Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1252 ส่วนสุดท้าย
“ดีจังเลยนะ…”
อวี่เฟยกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้พลางถอดหมวกของเขาออก เขาหันไปมองดินแดนรกร้างนอกหน้าต่างแล้วก็รู้สึกตื้นตันใจขึ้นมา
เมื่อประมาณสามวันก่อนในขณะที่รังนกกำลังมีโชว์ฉลองอันแสนรื่นเริง ปราสาทดวงจันทร์กับสถานีวิจัยดวงจันทร์ก็มีงานฉลองเช่นกัน
ซึ่งก็แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถดูโชว์ฉลองได้สดๆ อยู่แล้ว แต่พวกเขาก็สามารถย้ายจิตการรับรู้ของตัวเองเข้าไปในโลกเสมือนผ่านหมวก VR และสามารถชมโชว์แสงเงาอันน่ามหัศจรรย์ใน VR ได้
และถึงแม้โชว์แสงเงานั้นจะเป็นแค่ภาพลวงตา แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นก็เป็นของจริง
ฉากสุดท้ายที่เป็นภาพเมืองบนอวกาศทำให้เขาตกตะลึงอย่างมาก
เขามองเห็นภาพรถไฟวงโคจรที่เดินทางระหว่างตึกอวกาศและนักท่องเที่ยวเดินไปมาข้างในแคปซูลอวกาศ ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่เพิ่งถูกปลูกฝังเข้าไปในจิตใจของเขา และมันก็ค่อยๆ เติบโตขึ้นอย่างช้าๆ …
ถึงแม้จะผ่านการแสดงโชว์ฉลองมาสามวันแล้ว เขาก็ยังเอาเวลาทุกช่วงที่เขามีมาใช้ไปกับการมานั่งอยู่ที่สนามกีฬาในโลกเสมือนและชมโชว์แสงเงานี้ด้วยความตื่นเต้น
เขายอมรอถึงห้าสิบเก้านาที เพียงเพื่อจะได้ดูภาพฉากนาทีสุดท้าย
ภาพนาทีสุดท้ายที่เป็นภาพเมืองอวกาศ
อวี่เฟยยังจำความรู้สึกนี้ไว้ในใจ ในขณะที่เขาถอดหมวก VR ออก ทันใดนั้นเอง ประตูออฟฟิศก็เปิดออก และเหลียงจวิ้นฮุย รองหัวหน้าสถานีวิจัยก็เดินเข้ามาในชุดอวกาศ
เหลียงจวิ้นฮุยเห็นหัวหน้าสถานีวิจัยนั่งหันหลังให้เขา เขากำลังจะทัก แต่อีกฝ่ายก็หันเก้าอี้กลับมาพอดี
อวี่เฟยมองรองหัวหน้าแล้วถามอย่างรวดเร็วว่า “การก่อสร้างตอนนี้ไปถึงไหนแล้วล่ะ? มันเสร็จหรือยัง? ”
เหลียงจวิ้นฮุยใจเย็นลงและพยักหน้าตอบ
“เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”
อวี่เฟยมีท่าทางไม่เชื่อ เขาถามย้ำว่า “คุณแน่ใจนะว่านี่เป็นส่วนสุดท้ายแล้ว? ”
“ใช่แล้วครับ” เหลียงจวิ้นฮุยพยักหน้าแล้วพูดต่อ “ผมเพิ่งคอนเฟิร์มกับทีมก่อสร้างมา มันอยู่ในช่วงสุดท้ายแล้วครับ”
อวี่เฟยรู้สึกว่าน้ำหนักสิบกิโลกรัมเพิ่งจะถูกยกออกจากบ่าของเขา เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก รอยยิ้มแห่งความพอใจค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนตรงหน้าเก้าอี้ สายตามองไปที่จอใหญ่ที่แขวนลงมาจากเพดานออฟฟิศ แล้วเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ติดต่อศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินให้ผมด้วยนะ
ผมต้องรายงานเรื่องสำคัญเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว!”
…
สำหรับลู่โจวแล้ว จะวันชาติหรือวันธรรมงานปกติมันก็ไม่มีอะไรแตกต่างกันทั้งนั้น
ถ้าไม่ใช่เพราะงานอีเวนต์สเกลใหญ่สองงานปีนี้แล้วล่ะก็ เขาก็คงจะใช้เวลาตลอด 7 วันของช่วงวันหยุดวันชาติไปกับการทำงานในห้องแล็บแล้ว
อันที่จริงสำหรับนักวิจัยที่ทำงานอยู่แนวหน้าของการวิจัยวิทยาศาสตร์ ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ล่ะ
ยิ่งพวกเขาทำโปรเจกต์เสร็จได้ไวแค่ไหน พวกเขาก็จะได้พักไวเท่านั้น
การทำโปรเจกต์เสร็จในอีกหนึ่งวันถัดมาก็แปลว่า พวกเขากำลังเพิ่มความเสี่ยงที่โปรเจกต์จะถูกคนอื่นแย่งทำไปเสียก่อน
การทำโปรเจกต์วิจัยวิทยาศาสตร์ในหัวข้อที่เป็นที่นิยมก็เหมือนกับการแข่งกับเวลา ผู้ชนะไม่ใช่คนที่ฉลาดที่สุดเสมอไป แต่กลับเป็นคนที่เร็วที่สุดและทำงานหนักที่สุด
ที่ว่ามาก็ฟังดูสร้างแรงบันดาลใจดี
ถ้ามองในแง่หนึ่ง มันก็ใช่อยู่
แต่คนทั่วไปก็ไม่รู้ว่าบางคนไม่จำเป็นต้องทำงานหนักขนาดนั้น
อย่างลู่โจวเป็นต้น
เหตุผลที่เขาชอบใช้เวลาอยู่ในห้องแล็บไม่ใช่เพราะเขากังวลว่าคนอื่นจะไปถึงเป้าหมายก่อน เพราะอย่างไรก็ไม่มีใครเอาชนะเขาได้ในขอบเขตวิจัยที่เขาทำอยู่แล้ว
สาเหตุมีอยู่แค่ว่า เขาไม่รู้จะทำอะไรดี เพราะเขาเป็นคนบ้างาน
ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ในเลานจ์พิเศษของโรงแรม ดื่มกาแฟเพื่อฆ่าเวลาไปพลาง เขาถือรายงานของ ILHCRC ไว้ในมือ
มีพาดหัวน่าสนใจอยู่หน้าแรกของรายงาน
[เกี่ยวกับเรื่องความผิดปกติของแรงโน้มถ่วงในการทดลองอนุภาค Z]
ในช่วงการตรวจสอบการทดลองอนุภาค Z ผ่านการใช้เครื่องชนอนุภาคแฮดรอนบนดวงจันทร์ที่ผ่านมา ทีมวิจัยอนุภาค Z ได้ค้นพบข้อมูลการทดลองที่น่าสนใจบางอย่างเข้า
เมื่อสสารอยู่ในสถานะคงที่ อนุภาค Z ที่ร่วงลงจากปริภูมิมิติที่สูงไปต่ำจะสร้างข้อมูลตัวเลขทางแรงโน้มถ่วงแปลกๆ ขึ้นมา รูดี้ ด็อบริก ที่เป็นคนทำการทดลองนี้ได้ใช้ ‘ฟองอากาศของปลาทอง’ มาอธิบายผลลัพธ์การทดลองนี้ เขาอ้างว่าอนุภาค Z ที่เดินทางข้ามปริภูมิมิติ n ดูเหมือนจะหายใจและพ่น ‘ฟองอากาศ’ ออกมา
จนถึงตอนนี้ทีมผู้เชี่ยวชาญของ ILHCRC ก็ยังไม่สามารถอธิบายสาเหตุของความผิดปกติของแรงโน้มถ่วงนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ข้อคาดการณ์น่าสนใจหลายข้อก็ถูกตีพิมพ์ลง arXiv
มากกว่าครึ่งของพวกมันถูกอ้างอิงมาจากทฤษฎี ‘วอยด์’ ที่นำเสนอโดยลู่โจว ซึ่งเป็นการนำเสนอว่าความผิดปกติของแรงโน้มถ่วงนี้มีสาเหตุมาจากสัญลักษณ์ที่คล้ายๆ กับ มิติ n+1
ถึงอย่างไรสัญชาตญาณของลู่โจวก็บอกเขาว่า สิ่งต่างๆ มันอาจจะไม่ได้เรียบง่ายแบบนั้น
มันอาจจะมีบางอย่างที่น่าเหลือเชื่อมากกว่านี้ก็ได้
อย่างกรณีฉลามงับตะขอเบ็ด
แต่กุญแจที่จะไขปัญหาของเรื่องนี้คือ เราจะจับฉลามตัวนี้ได้อย่างไรโดยไม่ทำลายเรือลงเสียก่อน…
ลู่โจวอ่านเอกสารมาหนึ่งชั่วโมงแล้ว เฉินยู่ซานที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับลู่โจวมองดูเขา เธอถอนหายใจแล้วพึมพำว่า “นี่นายไม่มีงานอดิเรกอื่นให้ทำนอกห้องแล็บแล้วหรือไง? ”
“สำหรับฉันนะ การวิจัยวิทยาศาสตร์นี่แหละที่เป็นสิ่งที่น่าเพลิดเพลินมากที่สุดในชีวิตแล้ว” ลู่โจวพลิกหน้ากระดาษเอกสารในมือ เขาพูดขึ้นว่า “มันมีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าการไขปริศนาความลับของจักรวาลนี้ด้วยเหรอ? ”
“แล้วพวกวิดีโอเกมหรืออะไรทำนองนั้นล่ะ?”
