Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1270 การผ่าตัด
ไซต์ปล่อยยานอวกาศจินหลิง
ช่วงนี้บรรยากาศค่อนข้างมีชีวิตชีวา
กลุ่มผู้อยู่อาศัยนอกโลกกลุ่มแรกที่จะไปพื้นที่เศรษฐกิจก่วงฮ่านได้ย้ายมาที่นี่เมื่อเดือนก่อน คนส่วนใหญ่เกิดยุค 90 และคนบางส่วนเกิดในยุค 80 ทุกคนต่างมีปริญญาเอกหรือเป็นวิศวกรอาวุโส
เถามุ่ยอี้ยืนอยู่ใกล้หอพักที่ไซต์ปล่อยยานอวกาศ เขาถึงกระป๋องกาแฟอยู่ในมือ แล้วดื่มกาแฟระหว่างที่ครุ่นคิดไปด้วย
มีชายคนหนึ่งเดินออกจากหอพักมาหาเขา
“คุณเป็นพวกดอกเตอร์ใช่ไหม?”
มีแค่คนสองประเภทในกลุ่มผู้อยู่อาศัยที่ดวงจันทร์กลุ่มแรก คนประเภทแรกคือวิศวกร และคนอีกกลุ่มคือนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์
เถามุ่ยอี้มองชายคนนี้แล้วพยักหน้า
“ครับ คุณล่ะ?”
“เหมือนกันครับ” ชายผมทรงลานบินยิ้มให้และจุดบุหรี่ เขาถามว่า “คุณทำกำลังทำอะไรอยู่?”
“ผมเหรอ?”
“จะใครซะอีกล่ะ?”
“ปลูกสิ่งต่างๆ”
“ปลูก?”
“ก็วิจัยการปลูกเมล็ดพันธุ์”
“ฟังดูน่าสนใจ”
“ไม่น่าสนใจอย่างที่คุณคิดหรอก”
“ฮ่าฮ่า พูดดี แต่เอาจริงสิ…” ชายคนนี้สูดควันบุหรี่เข้าไปเต็มปอด จากนั้นเขาหยิบบุหรี่ออกมาอีกมวนและถามว่า “สักหน่อยไหม?”
“ผมไม่สูบบุหรี่”
“มีพวกจบปริญญาเอกที่ไม่สูบด้วยเหรอ? ผมเริ่มไม่ไว้ใจทักษะด้านวิชาการของคุณแล้ว” ชายคนนี้ยิ้มให้แล้วทัดบุหรี่ไว้ที่หู จากนั้นเขาถามว่า “แล้วคุณเขียนงานวิจัยได้อย่างไร?”
เถามุ่ยอี้เขย่ากระป๋องกาแฟในมือ
“ผมใช้สิ่งนี้”
“กาแฟ…ของดีเลย แต่สำหรับผมการกระตุ้นมันอ่อนไปหน่อย ผมต้องเขียนเรียงความสองหมื่นคำภายใน 72 ชั่วโมง เพื่อให้ซูเปอร์ไวเซอร์คนเก่าของเขาพึงพอใจ ผมต้องพึ่งบุหรี่วันละหนึ่งซอง”
“ใครเป็นซูเปอร์ไวเซอร์ของคุณ?”
“เชิ่งเซี่ยนฟู”
เขามีแววตาภาคภูมิใจโดยชัดเจน มันเห็นได้ชัดว่าเขาค่อนข้างนับถือศาสตราจารย์คนนี้
หลังจากได้ยินชื่อเชิ่งเซี่ยนฟู่ เถามุ่ยอี้มีหน้าตาเซอร์ไพรส์
นักวิชาการเชิ่งเป็นหนึ่งในพูดนำด้านวิศวกรรมนิวเคลียร์ฟิวชั่น และเขาเคยอยู่ในทีมโปรเจกต์ฟิวชั่นที่นำโดยนักวิชาการลู่ หลังจากที่เครื่องปฏิกรณ์ผานกู่ เขาได้เข้าทีมการย่อส่วนฟิวชั่น และต่อมาเขาเป็นผู้อำนวยการของสถาบัน 585
แผนการของโปรเจกต์ฟิวชั่นรุ่นที่สองถูกนำโดยนักวิชาการเชิ่ง นักวิชาการหวังเจิงกวงจากองค์กรนิวเคลียร์แห่งชาติจีน และนักวิชาการหลี่เจียงกังจากห้องปฏิบัติการวัสดุก่อสร้างแห่งสถาบันฟู่หยาง
ซูเปอร์ไวเซอร์ของเขาคือนักวิชาการเชิ่ง
เขาเป็นเพื่อนร่วมงานของนักวิชาการลู่ใช่ไหม?
