ยนแปลงที่วิทยาศาสตร์กับเทคโนโลยีได้นำมาสู่ชีวิตของประชาชนและความแข็งแกร่งของประเทศเรา พวกเรายังต้องคำนึงถึงเรื่องความสุนทรีย์และจัดโชว์ที่คนอื่นอยากเห็นด้วย ระดับความตื่นเต้นของงานควรจะเท่ากับงานพาเหรดทหาร”
ผู้อำนวยการหลี่พึมพำขึ้นมา “เทียบเท่ากับงานพาเหรดทหารเหรอ…นั่นท่าจะยากแล้วล่ะ”
ไม่ใช่แค่ยากนะ เอาจริงๆ คือ น่าจะเป็นไปไม่ได้เลยล่ะ
“อ่าฮะ” ผู้อำนวยการโอวเริ่มปวดหัวแล้ว เขาพูดขึ้นว่า “ผมก็รู้อยู่แล้วว่ามันยาก! ดูบนหัวผมสิ ผมหงอกหมดแล้ว”
ผู้อำนวยการหลี่เอ่ย “อันที่จริงแล้ว ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร ทำไมการเฉลิมฉลองที่สำคัญขนาดนี้ถึงถูกโยนมาให้หน่วยงานคุณรับผิดชอบล่ะ?”
“เฮ้อ! ผมก็ไม่อยากได้เจ้านี่เหมือนกัน! จริงๆ แล้วคนที่ต้องรับผิดชอบงานนี้ก็คือทบวงการจัดตั้งแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั่นแหละ แต่พอเจ้าคนที่รับงานมาได้ยินว่างานนี้ต้องการนู่นต้องการนี่มากแค่ไหน เขาก็โบ้ยงานมาที่หน่วยงานเราทันที พวกเขาบอกว่าพวกเรามีคนที่มีหัวด้านศิลปะอยู่ในหน่วยงานของเรา…แต่พวกคนหัวศิลป์จะไปทำอะไรได้? ถ้าพวกเรามีคนฉลาดๆ ด้านศิลปะกับเทคโนโลยีก็ดีสิ”
ผู้อำนวยการหลี่กลับมาสู่โลกแห่งความจริงแล้วขัดอีกฝ่ายว่า
“คุณหมายความว่าอะไรกันแน่ คุณอยากจะโยนงานนี้ให้พวกเราอย่างนั้นเหรอ? ขอบอกเลยนะว่าอย่าแม้แต่จะคิด กระทรวงป้องกันราชอาณาจักรมีไว้เพื่อจัดการกับเรื่องอาวุธที่อันตรายที่สุดของประเทศนี้ อย่าเอาเรื่องงานฉลองเล่นใหญ่อะไรมาโยนให้พวกเราทำ”
“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นซะหน่อย พวกเราจะปล่อยให้พวกคุณมาดูแลงานที่สร้างสรรค์และเกี่ยวกับศิลปะได้อย่างไรกัน แต่…จริงๆ พวกคุณก็ทำงานด้านวิทยาศาสตร์กับเทคโนโลยีไม่ใช่เหรอ?” รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้าของผู้อำนวยการโอวอย่างรวดเร็วเมื่อเขาเห็นสีหน้าของผู้อำนวยการหลี่ เขาพูดขึ้นว่า “ผมก็แค่จะถามว่ามีผลงานประดิษฐ์ไฮเทคชิ้นไหนไหมที่ไม่เพียงแต่จะช่วยไฮไลต์ความสำคัญของเทคโนโลยีต่อชีวิตคนได้ แต่ยังสามารถช่วยในมุมของความคิดสร้างสรรค์และศิลปะได้ด้วยไหม?”
ผู้อำนวยการหลี่รู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนหยาม
“คุณคิดว่าเทคโนโลยีคืออะไรกันแน่? คิดว่ามันเป็นภาพวาดที่คุณจะเอาออกมาตั้งโชว์ได้ทุกเมื่อตามต้องการเหรอ?”
“คุณพูดถูกแล้ว ผมคิดแบบนั้นแหละ!” ผู้อำนวยการโอวพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวด “แต่มันก็มีปัญหาอยู่ พวกคนเบื้องบนต้องการให้เราประสบความสำเร็จในการทำแบบนี้ หน่วยงานของเราประชุมเรื่องนี้กันหลายต่อหลายครั้งแล้ว หัวหน้าที่อยู่ตำแหน่งสูงๆ ก็บอกผมมา 5 ครั้งเป็นอย่างต่ำแล้วว่าผมต้องทำงานนี้ออกมาให้ดี ต้องโชว์สมองความคิดสร้างสรรค์สุดอัจฉริยะให้คนในทบวงการจัดตั้งแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ดู ผมก็ไม่รู้แล้วว่าผมต้องทำอย่างไรดี ก็เลยมาถามคุณนี่แหละ!”
