Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1282 ดลใจ
ภายในห้องนั่งเล่นที่แมนชั่นจงซาน อินเตอร์เนชั่นแนล
หุ่นยนต์ทำความสะอาดสูงครึ่งหนึ่งของมนุษย์ที่ถูกเชื่อมต่อกับแขนกลและอุปกรณ์ฟังก์ชันหลายอย่างนำกาแฟสามแก้วมาวางไว้บนโต๊ะกาแฟ
ศาสตราจารย์ด็อบริกนั่งอยู่ที่โซฟาด้วยสีหน้าตึงเครียด เขาถูมือแล้วเล่นนิ้วเป็นเวลานาน จากนั้นเขาก็กระแอมเบาๆ และเขามีความกล้าที่จะพูดขึ้น
“ขอผมแนะนำตัวเอง ผมคือ—”
“รูดี้ ด็อบริก ศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยบรัสเซลส์ และเว่ยฮง ศาสตราจารย์ที่สถาบันฟิสิกส์พลังงานสูง สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน” ลู่โจวจิบกาแฟบนโต๊ะและพูดว่า “ผมคงไม่ต้องแนะนำตัวเองเนื่องจากคุณน่าจะรู้จักผมอยู่แล้ว”
“คุณรู้ใช่ไหม…ว่าพวกเราคือใคร?” เว่ยฮงมองดูลู่โจวอย่างไม่เชื่อสายตา
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดึงดูดความสนใจของนักวิชาการชื่อดังนี้
ข้อเท็จจริงที่ว่าลู่โจวจำหน้าพวกเขาได้เป็นเรื่องยอดเยี่ยม
ลู่โจวถอดแว่นตาเออาร์ออกจากดั้งจมูก เขาเหน็บมันไว้ที่คอปกเสื้อ แล้วเอนหน้ามาที่สองคนนี้เล็กน้อย “ตอนแรกผมวางแผนว่าจะพักสองวันแล้วค่อยไปคุยกับคุณสองคนที่ ILHCRC แต่เมื่อพวกคุณอยู่ที่นี่กันแล้ว มาคุยกันดีกว่า”
ศาสตราจารย์ด็อบริกพยักหน้าทันที เขาไม่กล้าที่จะทำให้ลู่โจวเสียเวลา เขาหยิบกระดาษที่ปรินท์ก่อนจะมาที่จินหลิงออกมาจากกระเป๋าทันทีแล้วยื่นมันให้ลู่โจว
แต่หลังจากที่ลู่โจวพลิกอ่านดู เขายื่นคืนมันให้ศาสตราจารย์ด็อบริก
“ผมเคยอ่านมันมาก่อนแล้ว”
“เอ่อ คุณไม่อยากอ่านมันอีกครั้งเหรอ?”
“ไม่จำเป็นครับ ถ้าเกิดมันเป็นงานวิจัยที่ผมสนใจ ผมก็จำได้ทันทีหลังจากที่อ่านมันมาแล้ว” ลู่โจวมองดูศาสตราจารย์ด็อบริกและพูดว่า “บอกผมอย่างละเอียดเรื่องการทดลองที คุณพบได้อย่างไรว่าอนุภาคซีได้รบกวนแรงโน้มถ่วงเมื่อมันแผ่จากละติจูดสูงไปละติจูดต่ำ ผมสนใจในเนื้อหานี้มากกว่า”
ด็อบริกและศาสตราจารย์เว่ยฮงมองหน้ากัน แล้วในที่สุดศาสตราจารย์เว่ยพูดว่า
“ขอผมพูดถึงส่วนนี้ มันค่อนข้างแปลก…”
ลู่โจวพยักหน้า
“เชิญเลยครับ”
“เอาให้ละเอียดที่สุดเลย”
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น
นับตั้งแต่ที่ทฤษฎีอนุภาคซีถูกเผยออกมาเมื่อปีก่อน โลกฟิสิกส์นั้นล้ำถึงสนามมิติจำนวนมากเป็นครั้งแรก และงานวิจัยในด้านที่เกี่ยวข้องได้เป็นที่นิยมในทันที
