Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1263 ได้รางวัลอีกครั้ง!
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1263 ได้รางวัลอีกครั้ง!
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบบ่ายสามโมง
ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศจีนนั้น เวลาบ่ายสามโมงเย็นห่างไกลจากยามย่ำค่ำมาก แต่กับสตอกโฮล์มที่ตั้งอยู่ในยุโรปทางตอนเหนือ เวลาบ่ายสามโมงของพวกเขาตอนนี้เป็นเวลาของค่ำคืนแห่งฤดูหนาวอันยาวนานแล้ว
หิมะก้อนหนาตกลงมาจากผืนฟ้าราวกับเป็นผลงานจากเตาเผาที่หลอมทุกสิ่งบนโลกนี้ให้กลายเป็นสีเงิน มีเพียงแสงไฟจางๆ จากเสาไฟถนนและหน้าต่างบ้านใกล้เรือนเคียงที่พอส่องให้เห็นภาพรางๆ ของถนน
กระนั้น หิมะที่ตกหนักก็ไม่ได้ทำให้คนหยุดกระตือรือร้นแต่อย่างใด
บนถนนใกล้กับห้องโถงสีน้ำเงิน มีคนสวมเสื้อแจ็กเก็ตหนาเตอะ ในมือสองข้างถือตะเกียงแบบทำมือเอาไว้ ราวกับพวกเขากำลังเฝ้าห้องโถงสีน้ำเงินอันยิ่งใหญ่อยู่
ในขณะที่หิมะกำลังตกหนัก นักข่าวสาวยืนอยู่หน้ากล้อง ในมือของเธอถือไมโครโฟนของ CTV และเธอกำลังรายงานข่าวด้วยความตื่นเต้น
“ตอนนี้ดิฉันกำลังยืนอยู่ที่ถนนออสเตอร์เบิกส์ใกล้กับห้องโถงสีน้ำเงินนะคะ ที่ยืนอยู่ข้างหลังดิฉันเป็นคนจีนในพื้นที่ค่ะ พวกเขาบางคนก็มาจากชุมชนใกล้ๆ บางคนก็มาจากพื้นที่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร การจองโรงแรมในเมืองนี้ ต้องขอบอกว่าเต็มหมดเลยนะคะ…พวกเขามารวมตัวกันที่นี่ โดยถือตะเกียงไว้ในมือ เดี๋ยวดิฉันขอเข้าไปสัมภาษณ์พวกเขาสักคนก่อนค่ะ…”
นักข่าวสาวเดินไปหาคนจีนคนหนึ่งที่ถือตะเกียงกระดาษไว้ในมือ
“คุณคะ ดิฉันขอสัมภาษณ์คุณได้ไหม?”
“ได้ครับ! ไม่มีปัญหา!”
ชายวัย 40 ปีมองไมโครโฟน CTV ที่เธอถือ เขาสวมเสื้อแจ็กเก็ตหนา และดูค่อนข้างตื่นเต้นในขณะกำลังโบกมือให้กล้องข้างหลังเธอ
“ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้างคะ?”
นักข่าวสาวยื่นไมโครโฟนไปทางเขา
ชายในเสื้อแจ็กเก็ตขนเป็ดมองไมโครโฟนนั้น เขากังวลว่าเสียงตัวเองจะเบาเกินไปจนไมค์ไม่ได้ยิน เขาจึงตะโกนเสียงดังลั่นว่า “ตื่นเต้นครับ! รู้สึกดีด้วย!”
“ดิฉันขอถามได้ไหมคะ ว่าอะไรทำให้คุณทั้งรู้สึกดีและตื่นเต้นในค่ำคืนอันหนาวเหน็บคืนนี้?”
ชายคนนั้นตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ผมมีความสุขที่ได้เห็นนักวิทยาศาสตร์ของเรากำลังประสบความสำเร็จครับ!”
ข้างหลังกำแพงที่มองไม่เห็นเพราะลมและหิมะนั้น
ห้องโถงสีน้ำเงินตั้งตระหง่านอยู่ริมทะเลสาบ ตัวตึกส่องแสงสว่างราวกับเป็นคบเพลิงในค่ำคืนอันมืดมิด ชวนน่ามองเป็นอย่างยิ่ง
ทางเข้าห้องโถงสีน้ำเงินถูกล้อมรอบด้วยนักข่าวทางทั่วทุกมุมโลก พวกเขาถือกล้องไว้ในมือ ราวกับเป็นนักล่าที่กำลังรอโอกาสอยู่ในมุมมืด รอช่วงเวลาที่ประตูจะเปิดออก และรอคนที่จะได้สัมภาษณ์ออกกล้อง จากนั้นพวกเขาก็จะกดปุ่มชัตเตอร์แล้วบันทึกภาพประวัติศาสตร์นี้ไว้
ข้างในห้องโถงอันใหญ่โต วงซิมโฟนีออร์เคสตรากำลังเล่นดนตรี
ลู่ปังกั๋วกำลังอยู่ตรงเขตที่นั่งพิเศษ เขามองฝูงชนที่อยู่รอบตัวตัวเอง เขากังวลนิดหน่อยจนอดกระซิบกระซาบกับภรรยาที่นั่งข้างๆ ไม่ได้ว่า “เธอคิดว่าลูกของเราจะกังวลไหม?”