เขาเป็นคนค่อนข้างสำคัญ
เมื่อชายที่ถือกระป๋องกาแฟนิ่งเงียบอยู่นาน ชายผมทรงลานบินจึงพูดต่อ “ใครคือซูเปอร์ไวเซอร์ของคุณล่ะ?”
“อาร์คดรูอิด”
“อาร์คดรูอิดเหรอ? ไม่เลวเลย! แต่จะว่าไปแล้ว เรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลย” ชายผมทรงลานบินแสยะยิ้มให้และยื่นมือขวามาให้ เขาพูดว่า “ผมชื่อซุนลี่หยาง ผมเพิ่งเรียนจบเมื่อปีก่อน และผมอยากทำงานกับฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สอง”
“ผมเถามุ่ยอี้ ผมศึกษาเทคโนโลยีอวกาศสำหรับการปลูกฝ้าย เมล็ดกาแฟ และพืชผลอื่นๆ…” เถามุ่ยอี้จับมือด้วยคร่าวๆ และเหลือบมองชายคนนี้ เขาถามว่า “การเปิดเผยข้อมูลให้คนอื่นฟังมันโอเคใช่ไหม?”
“มันก็ไม่ใช่ความลับอะไรหรอก” ซุนลี่หยางดับก้นบุหรี่และถามว่า “สำหรับแผนร้อยปีแบบนี้เราต่างเป็นแค่หมากตัวหนึ่ง เห็นไหมว่าศาสตราจารย์ลู่ถึงไม่สนใจเข้าร่วมด้วย? ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองต่างจากรุ่นแรกมาก เราวางแผนใช้ฮีเลียมเป็นแหล่งพลังงาน มันน่าจะใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งศตวรรษ”
เถามุ่ยอี้ยิ้ม
หนึ่งศตวรรษ…
คนส่วนใหญ่ไม่อาจจินตนาการถึงเวลานานขนาดนั้น
“ถ้าเกิดนักวิชาการลู่มาช่วยล่ะ?”
“มันน่าจะเป็นไปไม่ได้”
ถึงแม้สองคนนี้นิสัยต่างกัน พวกเขาเริ่มพูดคุยกัน แต่ในขณะที่สองคนนี้พูดคุยกันอยู่ก็มีเสียงไซเรนหวีดดังขึ้นกะทันหันไปทั่วท้องฟ้ากลางคืนเงียบสงัด
ซุนลี่หยางขมวดคิ้วและลุกขึ้นจากพื้นแล้วเขาปัดกางเกงตัวเอง
“เกิดอะไรขึ้น?”
เถามุ่ยอี้เหลือบมองดูและพูดว่า “ผมไม่รู้สิ…อาจจะเป็นพวกนั้น?”
“พวกนั้น?”
“หน่วยรบอากาศ พวกนั้นอยู่ที่อีกฝั่งของฐานทัพ”
เถามุ่ยอี้โยนกระป๋องเปล่าลงถังขยะด้วยความแม่นยำ เขาปรบมือและลุกขึ้นจากพื้น เขาพูดว่า “ไม่พูดถึงเรื่องนี้จะดีกว่า เราควรทำตามสิ่งที่เรียนในคลาสความปลอดภัย ไปเจอกันที่หอพัก มาถูกเห็นที่นี่ไม่ดีเท่าไหร่”
ระหว่างที่ไซเรนกำลังดังก็มีกลุ่มทหารใส่ชุดเกราะเครื่องกลสีดำวิ่งไปทางสตาร์ไลท์ซึ่งถูกจอดไว้ที่รันเวย์
ผู้นำหน่วยทหารสามคนในชุดเครื่องกลและผู้นำกองรบยืนไพล่หลังอยู่ที่หน้าเจ้าหน้าที่ทหาร
“นัดฝึกรบสามนาที—”
“พวกเราเป็นหน่วยตอบสนองความเร็วสูง การนัดฝึกรบจะถูกจัดขึ้นแบบนี้”
เสียงฝีเท้าดังรบกวนเจ้าหน้าที่ทหาร หลี่เกาเหลียงมาพร้อมอุปกรณ์เต็มรูปแบบแล้วปลดหน้ากากออก เขาทุบมือทั้งสองข้างลงโต๊ะประชุมด้วยความรุนแรง
“แถวแรกตามผมมา ผมจะนำทีมสำหรับภารกิจนี้ด้วยตัวเอง!”