ศาสตราจารย์ด็อบริกบันทึกข้อมูลที่เก็บมาจากเครื่องดักจับคลื่นความโน้มถ่วงที่สถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ดวงจันทร์ และพบว่าในการทดลองชนโซนพลังงานสูงล่าสุด ข้อมูลคลื่นความโน้มถ่วงมีการรบกวนแปลกประหลาด
ปรากฏการณ์นี้ทำให้ศาสตราจารย์เว่ยฮงสนใจ ซึ่งเขาทำงานในกลุ่มวิจัยอนุภาคซี ทั้งสองรีบเขียนรายงานปรากฏการณ์นี้แล้วสมัครโปรเจกต์วิจัย
ศาสตราจารย์เว่ยฮงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการอธิบายทั้งโปรเจกต์ตั้งแต่ต้นจนจบ รวมทั้งปัญหาทั้งหมดที่พวกเขาพบเจอ
หลังจากที่เขาตั้งใจฟังที่ศาสตราจารย์เว่ยฮงพูด ลู่โจวพยักหน้า
“ผมเข้าใจแล้ว”
“สิ่งที่พวกเขาพบนั้นน่าสนใจจริงๆ และไอเดียวิจัยก็แปลกใหม่มาก…แต่หลังจากที่ฟังคำบอกกล่าวของคุณ ผมมีไอเดียอื่นๆ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ศาสตราจารย์ด็อบริกก็รีบพูดออกมาว่า “ได้โปรด บอกความเห็นของคุณหน่อย”
เมื่อเห็นว่าศาสตราจารย์ด็อบริกตื่นเต้นมาก ลู่โจวพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่ต้องตื่นเต้นไป มันเป็นแค่ความคิด มันอาจจะไม่ถูกต้อง…มันอาจจะผิดด้วยซ้ำ”
เขานิ่งไปชั่วครู่และพูดต่อ “จากทฤษฎีของไอน์สไตน์ ตราบใดที่ความไม่เท่าเทียมกันยังมีอยู่สักที่ในจักรวาล ดังนั้นแรงโน้มถ่วงก็ต้องไม่เท่ากัน ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปทำให้เรารู้ว่าเวลาและพื้นที่ขยับไปกับสสารอย่างไร สสารบอกให้เรารู้ว่าเวลา-พื้นที่บิดเบี้ยวอย่างไร”
ลู่โจวคิดอยู่หนึ่งนาทีเกี่ยวกับการอธิบายความคิดนามธรรมในหัวของเขา
ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างออก เขาเงยหน้าขึ้นแล้วดีดนิ้วตัวเอง
หุ่นยนต์ทำความสะอาดที่เพิ่งรินกาแฟให้เขาทั้งสามกลับมาที่ห้องนั่งเล่นอย่างช้าๆ และครั้งนี้มันนำไวท์บอร์ดมาด้วย จากนั้นก็มีโดรนบินเข้ามาและวางปากกามาร์กเกอร์ในมือลู่โจว
ชายสองคนนี้รู้สึกงุนงง ลู่โจวที่กำลังจะพูดขึ้น นิ่งไปชั่วครู่ก่อนพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องเซอร์ไพรส์เกินไปครับ มันเป็นแค่อุปกรณ์ที่ผมสร้างขึ้นในเวลาว่าง สุดท้ายแล้วการอยู่คนเดียวในบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ก็เหงาอยู่บ้าง”
คิ้วของด็อบริกและเว่ยฮงเริ่มกระตุก แล้วทั้งสองเกือบสำลักกาแฟออกมา
สร้างอุปกรณ์พวกนี้ในเวลาว่าง…
หุ่นยนต์บ้านไม่ดูเหมือนอุปกรณ์เลย… พวกเขาประกอบปัญญาประดิษฐ์เข้ากับหุ่นยนต์ในเวลาจริงๆ เหรอ?
ผมสงสัยว่าบริษัทไฮเทคที่เชี่ยวชาญในด้านอุปกรณ์ภายในบ้านรู้สึกอย่างไร?