ก่อนที่ฟางเหมยจะได้ทันตอบคำถามอะไร เสี่ยวถงที่นั่งอยู่ข้างๆ พวกเขาก็อดยักไหล่ไม่ได้
“พ่อคะ พ่อพูดอะไรของพ่อน่ะ? พี่เขาได้รางวัลมามากกว่าที่พ่อจะนับไหวอีก!”
ฟางเหมยยิ้ม เธอลูบหัวเสี่ยวถงเบาๆ แล้วบอกว่า “พ่อของลูกก็เป็นแบบนี้แหละ การได้มานั่งในห้องโถงสีน้ำเงินก็ไม่ต่างอะไรกับการมองลูกชายตัวเองเรียนจบม.ปลายหรอก”
“ไร้สาระน่า ผมก็แค่ห่วงลูกเฉยๆ คุณไม่ห่วงหรือไงกัน?” ลู่ปังกั๋วหน้าแดงแล้วจ้องเขม็งไปที่ฟางเหมย จากนั้นเขาก็หันไปมองเสี่ยวถงแล้วบอกว่า “ลูกไม่เข้าใจหรอก รอลูกได้เป็นแม่คนก่อนเถอะ!”
เสี่ยวถงแลบลิ้นออกมาแล้วทำหน้าล้อเลียน
“เหอะๆ! พ่อคิดว่าพี่หนูจะไม่มีลูก พ่อก็เลยจะมากดดันให้หนูเป็นฝ่ายมีแทนใช่ไหมล่ะ?”
“กดดันอะไรกัน? พ่อแค่ห่วงเฉยๆ ! ลูกก็อยู่คนเดียวมานานแล้วนะ ทำไมยังไม่มีแฟนอีกล่ะ?”
“หนูไม่สนเรื่องนั้นหรอกค่ะ อีกอย่างหนูก็งานยุ่งทุกวันด้วย ไม่มีเวลามาตกหลุมรักใครหรอก”
“ไม่สิ พ่อได้ยินมาว่าชีวิตนักเรียนนอกมันน่าจะต้องโรแมนติกไม่ใช่เหรอ?”
เสี่ยวถงอดกลอกตาใส่พ่อไม่ได้จริงๆ
“แต่ก็มันยังความแตกต่างระหว่างนักศึกษาอยู่นะคะพ่อ ไม่ใช่ทุกคนจะมีความสุขกับชีวิตสักหน่อย อีกอย่างพรินซ์ตันก็เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ห่างไกลจากเมืองใหญ่ เรียกได้ว่าทั้งคนแปลกๆ กับเนิร์ดระดับโลกจำนวนครึ่งหนึ่งก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ แล้วทุกคนก็เอาแต่ยุ่งกับเรื่องของตัวเอง…ช่างเถอะ พ่อไม่เข้าใจหรอก แค่อย่าหวังว่าหนูจะแต่งงานในเร็วๆ นี้ก็แล้วกัน”
“ไม่ต้องสงสัยเลย…” ลู่ปังกั๋วลูบคางแล้วพูดกับตัวเอง “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเขายังหาแฟนไม่ได้เสียที เพราะสภาพแวดล้อมนี่เอง”
เสี่ยวถงทัก “เอ่อ หนูว่าพี่ก็นับเป็นหนึ่งในคนแปลกๆ นะคะ”
เสียงซิมโฟนีเริ่มฟังดูตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ และมือของวาทยกรก็เริ่มโบกสะบัดไวขึ้นเรื่อยๆ
“คนล่าสุดที่ได้รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์และเคมีในเวลาเดียวกันก็คือมารี คูรี” เอ็ดเวิร์ด วิทเทนมองซิมโฟนีที่แสดงอยู่บนเวที เขาสวมเสื้อเทรนช์โค้ตยาว ในแววตาของเขามีความอิจฉา เขาพูดขึ้นมาด้วยอารมณ์บางอย่างว่า “ผมไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นสิ่งนี้ ชายผู้ยิ่งใหญ่มีชีวิตอยู่ในยุคของพวกเราจริงๆ ”
วิทเทนหมกมุ่นกับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์มานานแล้ว และนี่มันก็เป็นความลับที่ทุกคนในวงการฟิสิกส์รู้กันอย่างเปิดเผย แต่มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่คณะกรรมการตัดสินรางวัลโนเบลจะมอบรางวัลให้เขาเพียงเพราะเหตุผลว่าเขามีชื่อเสียงทางด้านวิชาการ ทั้งทฤษฎีเอ็มและทฤษฎีสตริงต่างก็เป็นสิ่งที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทั้งนั้น
สองทฤษฎีนี้ไม่สามารถทำให้วิทเทนได้รางวัลได้
“ใช่แล้ว”
หลังจากวิทเทนเหลือบมองศาสตราจารย์เดอลีงย์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ศาสตราจารย์วิทเทนก็พูดติดตลกว่า “เกียรติยศครั้งนี้เป็นของลูกศิษย์คนโปรดของคุณ แต่คุณมีเรื่องให้พูดแค่นี้เองเหรอ?”
“ผมไม่ได้ทำวิจัยทั้งด้านฟิสิกส์และเคมีจึงไม่มีอะไรให้พูดอยู่แล้ว” หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง ศาสตราจารย์เดอลีงย์ก็พูดต่อ “แต่ผมต้องยอมรับว่า ตอนที่ผมมอบข้อเสนอให้เขาไป ผมไม่ได้คาดคิดว่าความรู้ของเขาจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้เลย”
เดอลีงย์มองเวทีด้วยแววตาดีใจ แล้วเขาก็ยิ้มขึ้นมา
“ก็ตลกดีนะ บอว์บากิกรุ๊ปโปรโมตเรื่องความบริสุทธิ์ของคณิตศาสตร์มาตลอด พวกเขาคิดว่านักคณิตศาสตร์ควรจะทำงานอยู่แค่กับคณิตศาสตร์เท่านั้น แต่จากที่คุยกับเขามาผมสังเกตเห็นบางสิ่งที่ต่างออกไป”
“คณิตศาสตร์สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้มากกว่าแค่ตัวคณิตศาสตร์เอง มันสามารถเปลี่ยนโลกนี้ได้ครับ”
“ผมยังจำได้เลยว่าเขาพูดแบบนี้”
“มากไปกว่านั้นเขายังพิสูจน์ให้พวกเราเห็นจริงๆ ด้วยซ้ำ”
ซิมโฟนีบรรเลงจบลง
ประธานมูลนิธิโนเบลยืนอยู่บนเวที เขาหันหน้ามาทางผู้ชม เขาประกาศเปิดงานพิธีมอบรางวัลโนเบล ณ บัดนี้
หลังจากนั้น ประธานคณะกรรมการรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ไซมัตซ์ ลาส์สัน ก็เดินขึ้นมาบนเวทีในทันควัน
ชายสูงวัยในแว่นตากรอบทองค่อยๆ ดันแว่นตาขึ้นไปบนสันจมูกของตัวเอง เขายื่นมือไปจับไมโครโฟนให้ตั้งตรงและเริ่มพูดเสียงที่เคร่งขรึมและมั่นคงว่า
“เป็นเวลานานมาแล้วที่พวกเรารู้เรื่องโลกมิติที่สูงกว่าได้น้อยมาก
จนกระทั่งอนุภาคเล็กๆ ได้เปลี่ยนทุกสิ่งไป”
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
ทุกคนจ้องไปที่เวที รออย่างสงบนิ่งให้ชายสูงวัยคนนั้นพูดต่อ
“มันเล็กเสียจนทุกคน รวมทั้งทุกท่านและตัวผมเองด้วย พลาดมันไป”
“โชคดีที่มีบางอย่างเกิดขึ้น”
“เครื่องชนอนุภาคแฮดรอนถูกสร้างขึ้นมา และระบบวิจัยฟิสิกส์แบบใหม่ก็ถือกำเนิดขึ้น ทุกอย่างเป็นเพราะความพยายามไม่ย่อท้อของชายผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง พวกเราทุกคนได้ก้าวเดินครั้งใหญ่ไปสู่จุดที่ไม่เคยมีใครเหยียบย่างไปถึงมาก่อน”
“สิ่งนี้พิสูจน์ว่าธรรมชาติไม่เคยมีเรื่องสุ่มเกิดขึ้น”
“เบื้องหลังปรากฏการณ์ที่ดูเหมือนจะอธิบายไม่ได้ มันจะมีกฎและเหตุผลคอยรองรับอยู่เสมอ”
“โชคดีที่เขาไม่ได้ยอมแพ้ไป”
ชายคนนั้นพูดเหมือนกำลังเล่าตำนานเรื่องหนึ่งอยู่ ทันใดนั้นชายสูงวัยก็เร่งเสียงของตัวเองให้ดังขึ้น เขายังคงความเคร่งขรึมอยู่ในเสียงต่อขณะกล่าวว่า “ณ ที่นี้ ผม ตัวแทนคณะกรรมการรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ขอประกาศ
ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ปี 2023 ได้แก่…
ลู่โจว!”