Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1272 ตกมาจากฟ้า!
“ใกล้แล้ว”
เรือสำราญในระยะกำลังเคลื่อนตัวใกล้เข้ามา อับราฮันวางกล้องส่องทางไกลในมือลง ไฟแห่งความตื่นเต้นถูกจุดในใจเขา
หลังจากไล่ล่ามาเกือบครึ่งชั่วโมง เกมไล่ล่านี้ใกล้จะจบลงแล้ว ถึงแม้ว่ามันนานกว่าที่คาดไว้ แต่มันยังไม่สายเกินไป ประเภทเรือสำราญที่ถูกออกแบบเพื่อเสวยสุขจะไม่มีทางผ่าน ‘โอเซเบิร์ก’ ได้
อับราฮันส่งกล้องส่องทางไกลให้ลูกน้อง อับราฮัมปลดปืนออกและพูดว่า
“พี่น้อง”
“ศัตรูของเราอยู่ที่นี่”
“เพื่อเกียรติของเผ่าพันธุ์ เพื่อความร่ำรวยไม่มีสิ้นสุด เพื่อ…”
เขาหรี่ตา เขากำลังเผชิญแสงอาทิตย์ อับราฮันรู้สึกว่าเขาเห็นบางอย่าง แต่เขาเห็นมันไม่ชัดเจน
ในที่สุดเขาเห็นเปลวไฟลุกโชติสามดวงบนท้องฟ้า
“นั่นมันอะไร?”
ชายอีกคนที่ดาดฟ้ามองตามเขาและเห็นเปลวไฟอยู่ตรงหน้าแสงอาทิตย์
แต่เมื่อพวกเขาเห็นเปลวไฟนี้ ทุกอย่างก็สายไปแล้ว
ไม่มีใครตั้งตัวได้ทัน
เปลวไฟแห่งการลงทัณฑ์ที่ตกลงจากฟ้าไม่รีรอให้พวกเขาได้ไหวตัว
เสียงกึกก้องจากฟ้าดังขึ้น ตามมาด้วยคลื่นช็อกเวฟที่ดาดฟ้าเรือ พวกเขาแทบทุกคนล้มคว่ำลง
มีอะไรบางสิ่งชนเรือขนสินค้าทั้งลำ เรือทั้งลำเอียงไปทางด้านหนึ่ง
หลังจากการระเบิดจากฟ้าก็มีคลื่นควันพุ่งลงมา มันปกคลุมทะเลเหมือนกับเมฆหมอก บดบังเรือสินค้าลำนี้จนหมด
ผู้คนบนเรือไอและพยายามพยุงตัวขึ้นมา แต่ควันกลิ่นแรงทำให้พวกเขาหลั่งน้ำตา การมองเห็นและการได้ยินถูกปิดกั้น
อับราฮันนอนอยู่ที่พื้น เขารู้สึกตื่นกลัว เขาเห็นกลุ่มทหารติดอาวุธใส่ชุดเกราะสีดำออกมาจากกล่องโลหะแล้วเริ่มกราดยิง เพียงแค่ชั่วพริบตาคนของเขาถูกฆ่าตายเกือบหมด
คนส่วนมากแทบไม่ได้ต่อต้านอะไร นอกจากกราดยิงอาก้าไม่กี่นัด พวกเขาล้มจมกองเลือด
“ปีศาจ…”
ระหว่างที่เขาพูดเสียงแหบ เหมือนมีอะไรจุกอยู่ในลำคออับราฮัน
เขาไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบายนักรบมหัศจรรย์ที่โรยตัวลงมาจากฟ้า พวกมันเป็นปีศาจ
สำหรับพวกนั้นหมอกกลิ่นแรงไม่มีผลอะไร
เขาโยนอาวุธในมือทิ้งไปแล้วเกาะขอบเรือ เขาไถลตัวไปรวมกับตัวประกันที่ถูกมัดไว้แถวนั้น
ทหารพวกนี้ไม่เห็นเขาเป็นตัวอันตราย พวกเขาสนใจกับทหารรับจ้างที่ยังถืออาวุธไว้อยู่
แต่มันก็ไม่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยขึ้น
สุดท้ายแล้วเขาก็ยอมจำนนกับตาและโพรงจมูกที่ร้อนผ่าว เขาลืมตาขึ้นแล้วหยิบเสื้อชูชีพที่อยู่ข้างตัว เขาปลดเชือกออกแล้วสวมชุดเข้า จากนั้นเขากระโดดพุ่งลงทะเล
เสียงปืนเบาลง
หมอกหนาและกลิ่นดินปืนถูกคลื่นทะเลพัดพาไป
แสงแฟลชประปรายยังส่องอยู่ตามดาดฟ้าเรือ แล้วยังมีเสียงกรีดร้องจากอดีตสหาย แต่เขาไม่มีความรู้สึกผิดเลย เขาใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดเพื่อว่ายให้ห่างจากเรือให้มากที่สุด
ปฏิบัติการครั้งนี้ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า…
…
บนเรือออโรร่าโบเรลิส
เคบินด้านล่าง
พนักงานบนเรือมักจะมาทำงานกันที่นี่ ผู้โดยสารทั่วไปไม่ได้รับอนุญาตให้เขาพื้นที่โซนนี้ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่สถานการณ์ปกติ คนส่วนใหญ่ซึ่งรวมทั้งพนักงานเรือ วิ่งไปหลบที่ห้องอาหาร ในขณะที่คนอื่นพากันหนีขึ้นไปชั้นบน
ดังนั้นการลงไปอยู่ชั้นล่างจึงเป็นเรื่องแปลก
หวังเผิงไม่ได้คิดอะไรมาก เขาดูแผนที่จากโทรศัพท์แล้วมุ่งตรงไปที่กบดานของคนกลุ่มนี้ เขายืนยันว่าคนพวกนั้นมีอาวุธแล้วจะไม่ปรานี
เมื่อเป้าหมายรายสุดท้ายนอนจมกองเลือด เสียงปืนหยุดลง
คนสุดท้ายเลือกจบชีวิตตัวเอง หวังเผิงขมวดคิ้วแล้วมองไปรอบๆ ด้วยความระมัดระวัง หลังจากที่ตรวจดูว่าไม่มีกับดัก เขาก็เดินข้ามกองเลือดมา
หวังเผิงเตะอาวุธในมือชายที่นอนอยู่ให้พ้นออกไป เขาคุกเข่าลงแล้วใช้นิ้วชี้ไปจับชีพจรที่ลำคอของร่างที่พื้น เมื่อจับหาชีพจรไม่เจอ เขาก็ล้วงดูตามกระเป๋า
ซองทิชชู่ที่ยังไม่ใช้งาน
ฉันจะเก็บมันไว้ก่อน อาจจะมีข้อมูลสำคัญ
กระจกแต่งหน้า?
ทำไมผู้ชายถึงพกของแบบนี้ติดตัวด้วย?
จู่ๆ มือซ้ายของหวังเผิงไปสัมผัสของแข็งบางอย่าง เขาค่อยๆ หยิบสิ่งนั้นออกมาจากกระเป๋า
มันเป็นสมุดบันทึกเปื้อนเลือด มันดูคล้ายกับคำสั่งในการทำภารกิจ
หลังจากเขาเปิดดูสมุดบันทึก หวังเผิงรู้สึกอึ้ง
มันไม่ใช่คำสั่งภารกิจเลย
เขาเคยอ่านอะไรแบบนี้มาก่อน…
…
ในเคบิน B2771
ข้างช่องหน้าต่าง
เด็กหญิงเอนตัวดูภาพที่เกิดขึ้นผ่านช่องหน้าต่างด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน
“ว้าว…”
แสงสีสว่างในแววตาของเธอ เมื่อเปลวไฟจากฟ้าตกใส่ ‘เรือโจรสลัด’ เจ้าหญิงลิเลียอดไม่ได้ที่จะปรบมือด้วยความตื่นเต้น
ในมุมมองของเธอ สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นต่างกับมุมมองของอับราฮันอย่างสุดขั้ว
เธอเห็นลูกไฟตกลงจากท้องฟ้า แต่เนื่องจากมันเกิดขึ้นเร็วมาก สิ่งที่เธอจำได้จึงเบลอเล็กน้อย
หลังจากที่ ‘เรือโจรสลัด’ โดนลูกไฟโจมตี มันทิ้งหมอกควันหนาแน่นไว้ทำให้มองไม่เห็นเรือลำนี้
การต่อสู้โหดร้ายถูกหมอกบดบังไว้
เธอไม่เคยเห็นกลแบบนี้มาก่อน!
