Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1235 แกล้งทำเป็นของจริง
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1235 แกล้งทำเป็นของจริง
“มันเป็นไปไม่ได้!”
นากาโอกะ เคย์อิจิที่ยืนอยู่ข้างสนามกีฬารังนกกำลังมองฉากตรงหน้าเข้าด้วยสีหน้าอึ้งจนพูดไม่ออก โชว์เล็กๆ อันแสนวิเศษตรงหน้าเขาทำให้ความสามารถในการคิดของเขาบิดเบือนไป
ภาพตรงหน้าคล้ายกับตอนนักมายากลหยิบกระต่ายออกมาจากหมวกของเขา ตอนนี้ผีเสื้อสีสันสวยงามจำนวนนับไม่ถ้วนบินออกมาจากแท่งทรงกระบอกขนาดเท่าขวดน้ำ พวกมันบินขึ้นไปบนฟ้าเหมือนนก
ผีเสื้อพวกนั้นทั้งดูเหมือนจริงและสวยจนน่ามอง
มันเหมือนกับว่า…
มันเป็นของจริงไม่มีผิด!
แล้วทันใดนั้นเองผีเสื้อทุกตัวก็หายไป
พอนากาโอกะ เคย์อิจิคิดว่าทุกอย่างจะจบแล้ว เขาก็เห็นวิศวกรจากสตาร์สกายเทคโนโลยีใช้โปรเจกเตอร์ทรงกระบอกชี้มาทางเขา
เขากำลังจะถามผู้ชายคนนั้นว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร แต่ก็ได้ยินเสียงหึ่งๆ ดังขึ้นมาทันที
หลังจากนั้นในชั่วพริบตา เขาก็เห็นฝูงตัวต่อขนาดเท่ากำปั้นบินออกมาจากอุปกรณ์โปรเจกเตอร์ทรงกระบอกตรงมาหาเขา
“อ๊ะ! ช่วยด้วย! ”
นากาโอกะ เคย์อิจิร้องลั่น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขายกแขนขึ้นมาบังแล้วถอยหลัง เจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ข้างเขาก็ดูกลัวเช่นกัน พวกเขารีบถอยไปข้างๆ อย่างรวดเร็ว
แต่ก็ไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้น นากาโอกะ เคย์อิจิยืนอยู่ท่ามกลางฝูงตัวต่อ เขารู้สึกถึงเพียงแค่สายลมอันชุ่มชื้นและอบอุ่นพัดผ่านแก้มเขาไปเท่านั้น ฝูงตัวต่อบินผ่านเขาไปเหมือนมันไม่มีตัวตนอยู่จริง
วิศวกรจากสตาร์สกายเทคโนโลยียิ้มแล้วกดปุ่มปิดเครื่องฉายโฮโลแกรมในมือของเขา
ทันใดนั้นเองฝูงตัวต่อก็สลายหายไปในอากาศ
สนามกีฬากลับมาสู่ความสงบร่มเย็นอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้บรรยากาศของคนกลับเริ่มตึงเครียด
นากาโอกะอ้าปากขึ้นมา เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมาตอนที่เขาเห็นวิศวกรจากสตาร์สกายเทคโนโลยียิ้มให้
เขานึกย้อนกลับไปถึงเสียงกรีดร้องน่าอายที่เขาหลุดออกมาเมื่อครู่ แล้วใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงในทันควัน หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็กระแอมแล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นหน้าของคนมั่นใจ
“…ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว”
“พวกคุณกำลังใช้ปรากฏการณ์ทินดอลล์ในการใช้ภาพสินะ”
“อุปกรณ์รูปแบบนี้มีจุดอ่อนร้ายแรงอยู่ พวกคุณยังไม่สังเกตกันเหรอ? อันดับแรกคือพื้นที่ในการฉายภาพ รวมถึงระยะด้วย! ผมยอมรับว่าในเทคโนโลยีการฉายภาพโฮโลแกรมสเกลเล็กๆ มันถือว่าดี แต่คุณจะวางแผนใช้อุปกรณ์นี้ให้ครอบคลุมทั้งสนามกีฬาได้อย่างไรกัน? พวกคุณวางแผนจะสร้างน้ำพุกลางสนามกีฬาเหรอ?”
ใช่…
ขอบเขตของการพ่นไอน้ำมันก็มีอยู่แคบจริงๆ
เลขานุการอู๋อดคิดขึ้นมาไม่ได้ ถึงเขาจะไม่เชื่อในตัว NTT อีกต่อไป แต่เขาก็หันไปมองวิศวกรจากสตาร์สกายเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อได้ยินคำนี้เข้า วิศวกรคนนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา
“นี่คุณล้อกันเล่นหรือเปล่า? ”
“ปัญหานี้แก้ได้ด้วยการใช้เครื่องพ่นหมอกพลังสูงไม่กี่เครื่องอยู่แล้ว”
“การสร้างระบบฉายภาพโฮโลแกรมในสนามกีฬาที่อยู่กับที่มันสร้างง่ายกว่าอุปกรณ์ฉายภาพโฮโลแกรมแบบพกพาเสียอีก มันแทบจะง่ายกว่าอุปกรณ์ที่ผมถืออยู่ในมือนี่เป็นสองเท่าเลยด้วยซ้ำ”
“พวกเราสามารถแยกเครื่องพ่นหมอกออกจากระบบฉายภาพแล้วเปลี่ยนทั้งสนามกีฬาให้เป็นอุปกรณ์สร้างภาพโฮโลแกรมขนาดใหญ่ได้เลย ผู้ชมทั้งหมดจะถูกส่งไปอยู่ในโลกเสมือน”
“แต่ช่างมันเถอะ อธิบายไปคุณก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี”
“อย่างไรก็แล้วแต่ อย่าลองท้าทายกับเทคโนโลยีของเราด้วยฝีปากของคุณเลย งานของเราน่ะของจริง”
หลังจากนั้นวิศวกรจากสตาร์สกายเทคโนโลยีก็เอื้อมมือออกไปรับโดรนที่เพิ่งบินลงมาจากท้องฟ้า เขากดปุ่มปิดเครื่องโดรนแล้วนำมันใส่กลับไปในกระเป๋าเครื่องมือ
วิศวกรยืนอยู่เบื้องหน้านากาโอกะ เคย์อิจิที่กำลังยืนอึ้ง เขาลูบกระเป๋าเครื่องมือในมือแล้วมองไปทางเลขานุการอู๋ที่ยืนอยู่ข้างๆ
“เสร็จแล้วครับ เดี๋ยวผมกลับก่อนเลยแล้วกัน ถ้าคุณยังอยากอยู่ที่นี่ต่อก็ช่วยหารถพาผมไปส่งที่สนามบินด้วยนะ”
เมื่อเห็นว่าวิศวกรคนนี้ทำงานเสร็จแล้ว เลขานุการอู๋ก็ถามขึ้นว่า “คุณ…คุณ…เสร็จงานแล้วเหรอ?”
“มันก็แค่เก็บข้อมูลนี่ครับ จะให้ทำนานแค่ไหนกันล่ะคุณ?” วิศวกรจากสตาร์สกายเทคโนโลยีเหลือบมองทั้งวิศวกรจาก NTT และนากาโอกะ เคย์อิจิ เขายิ้มมุมปากแล้วพูดต่อ “พวกเราไม่เสียเวลาเหมือนคนส่วนใหญ่หรอกครับ”
แล้วเขาก็เดินออกไปนอกสนามกีฬาโดยไม่หันหลังกลับมามองเลย
คนที่ยังอยู่ข้างในต่างมองหน้ากันและกันด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยไม่เชื่อ โดยเฉพาะเลขานุการอู๋ที่งงเต็มที่
เขาคิดว่ามันต้องเสียเวลามากกว่าจะเก็บข้อมูลได้เสียอีก แต่โดรนก็ทำงานนั้นเสร็จได้ภายในเวลาไม่กี่นาที ในขณะที่พนักงานของ NTT กรุ๊ป ทำงานมาหลายชั่วโมงแล้ว
ความแตกต่างนี่มัน…
มากเกินไปแล้ว…
คนที่มีหน้าที่คุมสนามกีฬามองชาวญี่ปุ่นทั้งสองคนที่ต่างก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน เขายื่นหน้าไปใกล้ๆ เลขานุการอู๋แล้วถามว่า “จะให้ผมไล่พวกเขาออกไปเลยไหมครับ? หรือคุณจะโทรหาผู้อำนวยการโอวก่อน? ”
อู๋หยวนหางอ้าปากออกมาแล้วดึงสติกลับเข้าสู่ความเป็นจริง เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า
“…เดี๋ยวผมโทรถามเขาเอง”
คนที่ยืนอยู่ข้างนากาโอกะ เคย์อิจิทำหน้าประหลาด เขามองเจ้านายของตัวเองแล้วพูดออกมาด้วยความทำอะไรไม่ถูกว่า
“นากาโอกะซัง…พวกเราเอาไงต่อดีครับ?”
