Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 124 สักขีพยานช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 124 สักขีพยานช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่
“มีคำถามอื่นอีกไหม?”
ศาสตราจารย์เดอลีงย์มองดูเจ้าหน้าที่
“ไม่ครับ…”
เจ้าหน้าที่ยิ้มเก้อเขินก่อนจะเดินกลับไปอยู่ด้านข้าง
เขาไม่กล้าต่อต้านคนใหญ่คนโตคนนี้
มีนักคณิตศาสตร์เพียงสิบสามคนเท่านั้นที่ได้รับทั้งเหรียญฟิลด์และรางวัลวูล์ฟ และมีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้รับรางวัลเคลย์ฟอร์ดเช่นกัน หนึ่งในนั้นก็คือเดอลีงย์ และอีกคนก็คือชิวเฉิงถง
แม้แต่ประธานสภานักคณิตศาสตร์นานาชาติก็ให้ความเคารพเดอลีงย์อย่างสูง ไม่ต้องพูดถึงเจ้าหน้าที่งานประชุมธรรมดาๆเลย
ปกติถ้าลู่โจวเห็น เขาจะต้องขอบคุณศาสตราจารย์เดอลีงย์ไปแล้ว แต่เวลานี้แม้แต่คำเตือนของเจ้าหน้าที่ เขาก็ไม่ได้สนใจ
เขามองไปที่ไวท์บอร์ดที่เขียนเต็มไปแล้วสี่อันแล้วหยุดเขียน
ไวท์บอร์ดพวกนี้บรรจุไว้ด้วยผลลัพธ์การวิจัยของเขาตลอดสี่วันมานี้
เขาต้องแก้ส่วนที่เหลือในทันที
เขายังมีแรงบันดาลใจเหลืออีกครึ่งชั่วโมง
เขาเข้าสู่ห้วงสมาธิโดยสมบูรณ์ เขาเกือบลืมไปแล้วว่าเขาอยู่ไหน
เขาลืมเลือนผู้ชมไปโดยสิ้นเชิง
เขาลืมสนิทไปเลยว่ามีสายตาหลายร้อยคู่จ้องมาที่เขา
ขณะที่ลู่โจวมองสูตรคำนวณบนไวท์บอร์ด จิตใจเขาก็สงบนิ่งราบเรียบ
เขายกปากกา
[S(α)=Σane(nα);M,N∈ζ…]
ศาสตราจารย์เดอลีงย์ต้องมองไวท์บอร์ดด้วยสายตาเฉียบแหลม จู่ๆ เขาก็ถามเพื่อนเก่าที่นั่งอยู่ข้างๆ “คุณคิดว่าเขาจะสำเร็จไหม?”
ศาสตราจารย์เซลล์เบิร์กจ้องมองสูตรบนไวท์บอร์ดแล้วยิ้ม “พูดยาก แต่ฉันคิดว่าเราควรตั้งตารอ คณิตศาสตร์เป็นสาขาของอัจฉริยะ และความสำเร็จที่โดดเด่นกว่า เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ก็เป็นฝีมือของนักคณิตศาสตร์หนุ่มสาว”
“นี่เป็นเหตุผลที่คุณหันไปศึกษาทฤษฎีสตริงงั้นเหรอ?” ศาสตราจารย์เดอลีงย์ถามพลางหยุดเขียน
“ฮ่าๆ” ศาสตราจารย์เซลล์เบิร์กกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาจจะใช่”
อีกด้านนึงของห้องบรรยาย…
เหว่ยเหวินจ้องมองไวท์บอร์ดแน่นิ่งมองดูคู่แข่งของตนกำลังท้าทายปัญหาระดับโลกบนเวที การคำนวณบนไวท์บอร์ดนั้นเกินกว่าความรู้ที่เขามีอยู่ และเขาก็แทบตามการคำนวณไม่ทัน
ในที่สุดเขาก็อดกระซิบถามไม่ได้
“ศาสตราจารย์”
ศาสตราจารย์หวังอี้ผิงมองดูไวท์บอร์ดแล้วยิ้ม “มีอะไรงั้นหรือ?”