มันไม่ใช่แค่กล แต่มันเหมือนเวทจากนิทานปรัมปรา
เธอตบมือด้วยความตื่นเต้น จากนั้นเธอดึงแขนเสื้อลู่โจวและพูดว่า “ว้าว! เยี่ยมไปเลย! นั่นคืออะไรเหรอ? เวทมนตร์เหรอ”
ลู่โจวหรี่มองเรือสินค้าและพูดพร้อมรอยยิ้มจางๆ
“ทำนองนั้น”
ในมุมหนึ่งวิทยาศาสตร์ที่เหนือความเข้าใจทั่วไปก็ไม่ต่างอะไรจากเวทมนตร์
ดวงตามรกตของเด็กหญิงเปล่งประกาย เด็กน้อยเบิ่งตากว้างแล้วหันไปหาลู่โจว เธอพูดว่า “คุณนักวิชาการ ดูเหมือนว่าคุณช่วยหนูไว้…
งั้นคุณเป็นเจ้าชายของหนูใช่ไหม”
ลู่โจวที่กำลังมองดูไฟลุกที่นอกหน้าต่าง แทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง
หลังจากที่ไอรุนแรงสองครั้ง ลู่โจวยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดปาก จากนั้นเขาพูดด้วยความใจเย็น “ฝ่าบาทครับ ฝ่าบาทอาจจะเข้าใจผิด ผมแก่พอที่จะเป็นนักเวทของราชวังได้”
“เหมือนแกนดัล์ฟเหรอ?”
หนูหมายถึงแกนดัล์ฟใช่ไหม?
“ประมาณนั้น…สำหรับคนวัยเดียวกับหนู”
ลิเลียไม่ได้ผิดหวังเท่าไหร่ แต่เธอก็ถอนหายใจเหมือนคนแก่
“พวกนั้นน่าเบื่อ ชอบใช้เวลาทำแต่เรื่องน่าเบื่อ พวกนั้นไม่เคยใจเย็นและอ่านหนังสือ…”
ลู่โจว “…”
ถึงแม้เขารู้ว่าเด็กคนนี้ชอบเล่นไปเรื่อย แต่ด้วยเหตุผลบางประการ เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อย
ถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกฉัน…
อยู่ดีๆ เขาก็นึกอยากมีลูกสาวเป็นของตัวเอง
มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้อง
ลู่โจวเห็นแล้วว่าบุคคลนี้คือใครจากภาพกล้องวงจรปิด เขาดีดนิ้วระหว่างที่มองไปทางประตูเพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้เสี่ยวไอปลดล็อกอิเล็กทรอนิก
ประตูถูกเปิดเข้ามา
ลู่โจวมองดูหวังเผิงและถามว่า “เสร็จแล้วเหรอ?”
หวังเผิงพยักหน้า เขาพูดตอบสบายๆ “มีทั้งหมดแปดคน ผมสังหารไปเจ็ด”
ลู่โจวถาม “แล้วอีกคนล่ะ?”
“ฆ่าตัวตาย”
“ฆ่าตัวตาย?”
ลู่โจวเลิกคิ้วขึ้น เขามีสีหน้าไม่คาดคิด
การฆ่าตัวตายไม่ใช่สิ่งที่โจรสลัดทำกัน
พูดโดยทั่วไปแล้วผู้คนมักเลือกจบชีวิตในสองสถานการณ์นี้ อย่างแรกคือการสูญเสียความหวังในชีวิตโดยสมบูรณ์ อย่างที่สองคือเพื่อความศรัทธาและการอุทิศชีวิต
ซึ่งไม่น่าจะมาจากเหตุผลแรก
ในกรณีแบบนี้มันน่าจะมาจากสาเหตุหลังมากกว่า
หวังเผิงเห็นบางอย่างในตาของลู่โจว เขาลังเลอยู่เล็กน้อย แต่หลังจากที่คิดไปสักพัก เขาก็พูดว่า “ผมเจอบางอย่างที่ศพ…เอาจริงแล้วผมไม่ควรบอกให้คุณทราบ และเราควรจะจัดการกันเอง แต่ผมคิดว่าคุณอาจจะสนใจมัน”
ลู่โจวถามทันที “คุณเจออะไรเหรอ?”
เขาหยิบถุงพลาสติกที่มีสมุดบันทึกเปื้อนเลือดอยู่ข้างในออกมา
หวังเผิงมองดูลู่โจวที่ดูงุนงง และพูดว่า
“มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ…
แต่คุณน่าจะจำเนื้อหาในสมุดบันทึกเล่มนี้ได้”