ลู่โจวลุกขึ้นยืนจากโซฟาแล้วเดินไปที่ด้านข้างของไวท์บอร์ด
หลังจากที่คิดอยู่สักพัก เขาก็ใช้ปากกามาร์กเกอร์ในมือเริ่มเขียนภาษาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์เพื่อแสดงการคาดเดานามธรรมและลึกลับให้เป็นพิมพ์เขียวที่เห็นได้ชัด…
[Rμν—1⁄2gμνR—Λgμν=8πTμν]
[…]
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
กาแฟบนโต๊ะกาแฟเย็นลงหมดแล้ว
ด็อบริกและเว่ยฮงจ้องมองไวท์บอร์ดด้วยความตั้งใจ พวกเขาไม่กล้าละสายตาออกไปเลย พวกเขาเกรงว่าจะพลาดแม่แต่ตัวอักษรเดียวหรือแม้แต่เครื่องหมายคำถาม พวกเขาอยากปรินท์ทุกรายละเอียดบนไวท์บอร์ดในสมอง
ในที่สุดปากกามาร์กเกอร์หยุดขีดเขียน
ลู่โจวหันกลับไปมองศาสตราจารย์ฟิสิกส์สองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา ในขณะที่เขาวางปากกามาร์กเกอร์ไว้ข้างไวท์บอร์ดอย่างแผ่วเบา
“โดยทั่วไปพวกนี้คือไอเดียที่ผมนึกออกในตอนนี้…มันดูยากนิดหน่อย แต่ถ้าคุณอ่านมันอีกรอบมันจะเข้าใจได้ง่าย”
ยากนิดหน่อยเหรอ?
ศาสตราจารย์ด็อบริกและศาสตราจารย์เว่ยฮงรู้สึกกังวล
พวกเขาแทบจะตามความคิดของลู่โจวไม่ทัน ถึงแม้ว่าพวกเขาวิจัยด้านนี้นานกว่าครึ่งปีแล้ว
มันโหดเกินไปที่จะจินตนาการว่าลู่โจวคิดถึงเรื่องพวกนี้ในตอนนี้
ระหว่างที่เว่ยฮงจ้องมองเนื้อหาบนไวท์บอร์ด เขายกมือขึ้นและถามว่า “ขอผมถ่ายรูปได้ไหม?”
ลู่โจวเดินไปนั่งลงที่โซฟา เขาดื่มกาแฟเย็นชืดแล้วยิ้ม
“แน่นอน ผมเขียนไปเยอะ จุดประสงค์คือเป็นการดลใจให้งานวิจัยของคุณสักหน่อย ถ้าคุณลืมมันตอนที่คุณกลับไป มันจะไม่ได้สูญเปล่าใช่ไหมล่ะ?”
ทั้งสองหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปโดยไม่ได้พูดอะไรตอบ ลู่โจวพูดต่อ “เวลาและพื้นที่บอกวิธีการเคลื่อนไหวกับสสาร และสสารบอกเวลาและพื้นที่ว่าโค้งงอแบบไหน สิ่งนี้คือไอเดียหลักของงานวิจัยนี้ ขั้นตอนบนไวท์บอร์ดเป็นเพียงแค่กรอบการทำงาน มันยังไม่ได้ถูกขัดเกลา”
“ยกตัวอย่างเช่น ในส่วนแรกเราควรจัดตั้งกลุ่มควบคุมก่อน คำนวณความผิดปกติของแรงโน้มถ่วงของอนุภาคซี และถอดสูตรการผันผวนแรงโน้มถ่วงของอนุภาคซี หลังจากนี้สถานการณ์จะง่ายขึ้นเยอะ…”
โทรศัพท์ของลู่โจวบนโต๊ะกาแฟเริ่มดังขึ้น
ลู่โจวหยุดพูดไป เขามองดูชายสองคนนี้ด้วยรอยยิ้มเชิงขอโทษ
“โทษทีครับ ลองอ่านดูอีกที ผมต้องไปรับสายนี้”
ลู่โจวลุกขึ้นแล้วเดินไปรับโทรศัพท์
เมื่อเขาหันหลังให้สองคนนี้ เขาไม่รู้ว่าคำที่เขาเพิ่งพูดออกไปให้เว่ยฮงและศาสตราจารย์ด็อบริกทราบได้สร้างความคิดปั่นป่วนในหัวของพวกเขา
คำนวณความผิดปกติของแรงโน้มถ่วง…
อนุมานสูตรคลื่นความโน้มถ่วงอนุภาคซี…
สายตาของเว่ยฮงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นในขณะที่เขาเผลอกำหมัดแน่น
ทันใดนั้น…
พวกเขานึกไอเดียบางอย่างได้…