ผู้อำนวยการหลี่มองผู้อำนวยการโอวอย่างเงียบงัน เขานึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงพูดตอบกลับไปว่า
“มันเป็นสถานการณ์ที่ลำบากจริงๆ แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว…ผมว่าผมอาจจะช่วยคุณได้บ้าง”
“อะไรนะ?” ผู้อำนวยการโอวพูดเร็วจี๋ เหมือนกับเขากำลังพยายามไขว่คว้าฟางเส้นสุดท้ายให้รอดชีวิต “บอกผมมาที!”
“ภาพฉายโฮโลแกรม!”
ผู้อำนวยการหลี่นึกถึงสิ่งที่เขาเห็นที่สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงขึ้นมาได้ เขาใช้มือทำท่าอธิบายและเล่าให้ฟังด้วยภาษาที่เห็นภาพว่า “ไปหาเครื่องฉายขนาดเท่าสนามกีฬามาแล้วก็ให้มันคลุมทั่วทั้งอาณาเขตคนดูเลย…เนื้อหาที่ฉายจะเป็นอะไรไม่สำคัญ แต่แค่นี้ก็จะถือเป็นการโชว์ความสำคัญด้านวิทยาศาสตร์กับเทคโนโลยีให้นับว่าเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่แล้ว!”
เขายังจำภาพแบบจำลองรถถังที่ดูเหมือนของจริงตอนที่เห็นที่สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงได้ เขายังหงุดหงิดอยู่ที่ไม่สามารถนำมันใส่เรือบรรทุกอากาศยานกลับมาได้
แต่ถึงแม้มันจะไม่สามารถติดตั้งหรือขยับบนพื้นดินได้ การนำมันไปวางไว้ในสนามกีฬาเฉยๆ ก็ดูจะไม่ได้เป็นปัญหาอะไร
ในความคิดของเขาแล้ว สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงสามารถทำการแสดงความบันเทิงได้สบายๆ
เมื่อโอวไห่เฟิงได้ยินคำพูดของผู้อำนวยการหลี่ เขาก็นิ่งงันไป
เขาอ้าปากขึ้นมาพูดว่า
“ภาพฉาย…โฮโลแกรมเหรอ?
เครื่องฉายภาพโฮโลแกรมขนาดเท่ารังนกน่ะนะ? มันจะ…เป็นไปได้เหรอ?”
เขาเคยเห็นแต่ภาพโฮโลแกรมในหนังไซไฟทำเงินของอเมริกา ตอนที่เขากำลังตรวจดูหนังที่นำเข้าประเทศมาเท่านั้น
“มันน่าจะไม่เป็นอะไรหรอก…ในงานโอลิมปิกที่โตเกียวก็มีภาพฉายโฮโลแกรมใหญ่เบ้อเริ่มไม่ใช่หรือไงกัน? นี่ก็ปี 2023 แล้วนะ อันที่ใหญ่กว่านั้นก็ไม่ใช่ว่าจะหาไม่ได้หรอก ใช่ไหม? เวลามันเปลี่ยนไปแล้ว ในประเทศของเรามีบริษัทไฮเทคมากมาย ต้องมีสักวิธีที่ทำมันขึ้นมาได้แหละน่า”
อันที่จริงผู้อำนวยการหลี่อยากจะไปคุยเรื่องนี้กับสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงเลย แต่เขาคิดว่าลู่โจวอาจจะรำคาญเรื่องนี้ และยังไม่นับว่าเทคโนโลยีที่นั่นก็ดูจะยังไม่พร้อมด้วย
แต่คำใบ้ของเขาก็เป็นสิ่งที่ชัดมากจนแทบจะบอกอีกฝ่ายโต้งๆ แล้ว ตราบใดที่ผู้อำนวยการโอวฉลาดพอ เขาจะต้องติดต่อกับสตาร์สกายเทคโนโลยีแน่ๆ
ด้วยวิธีนี้ ผู้อำนวยการหลี่จะได้ไม่ต้องเป็นคนไปขอความช่วยเหลือจากลู่โจว
ผู้อำนวยการโอวขมวดคิ้วและครุ่นคิด
“ผมจะเอาเรื่องนี้ไปคิดก็แล้วกัน”
ผู้อำนวยการหลี่เสริม “คุณเอาไปคิดตามสบายเลย ผมก็แค่คิดว่ามันเป็นไปได้จริงแน่นอน!”