“ท่านคิดว่า…เขาจะสำเร็จไหม?”
ศาสตราจารย์หวังอี้ผิงคิดชั่วครู่ก่อนจะตอบ “พูดยาก ทฤษฎีจำนวนจำเป็นต้องใช้ความสามารถมากที่สุด ถ้าเขาประสบความสำเร็จ มันคงเป็นเรื่องดี”
เหว่ยวเหวินถามทันที “ถ้าเกิดเขาล้มเหลวล่ะครับ?”
ศาสตราจารย์หวังอี้ผิงคิดแล้วกล่าว “…ถ้าเขาล้มเหลว เขาก็จะกลายเป็นมุขตลกของพรินซ์ตัน”
ลู่โจวอาจถูกสื่อที่ไร้ศิลธรรมแดกดันทั้งในและต่างประเทศเช่นกัน ตัวอย่างเช่นไอ้โง่ที่อวดดีพยายามท้าทายปัญหาระดับโลกในงานประชุมทางวิชาการแล้วล้มเหลว…แม้ว่าลู่โจวจะมีจิตวิญญาณการวิจัยที่ถูกต้อง แต่สังคงก็ไม่ยกโทษให้
ศาสตราจารย์เฒ่าอดคิดไม่ได้
คนหนุ่มสาวนี่ดีจริงๆ…
มีเพียงคนหนุ่มสาวเท่านั้นที่จะมีความกล้าหาญและความกระตือรือร้นเช่นนี้
ด้วยอายุอย่างเขา มันมีห่วงมากเกินไป
ยิ่งอาวุโสเท่าไหร่ เราก็จะมีความมั่นคงมากเท่านั้น แต่ยิ่งมั่นคงมากเท่าไหร่ เราก็จะพัฒนาได้ยากขึ้นเป็นเงาตามตัว
มันไม่ใช่แค่เรื่องแรงบันดาลใจ สมาธิลดลงหรือสมองเสื่อมลง
มันเป็นเพราะมันเป็นเรื่องยากที่ศาสตราจารย์จะท้าทายข้อคาดการณ์ใหญ่ๆเช่นกัน ศาสตราจารย์อาจใช้เวลาหลายปีในการพยายามแก้ปัญหาแล้วล้มเหลวก็เป็นได้
แต่ในทางตรงกันข้ามลู่โจวเป็นนักศึกษาปริญญาตรี เขาไม่มีแรงกดดันด้านวิชาการ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอาชีพหรือการประชุม เขาสามารถใช้เวลาของตนเพื่อสำรวจแล้วประสบความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมจากการเกิดแรงบันดาลใจ
ต่อให้ลู่โจวจะล้มเหลว มันก็ไม่เป็นไร
อย่างไรก็ตามถ้าลู่โจวประสบความสำเร็จล่ะ…
มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เอาชนะลู่โจวได้ในฐานะนักคณิตศาสตร์หนุ่มสาว และคนนั้นก็อาจเป็นชายที่เสนอทฤษฎีพีเอส ศาสตราจารย์ W3 ที่อายุน้อยที่สุดในเยอรมัน ปีเตอร์ ชูลทซ์ (Peter Schultz)
อย่างไรก็ตามลู่โจวอาจแข็งแกร่งกว่า
เหรียญฟิลด์ 2018 ชูลทซ์อาจเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดของลู่โจว แถมยังมีเบรนเดลจากเยอรมันที่เป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งเช่นกัน อย่างไรก็ตามเหรียญทองรามานุจันปีนี้อาจจะถูกมอบให้แก่ผู้ที่แก้ไขข้อคาดการณ์จำนวนเฉพาะคู่แฝด
ขณะที่ศาสตราจารย์หวังมองแผ่นหลังของลู่โจว สีหน้าของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ
เหว่ยเหวินที่นั่งอยู่ข้างๆไม่ได้พูดอะไร เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะคิดอะไร…
บนเวที…
ไวท์บอร์ดเต็มไปห้าอันแล้ว
ช่วงเวลาแห่งการเกิดแรงบันดาลใจหมดไปห้านาทีแล้ว
และผลลัพธ์ก็แน่นอนแล้ว
ลู่โจวมองเจ้าหน้าที่ลากไวท์บอร์ดอันที่หกมาแล้วพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ
ริมฝีปากของเขาขยับเล็กน้อยขณะพูดกระซิบตรงหน้าไวท์บอร์ดอันที่ห้า
“พระเจ้าโยนลูกเต๋าหกด้าน แต่ผลลัพธ์เป็นเจ็ด”
“วิธีทอพอโลยีของคุณฮิลเบิร์ทที่เกี่ยวกับจำนวนเฉพาะที่เป็นอนันต์อาจเกิดจากแรงบันดาลใจนี้…”
เขาหันหน้าไปทางไวท์บอร์ดอันใหม่
เขายกแขนขวาขึ้นมาอีกครั้ง
เขาเริ่มเขียนบนไวท์บอร์ด
[S(2)-(logkx)S(1)>0 เป็นจริงเมื่อ K≥2, อาเรย์ที่ยอมรับได้ H=…]
[…]
[ดังนั้น จำนวนเฉพาะคู่แฝดจึงมีจำนวนเป็นอนันต์]
ท่ามกลางฝูงชน…
แววตาของศาสตราจารย์เดอลีงย์เบิกกว้างขึ้น และจู่ๆ เขาก็ยิ้ม
ศาสตราจารย์เซลล์เบิร์กกล่าว “ตอนที่ฉันใช้วิธีทอพอโลยีเพื่อสนับสนุนทฤษฎีตะแกรง ฉันคิดว่าผลงานของฉันอาจทำให้เกิดแนวคิดเพื่อแก้ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคสำหรับคนรุ่นต่อไป แต่ฉันไม่คิดเลยว่าดาบเล่มนี้จะสามารถใช้ตัด K=1 จากข้อคาดการณ์ของปอลีญัก(Polignac)ได้ด้วย ดูเหมือนเขาจะตอบสนองต่อความคาดหวังของเรา”
ศาสตราจารย์เดอลีงย์วางปากกาลงแล้วถอดแว่นตา จากนั้นเขาก็ขยี้ตาที่ปวดๆเล็กน้อย
เขาพูดได้คำเดียวเท่านั้น
“ใช่”
ผู้ชมเงียบ
มีเพียงคนๆ เดียวเท่านั้นที่อยู่บนเวที
ลู่โจวก้าวถอยหลังแล้วมองดูไวท์บอร์ดทั้งหก
ห้องบรรยายเงียบมากจนเขาได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น
มันควรไม่เป็นปัญหา…
ลู่โจวสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะหันหลังกลับ จากนั้นเขาก็เดินไปที่โพเดียมแล้วเผชิญหน้ากับผู้ชมและพูดอย่างมั่นใจ
“มีคู่แฝดเป็นอนันต์ และเราก็ได้ก้าวเข้าไปหาข้อคาดการณ์ของปอลีญักอีกขั้นใหญ่ๆ”
“ขออภัยที่ทำให้ทุกท่านล่าช้า แต่กระบวนการพิสูจน์ของผมจบลงแล้ว”
มันเหมือนกับว่าเขากำลังทำข้อสอบ และในที่สุดเขาก็ได้ส่งกระดาษข้อสอบคืน
มีความรู้สึกผสมปนเปอยู่ข้างในหัวใจ
ลู่โจวฟังเสียงหัวใจตนเองเต้นแล้วค่อยๆ วางปากกาลงบนโพเดียม
ศีรษะของผู้คนขยับภายใต้เสียงไฟ
ทุกคนในห้องบรรยายเป็นสักขีพยาน
ข้อพิสูจน์นี้จะถูกนำเสนอไปทั่วโลก
ลู่โจวหันหน้าไปทางผู้ชมแล้วค้อมศีรษะลง
จากนั้นเขาก็หันหลังแล้วลงจากเวที
…………………………………..