เจ้าหน้าที่ขมวดคิ้วและพูดย้ำ “แต่นี่ไม่ใช่หน้าที่ของคุณ”
“เขาเป็นคนช่วยชีวิตผมไว้ หน่วยรบอวกาศสนใจแค่การสู้รบไม่ใช่หน้าที่!” หลี่เกาเหลียงยกมือออกจากโต๊ะแล้วมองดูนักสู้ติดอาวุธที่อยู่ตรงนั้น “ไปกัน!”
“ครับ ท่าน!”
ทั้งหมดขึ้นเครื่องในเวลาหนึ่งนาที
พวกเขาเตรียมตัวออกบินในสองนาที
แสงสีฟ้าประกายมาจากเครื่องทรัสเตอร์ฮอลล์เอฟเฟคต์ ซึ่งกลายเป็นลำโค้งบนท้องฟ้า
หลี่เกาเหลียงสัมผัสได้ว่าแรงสั่นที่ด้านหลังค่อยๆ เบาลง เขานั่งอยู่ในเคบิน เขามองดูข้อมูลอัลติจูด เขาเข้าช่องคำสั่งอย่างชำนาญผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียง เขากระแอมและพูดเสียงดังฟังชัด
“บรีฟการจู่โจม!
เรือโอเซเบิร์กถูกยึดโดยกลุ่มทหารไม่ทราบกำลังที่ลองติจูดตะวันออกที่ 17 และละติจูดเหนือที่ 55 เราได้ติดต่อบริษัทเดินเรือบอลติกและยืนยันเรื่องนี้ หลังจากที่ได้หารือกันอีกฝ่ายหนึ่งตกลงที่จะชิงโจมตีเรือสินค้าก่อน จุดประสงค์คือการรักษาความปลอดภัยให้กับลูกเรือยี่สิบคนบนเรือสินค้า ทางฝั่งอังกฤษได้ส่งกองบินจากฐานทัพที่ใกล้ที่สุด และฝ่ายเดนมาร์กก็ได้ส่งเรือกู้ภัยไปจากท่าเรือที่ใกล้ที่สุด
“ภารกิจของเราเรียบง่าย ลงจอดแล้วยิง เราจะพยายามการันตีความปลอดภัยของตัวประกันบนเรือและจู่โจมที่ดาดฟ้าเรือ!”
หนึ่งในผู้นำทีมถามว่า “เราควรจับเป็นพวกนี้เพื่อสอบสวนไหม?”
“ไว้ค่อยคิดเรื่องนั้น”
ความปลอดภัยของสมาชิกราชวงศ์สวีเดนไม่เกี่ยวข้องกับคนพวกนี้ แต่ศาสตราจารย์ลู่นั้นเกี่ยว
ในกรณีที่ชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตรายหรือถูกคุกคาม พวกเขามีสิทธิ์ที่จะใช้ความรุนแรงตามความจำเป็นที่ไหนก็ได้บนโลก
ระหว่างที่พวกเขาพูดคุยกัน สัญญาณสีแดงในเคบินเริ่มสว่างขึ้น
สตาร์ไลท์ที่ลอยอยู่ในวงโคจรต่ำของโลกได้ไปถึงน่านฟ้าเหนือยุโรปเหนือ
พวกเขาต้องกระโดดลงจากความสูงมากกว่าสองร้อยกิโลเมตร ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่อาจเห็นทิวทัศน์นอกหน้าต่าง พวกเขาก็ยังคงหลั่งอะดรีนาลีน มันเป็นการพิสูจน์ความกล้า
“ตรวจดูเข็มขัดอีกครั้ง อย่าฉี่ราดตอนที่กระโดดลงไป!”
“ตรวจสอบเรียบร้อย!”
“ดี! ทีม 1 กำลังเข้าวงโคจร ขั้นตอนบนอากาศเริ่มแล้ว!”
เคบินทั้งสามถูกดีดออกจากส่วนโกดังของสตาร์ไลท์ พวกเขาเริ่มตกไปที่ดาวเคราะห์สีฟ้า
“พวกเราเป็นใคร?!”
เสียงกู่ร้องดังพร้อมเพรียงในช่องการสื่อสาร
“พวกเราเป็นคนเหล็ก!”
มีใครคนหนึ่งพูดขึ้น
“ท่าน เรากำลังลงจอดบนผืนน้ำ”
หลี่เกาเหลียงหัวเราะและพูดว่า “งั้นเราจะขี่คลื่นไป!”