“นี่มันเป็นไปไม่ได้…” ม่านตาของนากาโอกะ เคย์อิจิเบิกกว้าง มือของเขากำแน่น “นี่มันจะเกิดขึ้นจริงไม่ได้…”
“ใช่ครับ! นี่ไม่ใช่เรื่องจริง! นี่ต้องเป็นกลลวงจากพวกคนจีนแน่ๆ ! ”
ดวงตาของเขาถลนออกมาจากเบ้า ทันใดนั้นเขาก็หันหลังกลับไปคว้าไหล่ลูกน้องของเขาด้วยมือทั้งสองข้าง เขาคิดว่าเขาเพี้ยนไปแล้วตอนที่พูดขึ้นมาว่า “พวกเขาไปโน้มน้าวสตาร์สกายเทคโนโลยีให้มาเป็นส่วนหนึ่งของกลลวงครั้งนี้! เทคโนโลยีฉายภาพโฮโลแกรมสเกลเล็กจะไปยากกว่าการฉายภาพโฮโลแกรมสเกลใหญ่ได้อย่างไร? นี่มัน…ไม่เคยได้ยินมาก่อน!”
คาวาดะคุงก็ตกใจกับพฤติกรรมของเจ้านาย กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขากระตุก ในขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ว่า
“แต่คุณก็เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นนี่ครับ…”
“…”
นากาโอกะ เคย์อิจิรู้สึกมีเหมือนมีอะไรบางอย่างติดอยู่ในลำคอของเขา ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาว ไม่มีสีสันใดๆ
ในตอนนี้เขากลายเป็นคนที่ไร้พลัง
ปีกของผีเสื้อพวกนั้นดูเหมือนจริงเหลือเกิน ทั้งเฉดสีและภาพพื้นผิวทุกนิ้วของมันก็ช่างคมชัด
ไม่ว่าเขาจะหลอกตัวเองมากแค่ไหน เขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าเทคโนโลยีนี้เป็นสิ่งที่ NTT กรุ๊ป ไม่มีวันได้มาครอบครอง
อันที่จริงแล้วในทางเทคนิคก็ต้องพูดว่า ไม่มีใครบนโลกนี้จะสามารถครอบครองเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขนาดนี้ได้
ภาพพื้นผิวของภาพโฮโลแกรมนี้มันเหมือนจริงและมีรายละเอียดมากเสียจนเขาสามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของลมใบไม้ผลิและเสียงกระพือปีกผีเสื้อได้เลย…
ถึงแม้เขาจะไม่อยากเชื่อว่าเรื่องพวกนี้เป็นความจริง เขาก็ไม่อยากนึกภาพบอร์ดบริหารลงโทษตอนที่ดีลนี้พังทลายเหมือนกัน
นี่กำลังจะได้เป็นดีลราคาห้าหมื่นล้านเยนแล้วแท้ๆ
ถ้าเขาไม่สามารถอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ให้พวกคนเบื้องบนของบริษัทเข้าใจได้อย่างชัดเจนแล้วล่ะก็ เขาโดนเด้งออกจากงานแน่ๆ …