หลังจากผู้อำนวยการหลี่เดินไปรอบๆ สนามกีฬาและให้คำแนะนำในฐานะตัวแทนของกระทรวงป้องกันราชอาณาจักรแล้ว เขาก็รีบออกจากรังนกทันที
ถึงแม้ภายนอกเขาจะดูมีสีหน้าภูมิใจและยิ่งทระนง แต่แท้จริงแล้วเขากำลังยิ้มอยู่ข้างใน
สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงมักจะเป็นฝ่ายที่อวดผลงานกับเขาเสมอ ครั้งนี้เขาได้เป็นฝ่ายอวดคนอื่นบ้างแล้ว รู้สึกดีเป็นบ้า
ผู้อำนวยการหลี่เข้าไปนั่งในรถแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วเขาก็พูดอย่างเชื่อมั่นว่า
“เสี่ยวเฉิน ความรู้คือทุกสิ่งทุกอย่างนะ!”
คนขับที่นั่งข้างหน้าถึงกับงง แต่เขาก็ยิ้มแล้วเริ่มประจบผู้อำนวยการหลี่
“ถูกต้องแล้วครับท่านผู้อำนวยการ! เขาก็พูดกันว่า การลงทุนในความรู้ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด!”
“โอเค พอแล้วๆ ไม่ต้องสาธยายอะไรมากหรอก ขับรถไปเถอะ”
“ครับท่าน!”
หลังจากตัดบทเสี่ยวเฉิน ผู้อำนวยการหลี่ที่นั่งอยู่เบาะหลังก็เริ่มครุ่นคิด เขารู้สึกว่าเขาควรจะทำตามคำขอที่ได้มาให้เสร็จ หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งเขาก็ตัดสินใจโทรหาลู่โจว
เพราะเขาเป็นพวกคนหัวเก่า
ถึงงานแสดงละครจะไม่ใช่งานใหญ่อะไร แต่มันก็จัดขึ้นในวันชาติของแผ่นดินแม่แห่งนี้ มันจะแสดงถึงภาพลักษณ์ของชาติจีน ยังไม่นับว่าเขาก็เข้าไปให้คำแนะนำเจ้าหน้าที่ในสนามกีฬามาแล้วด้วย เขาไม่สามารถปล่อยให้งานนี้พังได้
เมื่ออีกฝ่ายรับสาย เขาก็ไม่ปล่อยให้ลู่โจวได้มีจังหวะปฏิเสธ เขาพูดด้วยความกระตือรือร้นและรอยยิ้มว่า
“นักวิชาการลู่! มีข่าวดี! เมื่อกี้นี้เอง ผมเพิ่งช่วยให้คุณได้รับโปรเจกต์ใหญ่นะ! ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก เป็นหน้าที่ที่ผมต้องช่วยบริษัทไฮเทคอยู่แล้ว”
“อะไรนะ? ไม่ มันไม่ใช่งานเจ้าปัญหาหรอก! ทำไมคุณต้องทึกทักไปเองอย่างนั้นด้วยล่ะ? คุณเห็นผมเป็นคนแบบนั้นเหรอ?
โอเค โอเค ฟังนะลู่โจว ที่นี่ลมแรงมากเลย ผมเลยได้ยินคุณไม่ถนัดเท่าไร เดี๋ยวอีกสองวันจะมีคนติดต่อไปหาคุณนะ แค่นี้แหละ ผมวางสายแล้ว!”
เขากดปุ่มวางสายแล้วเก็บโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋า ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏอยู่
เสี่ยวเฉินมองสถานการณ์จากกระจกมองหลัง เขาถึงกับอึ้งและพูดอะไรไม่ออก เขาสูดลมหายใจเข้าไปเงียบๆ ไม่กล้าแสดงท่าทีอะไรให้อีกฝ่ายหันมาสนใจตัวเอง
เขารู้สึกว่าภาพลักษณ์ผู้อำนวยการหลี่ผู้ยิ่งใหญ่และทรงพลังในหัวของเขาเพิ่งจะแตกเพล้งเป็นเสี่ยงๆ ไปเมื่อครู่นี้เอง
…
ในอีกฝั่งหนึ่ง หลังจากที่ส่งผู้อำนวยการหลี่ขึ้นรถไป ผู้อำนวยการโอวก็เดินกลับเข้าสนามกีฬาและเริ่มคิดถึงเรื่องที่ผู้อำนวยการหลี่พูดมาก่อนหน้านี้
ไม่ว่าอย่างไรผู้อำนวยการหลี่ก็เป็นหัวหน้าผู้นำของกระทรวงป้องกันราชอาณาจักร คำพูดของเขาค่อนข้างจะมีความหมาย
ถึงเขาจะยังไม่รู้ว่าเทคโนโลยีโฮโลแกรมสมัยนี้พัฒนาไปถึงไหนแล้ว แต่จากที่ผู้อำนวยการหลี่พูดมา มันก็ฟังดูน่าสนใจดี
แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาเชี่ยวชาญเลย เขาไม่รู้รายละเอียดเรื่องนี้มากนัก เขาไม่รู้ว่าต้องโทรไปปรึกษาเรื่องนี้กับใคร เขามองมองดูคนรอบตัวเขา แล้วจู่ๆ แววตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นมา เขาคว้าตัวบางคนจากหน่วยงานกรมทรัพย์สินทางปัญญามาแล้วถามว่า “เสี่ยวอู๋ ถ้าเป็นเรื่องเทคโนโลยีโฮโลแกรมแล้วเนี่ย…คิดว่าบริษัทไหนดีที่สุด ?”
พอได้ยินคำถามนี้จากผู้อำนวยการโอว อู๋หยวนหางก็งง ถึงเขาจะทำงานในหน่วยงานกรมทรัพย์สินทางปัญญา แต่เขาก็ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องการอนุมัติสิทธิบัตรพิเศษๆ อะไร เรื่องทางเทคนิคเฉพาะยิ่งไม่รู้เข้าไปใหญ่ เขาจะไปรู้เรื่องเทคโนโลยีก้าวหน้าพวกนั้นได้อย่างไรกัน?
แต่เขาก็ตอบปฏิเสธหัวหน้าตัวเองไปไม่ได้ เขาจึงพูดขึ้นว่า
“ผู้อำนวยการหลี่พูดเรื่องงานโอลิมปิกที่โตเกียวมานี่ครับ? เราลองไปเช็กดูไหมว่าคนที่ทำอุปกรณ์โฮโลแกรมให้งานโอลิมปิกที่โตเกียวเป็นใคร บางทีเราอาจจะสั่งของจากพวกเขาก็ได้นะครับ?”
โอวไห่เฟิงขมวดคิ้ว
“แต่มันก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีนะที่จะสั่งเอาต์ซอร์ซมาจากบริษัทต่างชาตินะ ใช่ไหมล่ะ?”
“ผู้อำนวยการโอวครับ พวกเราเป็นกระทรวงบันเทิงนะ ไม่ใช่มหาวิทยาลัยหรือพวกสถาบันวิจัย พวกเราต้องสนเรื่องพวกนั้นด้วยเหรอครับ? ก็ไม่ใช่ว่าเหล็กทุกเส้นที่เอามาสร้างรังนกนี่จะถูกผลิตขึ้นในประเทศเราเสียหน่อย จุดโฟกัสก็ยังอยู่ที่โชว์ที่ใช้โปรเจกเตอร์ฉายอยู่ดี ตราบใดที่โชว์มันเป็นได้ด้วยดี ทำไมผู้ชมจะต้องไปสนใจด้วยล่ะครับ ว่าอุปกรณ์ที่ใช้ฉายภาพโฮโลแกรมมันซื้อมาจากไหน?”
ผู้อำนวยการโอวรู้สึกว่าคำพูดของเขาก็มีเหตุผล
“เยี่ยมเลย! งั้นเดี๋ยวผมฝากเรื่องนี้ให้คุณดูแลก็แล้วกันนะ
เดี๋ยวผมจะไปคุยเรื่องนี้กับผู้กำกับหลิวก่อน จะได้ดูว่าเราเอาเทคโนโลยีโฮโลแกรมใส่เข้าไปในรายการของพวกเราได้ไหม นี่จะช่วยให้คนในประเทศเราได้เห็นการแสดงที่จะไม่เหมือนใคร!”
…………………………
[1] ชื่อเล่นของสนามกีฬาแห่งชาติปักกิ่ง