Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1277 โชคชะตา
“ด้วยความจำเป็น”
“พูดได้ดี!”
ประธานาธิบดีนั่งอยู่ในออฟฟิศของเขา เขามองดูหน้าจอทีวีและได้ยินเสียงปรบมือจากผู้ชม เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น
ก่อนงานซัมมิทเริ่มขึ้น เขากังวลเล็กน้อยว่าลู่โจวอาจจะไม่สามารถต่อกรกับนักข่าวตะวันตกและ ‘นักกิจกรรมสิ่งแวดล้อม’ แต่นักวิชาการลู่ไม่ได้แค่นำเสนอความสำเร็จของชาวจีนในช่วงห้าปีที่ผ่านมาให้โลกรับรู้ แต่เขาก็ยังได้แสดงศักยภาพของอนาคตโปรเจกต์ลงจอดดวงจันทร์
การพัฒนาของอวกาศนอกโลกเป็นประโยชน์ต่อทั้งจีนเองแล้วการเอาชีวิตรอดของมนุษยชาติ จากพลังพิเศษที่มีความรับผิดชอบ ถ้อยคำของนักวิชาการลู่จับใจประธานาธิบดี
ผู้อำนวยการหลี่ยิ้มและพูดว่า
“ท้ายที่สุดแล้ว นี่คือนักวิชาการลู่ เขาพูดได้ดี ทุกครั้งที่ผมพูดคุยปัญหากับเขา ผมรู้สึกตื่นรู้”
ไม่เพียงแต่ว่าเขารู้สึกตื่นรู้ ลู่โจวมักจะแก้ปัญหาให้เขาบ่อยๆ
สิ่งที่เขาชอบที่สุดคือการเยี่ยมบ้านของนักวิชาการลู่
ประธานาธิบดีจนแขนเก้าอี้ทั้งสองข้าง เขาลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินไปตรงพิมพ์เขียวที่แขวนไว้บนกำแพง
พิมพ์เขียวนี้ถูกออกแบบร่วมกันโดยคณะกรรมการการโคจรรอบดวงจันทร์และคณะกรรมการออกแบบผังเมืองกว่างฮั่น มันแสดงภาพของเมืองในเขตพิเศษกว่างฮั่นหลังจากที่มีประชากรมากกว่า 10,000 คน ถึงแม้ว่ามันเป็นเพียงภาพแนวคิดที่ไม่ต่างจากโปสเตอร์หนัง เทคโนโลยีหลายอย่างที่เกี่ยวข้องนั้นเกิดขึ้นแล้วที่ห้องแล็บในสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง
ตราบใดที่พวกเขาพัฒนาต่อตามขั้นตอนในระดับความเร็วนี้ ไม่ช้าก็เร็ว พิมพ์เขียวนี้จะกลายเป็นความจริง…
ประธานาธิบดีจ้องมองพิมพ์เขียวอยู่นาน แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า
“จะว่าไป ผู้ย้ายถิ่นฐานกลุ่มแรกจะเดินทางเมื่อไหร่นะ?”
ผู้อำนวยการหลี่พูดตอบ “น่าจะในไม่กี่วันครับ”
ประธานาธิบดีพยักหน้า หลังจากคิดอยู่สักพัก เขาพูดต่อ “ถึงแม้สำนักงานกระทรวงความบันเทิงได้ทำการโปรโมตมาหลายชุด ผมยังรู้สึกว่าขาดอะไรบางอย่างอยู่”
“เทคโนโลยีคงตัวและกลยุทธ์ระยะกลางและระยะยาวได้รับการวางแผนมาแล้ว แต่มีเรื่องสำคัญหนึ่งที่ถูกมองข้าม นั่นก็คือจิตวิญญาณของเรายังไม่ได้รับถูกถ่ายทอดให้โลกใบนี้”
“การพัฒนาทรัพยากรดวงจันทร์ของคณะกรรมการการโคจรรอบดวงจันทร์ไม่ได้มีแค่สำหรับประเทศจีน แต่ก็ยังมีสำหรับโลกและอนาคตของมนุษยชาติ”
ประธานาธิบดีมองดูเลขาซึ่งยืนอยู่อีกด้านของโต๊ะแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์วันพรุ่งนี้จะเป็นสปีชด้วยความจำเป็นของนักวิชาการลู่”
เลขาพยักหน้าทันทีและตอบกลับด้วยความเคารพ “ครับท่าน!”
