Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1253 ควบคุมโลกและดวงจันทร์!
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1253 ควบคุมโลกและดวงจันทร์!
ณ ศูนย์บัญชาการการบินและอวกาศภาคพื้นดิน
มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนเรียงรายกัน
ในนั้นมีหัวหน้ากระทรวงป้องกันราชอาณาจักรอย่างผู้อำนวยการหลี่ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยการบินและอวกาศของสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงอย่างโฮ่วกวง หัวหน้าวิศวกรองค์การอุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์การบินและอวกาศของประเทศจีนอย่างนักวิชาการหยวนฮวานหมิน และลู่โจว ที่เพิ่งเดินทางจากปักกิ่งมาที่นี่…
และยังมีท่านประธานาธิบดีอีกคนหนึ่ง
ณ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของวงการการบินและอวกาศ รวมไปถึงอนาคตของประเทศจีนด้วย เพราะสมาชิกระดับสูงของคณะกรรมการวงโคจรดวงจันทร์แทบทุกคนต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่
คนเหล่านั้นต่างมองหน้าจอที่ใหญ่ตั้งแต่เพดานจรดพื้นในห้องควบคุม ในใจพวกเขามีความหวังอยู่เต็มเปี่ยม เหมือนกำลังรอการทำคลอดในโรงพยาบาล
แต่สิ่งที่พวกเขารออยู่ไม่ใช่เด็ก
แต่เป็นบางสิ่งที่พิเศษกว่า
“ถ้าพลาดก็ไม่เป็นไรนะ พวกเรายังลองใหม่ได้อีก”
ลู่โจวส่ายหัวเบาๆ
“พวกเราจะไม่พลาดครับ”
ทั้งประเทศกำลังรอผลลัพธ์ครั้งนี้อยู่ ทั้งโลกกำลังหันมาสนใจ ณ ตรงนี้ที่พวกเขากำลังจะทำ
ลู่โจวพร้อมพนันว่าสื่ออย่าง BBC และ CNN ได้เขียนข่าวสองฉบับรอลงตีพิมพ์ไว้แล้ว ฉบับแรกเป็นเรื่องผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จ ส่วนอีกฉบับก็เป็นเรื่องผลลัพธ์ที่ล้มเหลว
พาดหัวข่าวแบบไหนจะขึ้นหน้าหนึ่งวันพรุ่งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันนี้นี่แหละ
เมื่อท่านประธานาธิบดีได้ยินคำพูดที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของลู่โจว เขาก็ยิ้มขึ้นมา
“ถ้าพวกเราประสบความสำเร็จก็จะดีกว่า และผมก็จะพูดให้พวกคุณสบายใจว่าการบินและอวกาศเป็นอุตสาหกรรมแบบใหม่มันจะส่งผลดีกับอนาคตของพวกเราแน่นอน พวกเราจะเลือกทางที่ไปช้าๆ และมั่นคงก็ได้ รวมถึงยังสามารถทำผิดพลาดได้บ้างด้วย”
“แต่ถามจริงๆ นะ การจะสร้างเมืองบนดวงจันทร์นี่มันจะทำได้จริงเหรอ?”
พอลู่โจวได้ยินอย่างนี้ เขาก็รู้ทันทีว่าท่านประธานาธิบดีหมายถึงอะไร
เห็นได้ชัดว่าโชว์งานวันฉลองได้ทำให้ท่านประทับใจเต็มๆ
ลู่โจวคิดคำตอบอย่างจริงจังครู่หนึ่ง
ผ่านไปสักพักเขาก็พูดขึ้นว่า
“เพราะมีความต้องการทำให้มันเกิดขึ้นครับ ในมุมมองทางเทคนิคแล้วมันมีปัญหามากมายหลายอย่าง แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้นะครับ”
อันที่จริงดวงจันทร์ไม่ใช่ดาวที่เหมาะที่สุดสำหรับการสร้างอาณานิคมมนุษย์บนนั้น เนื่องจากมันมีแรงโน้มถ่วงน้อย ความแตกต่างทางด้านอุณหภูมิที่มาก และไม่มีการป้องกันจากชั้นบรรยากาศและสนามแม่เหล็ก แต่อย่างน้อยในตอนนี้มันก็ดูจะเป็นสถานที่ที่มนุษย์มีความหวังว่าจะสามารถสร้างอาณานิคมได้มากที่สุดแล้ว
การมีตัวตนของมันอยู่ก็เหมือนเกาะตือร์ไซราในมหาสมุทรแอตแลนติกนั่นแหละ ถึงแม้เกาะตือร์ไซราจะมีขนาดเล็กและไม่ได้มีทรัพยากรมากนัก แต่มันกลับกลายเป็นสถานที่ที่สำคัญอย่างมากของทวีปยุโรปในช่วงสมัยยุคเรอแนซ็องส์
หลังจากมีการพัฒนาเทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้แล้ว อารยธรรมมนุษยชาติก็เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของการพัฒนาทางการบินและอวกาศ พวกเขาได้รับตั๋วที่จะพาไปยังดินแดนอันห่างไกล ถึงแม้อารยธรรมมนุษยชาติจะต้องการไปยังดินแดนที่ห่างไกล พวกเขาก็ยังต้องการกระดานกระโดดอยู่
ซึ่งดวงจันทร์ก็มีศักยภาพพอจะเป็นจุดเริ่มต้น
ดวงจันทร์เป็นเหมือนกับ ‘ดาวท่าเรือ’ โดยธรรมชาติอยู่แล้ว
ถ้าพวกเขาสามารถเอาชนะสภาพแวดล้อมอันยากลำบากบนดวงจันทร์ได้ พวกเขาก็สามารถเดินทางไปในอวกาศได้ไกลมากขึ้น
คำตอบของลู่โจวดูจะทำให้ท่านประธานาธิบดีพึงพอใจ ท่านประธานาธิบดีพูดขณะเอามือไขว้หลังตัวเองว่า
“ผมดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นนะ…แล้วนี่จะเริ่มกันตอนไหนเหรอ? ”
ลู่โจวเช็กเวลาบนนาฬิกาข้อมือแล้วตอบคำถาม
“กำลังจะเริ่มแล้วครับ! ”
เข็มสั้นชี้เลขศูนย์
เจ้าหน้าที่ในห้องบัญชาการเริ่มทำงานด้วยท่าทางที่เป็นระเบียบเรียบร้อย
ทุกคนตรวจสอบอุปกรณ์เป็นครั้งสุดท้ายเสร็จอย่างรวดเร็ว หลังจากได้รับข้อมูลมาจากดวงจันทร์ ผู้บัญชาการของศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินก็เริ่มทำตามขั้นตอน ‘บรรจุพัสดุ’
ยานอวกาศบรรจุพัสดุฉบับทดลองบนดวงจันทร์ที่อยู่ห่างออกไปมากกว่า 300,000 กิโลเมตร และมีรูปร่างเหมือนลูกกระสุนนั้น น่าจะถูกเจ้าหน้าที่สถานีวิจัยดวงจันทร์ติดตั้งจนสำเร็จแล้วในตอนนี้
พัสดุทั้งหมดมีน้ำหนัก 6 ตัน มันเต็มไปด้วยหินและดินดวงจันทร์ที่เก็บมาจากดวงจันทร์ พืชอวกาศ เมล็ดพันธุ์ที่เก็บมาจากหน่วยปลูกพืช สารออกฤทธิ์ Dr-111 และตัวอย่างวิจัยทางชีววิทยาอื่นๆ
ถ้าหากพัสดุนี้ถูกส่งกลับมายังโลกด้วยวิธีแบบเดิมล่ะก็ มันจะต้องใช้เงินอย่างน้อย 200,000 หยวนต่อกิโลกรัม
ด้วยการใช้แม่เหล็กตัวนำยวดยิ่งแทนระบบขับดันด้วยสารเคมีทำให้พัสดุสามารถส่งตรงจากพื้นผิวดวงจันทร์ไปที่วงโคจรขนย้ายของดวงจันทร์ได้เลยโดยตรง หลังจากนั้นสะพานนกกางเขนก็จะเคลื่อนที่ไปมาตามวงโคจรเพื่อไปเก็บพัสดุมา ด้วยวิธีนี้ค่าใช้จ่ายของพัสดุต่อกิโลกรัมจะมีค่าน้อยกว่า 2,000 หยวนต่อกิโลกรัม
นี่อาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อ
แต่ก็เป็นผลจากวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์จริงๆ
ถ้าโปรเจกต์นี้ประสบความสำเร็จแล้วล่ะก็ พวกเขาจะสามารถนำดิสโพรเซียมและเทอร์เบียมที่มีค่ามากกว่า 1,000 หยวนต่อกิโลกรัม และแร่หายากอย่างสแกนเดียมที่มีค่ามากกว่า 10,000 หยวนต่อกิโลกรัมกลับมาจากดวงจันทร์ได้
ความสำเร็จของโปรเจกต์นี้จะเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของการบินและอวกาศอย่างไม่ต้องสงสัย
ทุกสิ่งทุกอย่างเตรียมไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามแผน!
ลำแสงสีเขียวบนหน้าจอขนาดใหญ่กะพริบเป็นครั้งแรก ทุกคนในห้องบัญชาการต่างกำหมัดกันแน่นอย่างไม่ได้นัดหมาย พวกเขากำลังรอเสียงเคานต์ดาวน์
“สิบ”
“เก้า”
“แปด”
“…”
“สาม”
“สอง”
“หนึ่ง”
“ศูนย์”
“ปล่อยได้! ”
เสียงอันทรงพลังและดังกระหึ่มเหมือนกับเสียงยิงปืน
หลังจากนั้นในทันที พื้นผิวดวงจันทร์ที่อยู่ห่างออกไป 300,000 กิโลเมตรก็เริ่มสั่นสะเทือน นักบินอวกาศที่ยืนอยู่ใกล้ๆ วงโคจรปล่อยยานก็สัมผัสได้ว่าพื้นรอบๆ ตัวสั่น
พลังงานไฟฟ้าที่เก็บสะสมมาถูกปล่อยออกในทันที มันรวมตัวเป็นพลาสมาที่ดูเหมือนของแข็งในท่อโลหะผสมไทเทเนียมสุญญากาศ ผลักให้ ‘กระสุน’ เงินไปข้างหน้าด้วยแรงมหาศาล
มันเคลื่อนที่ไปตามทางด้วยความเร็วไม่ถึงหนึ่งนาที!
ทันใดนั้นพัสดุก็ถูกยิงจากพื้นผิวดวงจันทร์ขึ้นฟ้าไปต่อ มันเป็นเหมือนกับลูกกระสุนที่ถูกยิงออกมาจากปากกระบอกปืน มันมุ่งหน้าตรงไปยังท้องฟ้าดาวประกายอันกว้างใหญ่ ทิ้งฝุ่นดวงจันทร์ไว้เบื้องหลัง
กล้องในศูนย์บัญชาการเปลี่ยนไปจับภาพที่ปราสาทจันทรา
กระสุนสีขาวเงินถูกแทนค่าด้วยจุดสีเขียวเรืองแสงบนแผนที่ มันลอยไปในอวกาศ มุ่งหน้าตรงไปที่วงโคจรขนย้ายของดวงจันทร์
งานพวกเขาเสร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว!
แต่ทุกคนในศูนย์บัญชาการก็ยังไม่รู้สึกสบายใจ
ภารกิจปล่อยกระสุนในครึ่งแรกนั้น หลักๆ แล้วจะเป็นหน้าที่ของปราสาทจันทรา ส่วนการชี้นำทิศทางการรวมกัน การลงจอด และการเดินทางกลับจะเป็นหน้าที่ของศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินแต่เพียงฝ่ายเดียว
ศึกนี้เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น!
“ระบบควบคุมห้องพัสดุเชื่อมต่อแล้ว เริ่มตรวจสอบปฏิบัติการอุปกรณ์…”
“พารามิเตอร์ของอุปกรณ์ปกติดีทั้งหมด! กำลังเข้าถึงระบบนำทางที่ดำเนินการอยู่! ”
“เปิดใช้งานระบบนำทางได้สำเร็จแล้ว! ความเร็วของพัสดุอยู่ 2.77 กิโลเมตรต่อวินาที มันกำลังเข้าสู่ยานอวกาศพัสดุสะพานนกกางเขน 3 ในระยะใกล้เคียงอีก 507 กิโลเมตร คาดว่าจะไปถึงในอีก 183 วินาที!”
บนหน้าจอเรดาร์ อาร์กสองอันที่เรืองแสงสีเหลืองอ่อนรวมตัวเข้าด้วยกัน จุดสีเขียวสองจุดที่กำลังกะพริบเริ่มขยับไปมาระหว่างสองอาร์กอย่างช้าๆ
ยิ่งพวกมันเข้าใกล้กันมากเท่าไร หัวใจของเจ้าหน้าที่ในห้องบัญชาการก็เต้นรัวมากขึ้นเท่านั้น
นักวิจัยวัยหนุ่มสาวหลายคนเริ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กันหลายรอบ เพื่อพยายามควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจตัวเอง แม้กระทั่งวิศวกรที่มีประสบการณ์มากกว่าพวกเขาก็ยังเป็นกังวลไม่ต่างกัน
จะไม่ให้เป็นกังวลได้อย่างไรล่ะ
พวกเขามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!
มันจะเป็นการชี้ชะตาว่าพวกเขาจะสำเร็จหรือล้มเหลว!
การยิงพัสดุขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยปืนใหญ่เป็นขั้นตอนส่วนที่ง่าย ส่วนที่ยากคือตอนเก็บพัสดุต่างหาก ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะยิงพัสดุไปเร็วเท่าไร หากยังไม่สามารถเก็บพัสดุได้ โปรเจกต์นี้ก็จะกลายเป็นความล้มเหลวไป
เมื่อจุดสองจุดที่เรืองแสงสีเขียวเริ่มเข้าใกล้กันเรื่อยๆ แทบทุกคนในห้องก็กลั้นหายใจกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เป็นเวลาไม่กี่วินาทีที่ดูเหมือนนานชั่วกัปชั่วกัลป์
จุดสองจุดที่เรืองแสงสีเขียวบนหน้าจอรวมกันเป็นจุดเดียวอย่างไม่มีอะไรติดขัด
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ไม่มีสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้น
มันดูเกือบจะ…
ง่ายไปหน่อยไหม?
ทันใดนั้นเองเสียงเชียร์อันกึกก้องก็ดังกระหึ่มขึ้นในห้องบัญชาการ
“วู้วววว! ”
“เราทำได้แล้ว! ”
“โอ้พระเจ้า…ในที่สุด…พวกเราก็ทำได้แล้ว!”
เสียงปรบมือ
เสียงเชียร์
ความตื่นเต้นและความสุขปกคลุมในจิตใจของทุกคน
ผู้อำนวยการหลี่กำหมัดด้วยความตื่นเต้น
ดวงตาของนักวิชาการหยวนฮวานหมินมีน้ำตาปรากฏอยู่ ริมฝีปากแห้งผากของเขาสั่นในขณะที่เขาพยายามจะพูด
ทั้งวิศวกรจำนวนนับไม่ถ้วนจากองค์การเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์การบินและอวกาศแห่งประเทศจีนและนักวิจัยจากสถาบันวิจัยการบินและอวกาศของสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงต่างก็กรีดร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
แม้กระทั่งท่านประธานาธิบดีที่ยืนอยู่ข้างลู่โจวก็อดตะโกนออกมาไม่ได้ว่า “ทำได้ดีมาก! ”
ในที่สุดความพยายามตลอดหลายปีหรืออาจจะหลายทศวรรษของพวกเขาก็มีความหมายแล้ว
พวกเขาเพิ่งจะยึดครองดวงจันทร์ได้
ลู่โจวถูกรายล้อมไปด้วยเสียงเชียร์ดังกระหึ่ม เขายืนนิ่งไม่ไหวอยู่ใจกลางห้องบัญชาการ ความสุขที่ไหลอยู่ในหัวของเขาทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก
ลู่โจวได้ยินเสียงผ่านๆ มาจากช่องการสื่อสารของสะพานนกกางเขน พวกเขาประกาศชัยชนะผ่านวิทยุสื่อสารครอบหัวมาให้ได้ยินว่า
“นี่ยานอวกาศพัสดุสะพานนกกางเขน 3 นะครับ พวกเรารับพัสดุสำเร็จแล้ว”
“พวกเราจะส่งของขวัญจากดวงจันทร์ไปในอีกสามวันนะครับ”
“ทุกคนทำได้ดีมาก! ”
อันที่จริงการประกาศชัยชนะครั้งนี้ก็ดูซ้ำซ้อนนิดๆ สำหรับลู่โจว
วินาทีที่จุดสีเขียวทั้งสองจุดนี้รวมกันเป็นหนึ่ง ก็ไม่ต้องมีข้อสงสัยอะไรแล้ว เพราะนั่นแปลว่าพวกเขาประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
ลู่โจวไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกในใจของเขาออกมาอย่างไร
มันผ่านมานานแค่ไหนแล้วนะ?
เริ่มจากตอนที่ส่งยานบินและอวกาศลำแรกขึ้นไปยังวงโคจร ตามด้วยการส่งคนไปดวงจันทร์ครั้งแรก แล้วก็ปราสาทจันทรากับเครื่องชนอนุภาคบนดวงจันทร์ และไม่นานมานี้ก็เป็นรางอวกาศบนดวงจันทร์…
ความพยายามและการทำงานหนักทั้งหมดของพวกเขาต่างสัมพันธ์กับช่วงเวลานี้ทั้งหมด
ในที่สุดก็ทำภารกิจห่วงโซ่อันนี้สำเร็จแล้ว
[ภารกิจห่วงโซ่ควบคุมโลกและดวงจันทร์สำเร็จแล้ว]
[สำเร็จแล้ว!]