ลู่โจวคิดอย่างจริงจังแป๊บหนึ่งก่อนจะตอบคำถามสาวเจ้าว่า “ฉันก็เคยสนใจเรื่องนั้นมากๆ นะ แต่…ฉันไม่ได้เล่นเกมมาเกินครึ่งปีแล้วนี่สิ ความรู้สึกที่ได้ทำวิจัยสำเร็จมันทำให้เรื่องอื่นๆ ดูเป็นเรื่องไม่สำคัญไปเลย”
“นายเคยคิดบ้างไหมว่ามันก็เป็นไปได้ที่นายเป็นแบบนี้เพราะนายมีอาการป่วยทางจิตน่ะ? ”
“ป่วยทางจิตจากการวิจัยน่ะนะ? ฉันก็มีความสุขดีนะตอนนี้”
“ก็…ถ้านายยังแฮปปี้อยู่ก็ตามใจ” เฉินยู่ซานถอนหายใจ เธอเงยหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “อันที่จริงแล้ว ก็ยังมีอีกตั้งหลายอย่างที่น่าทำในชีวิตมากกว่าการวิจัยนะ”
“อย่างอะไรเหรอ? ”
ดวงตาของเฉินยู่ซานหลบไปจากสายตาของลู่โจวตอนตอบคำถาม “ก็อย่าง…ไปดูภาพยนตร์กับแฟน ไปเที่ยว หรืออะไรทำนองนั้น”
ลู่โจวอดยักไหล่ไม่ได้
ฮ่าฮ่า…
พวกเราก็โสดด้วยกันทั้งคู่นะ
เธอจะมารู้อะไรเรื่องไปดูภาพยนตร์กับแฟนล่ะจ๊ะ?
ทันใดนั้นเองโทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาก็เริ่มสั่น
ลู่โจววางเอกสารลงแล้วลุกขึ้นยืน
เฉินยู่ซานมองลู่โจวแล้วถามว่า “มีอะไรเหรอ?”
ลู่โจวหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วบอกว่า “ฉันต้องรับสายน่ะ”
“อ้อ เอาเลย”
เฉินยู่ซานมองลู่โจวเดินออกไปข้างนอก เธอหยิบช้อนมาคนกาแฟอันเย็นชืดของเธอ แล้วเธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความปวดหัว
“โอ๊ย น่ารำคาญชะมัดเลย…”
บางทีเธอก็ไม่รู้ว่าเธอคาดหวังอะไรในความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลู่โจวกันแน่
เธอรู้ว่าบางทีเธอก็ถูกความมุ่งมั่นของเขาดึงดูด เพราะการทำงานหนักและแรงผลักดันในการทำอะไรสักอย่างก็เป็นสิ่งที่น่าดึงดูดจริงๆ
แต่แบบนี้มันไม่ใช่ว่า…
เธอแอบชอบลู่โจวอยู่หรอกเหรอ?
ทันใดนั้นเองเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้า ลู่โจวเดินกลับมาที่เลานจ์พิเศษ
เฉินยู่ซานโยนความรู้สึกพวกนั้นของเธอทิ้งไป เธอหันไปมองลู่โจว ใบหน้าของเธอมีสีหน้าแปลกๆ
เธอถามอีกฝ่ายอย่างสงสัยว่า “มีอะไรดีๆ เกิดขึ้นเหรอ? ”
“เป็นเรื่องที่ดีมากๆ เลยล่ะ…”
ลู่โจวมองเฉินยู่ซาน แล้วเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึก เขาพูดออกมาในขณะที่ตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น
“รางอวกาศบนดวงจันทร์!
รางอวกาศบนดวงจันทร์ของพวกเราน่ะ!”
เฉินยู่ซานเข้าใจได้ในทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดวงตาของเธอเบิกกว้าง ในขณะที่เธอเอ่ยขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า
“มันเสร็จแล้วเหรอ?! ”
“ใช่แล้ว!” ลู่โจวพยักหน้าแล้วพูดย้ำด้วยความตื่นเต้น “มันสร้างเสร็จแล้ว! “