…
ช่วงเช้าตรู่ของวันต่อมา พาดหัวข่าวชื่อว่า ‘ความจำเป็น’ ปรากฏขึ้นที่หน้าแรกของเหรินเหรินเดลี่
ผู้เขียนนำเนื้อหามาจากการพูดของนักวิชาการลู่ที่งานซัมมิทสภาพอากาศโลกโคเปนเฮเกนและการตอบคำถามจากนักสิ่งแวดล้อม พวกเขาได้แสดงความเห็นในอนาคตของมนุษยชาติและพูดถึงเรื่องทางออกขั้นสุดท้ายของการปกป้องระบบนิเวศ
ท้ายที่สุดแล้วบทความนี้ได้ขัดเกลาการพูดของนักวิชาการลู่และให้ข้อสรุปว่า ‘มนุษย์ไม่สามารถถูกกักไว้ในเปลได้ตลอดไป อนาคตเดียวที่มีคือการออกจากที่นี่ไป’
แม้ว่ามันฟังดูเพ้อเจ้อไปหน่อย มันก็เป็นปัญหาที่ค่อนข้างร้ายแรง
มีหลายสปีชีส์ที่ครอบครองโลกและอยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร พวกมันอาจจะไม่ได้ก่อตั้งอารยธรรมที่เจริญงอกงามเหมือนมนุษย์ แต่การมีอยู่ของพวกนั้นยืนหยัดยาวนานกว่ามนุษย์ ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนาน 250,000 ปี
แล้วตอนนี้สปีชีส์พวกนี้ส่วนมากสูญพันธุ์ไปแล้ว
มันแสดงให้เห็นว่าถึงแม้ว่าอารยธรรมอุตสาหกรรมไม่เคยมีมาก่อน มันไม่ได้หมายความว่าระบบนิเวศและปัจเจกบุคคลในระบบสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบสุข
สุดท้ายแล้วการควบคุมธรรมชาติเป็นทางออกเดียวของมนุษยชาติ
สิ่งนี้ไม่ได้เป็นแค่ทางแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่มันยังเป็นวิธีการเดียวเพื่ออนาคตที่ดีกว่า
แน่นอนว่าเนื่องจากบทความนี้ถูกเผยแพร่ในเหรินเหรินเดลี่แทนที่จะเป็นไซเอินซ์หรือเนเจอร์ จุดประสงค์ที่แท้จริงนั้นไม่ใช่การพูดคุยถึงปัญหาการปกป้องสิ่งแวดล้อม
จุดประสงค์ของมันคือการส่งสัญญาณหรือความคิดให้กับโลกภายนอก
สิ่งนี้เกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรดวงจันทร์และการครอบครองอวกาศนอกโลก
ในอีกแง่หนึ่ง…
มันเป็นโชคชะตาของจีน!
เมื่อบทความนี้ถูกเผยแพร่ไป มันสร้างปรากฏการณ์ในโลกออนไลน์ทันที บทความนี้แพร่กระจายไปทั่วโลกออนไลน์ในตอนเช้าและในเว็บไซต์โซเชียลมีเดียหลายประเภท
ถึงแม้ว่าไม่มีการพูดสะเทือนอารมณ์ในบทความ มันได้สะท้อนใจกับจิตวิญญาณของผู้อ่านทุกคน
ผู้คนรู้สึกเซอร์ไพรส์กับปริมาณข้อมูลที่ถูกเผยในบทความนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนการด้านอวกาศ
กลุ่มผู้โยกย้ายแรกไปโซนเศรษฐกิจพิเศษกว่างฮั่นจะออกเดินทางในไม่ช้า?
ทำไมพวกเราถึงสมัครไม่ได้ล่ะ?
โพสต์เว่ยป๋อจากเหรินเหรินเดลี่เต็มไปด้วยคอมเมนท์จำนวนมาก
“ให้ตายเถอะ! พวกนั้นวางแผนจะไปจริงๆ?”
“ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่น? ผมไม่คิดว่าโซนเศรษฐกิจพิเศษกว่างฮั่นจะมีอยู่จริง!”
“จะไปที่นั่นสายไปไหมนะ?”
“ไปเลย ไอ้เวร! มันไม่ใช่ที่ที่ใครจะไปก็ได้!”
“ดูเหมือนว่ามีคนมากกว่าร้อยคนแล้วในโซนกว่างฮั่น ปริมาณของปริญญาเอกต่อคนนั้นบ้าไปแล้ว!”
การพูดคุยที่เผยแพร่เป็นวงกว้างของบทความนี้ทำให้หลายคนขบคิด
“โห ฉันไม่คาดคิดเลยว่าจะมีวันที่พวกเราได้นำโลกก้าวไปข้างหน้า…”
แทบทุกคนที่กดไลค์คอมเมนท์นี้ก็ไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงกะทันหัน
เมื่อพวกเขาค้นพบมัน พวกเขารู้สึกช็อก
เพียงแค่ห้าปีก่อน บัลลังก์ของโลกยังเป็นของอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรแปซิฟิก จินตนาการสำหรับอนาคตสามารถพบได้ที่ถนนเส้นหนึ่งในอเมริกาเหนือหรือภายในมหาวิทยาลัยตะวันตกบางแห่ง
ตอนนี้ผ่านไปแล้วห้าปี โฟกัสได้เปลี่ยนมาทางตะวันออกโดยไม่รู้ตัว
จากฟิวชั่นที่ควบคุมได้สู่อุตสาหกรรมอวกาศ การเติบโตของการผลิตอัจฉริยะในจีนได้เปลี่ยนแปลงสมดุลและสร้างนิยามให้กับโลกใหม่โดยฉลาด
วิธีการก้าวสู่อนาคตก็กลายเป็นปัญหาใหม่
พวกเขาสามารถต่อรองอำนาจ แล้วนั่งดูกำไรจำนวนมากสบายๆ ในศตวรรษหน้า หรือพวกเขาอาจจะสำแดงความเจริญงอกงามของชุมชนโดยสร้างอนาคตให้มนุษยชาติทั้งมวล
โลกทั้งใบรอคำตอบจากมังกรใหญ่นี้
และตอนนี้การพูดที่ถูกเรียกว่า ‘ความจำเป็น’ ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน